รวมเผ่าคนดอย

ชาวเขาในประเทศไทย

ความเป็นมาของชาวเขา

คำว่า "ชาวเขา" เริ่มเป็นที่รู้จักและนำมาใช้อย่างเป็นทางการเมื่อประมาณสามทศวรรษนี้เอง นับย้อนก่อนหน้านั้นขึ้นไป ยังไม่มีคำเรียกรวมๆที่หมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆที่ยังมีอยู่ตามขุนเขา และมีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง แตกต่างไปจากกลุ่มชาติพันธุ์ไทหรือไต ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทย จนเมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสงเคราะห์ชาวเขา (ภายหลังได้เปลี่ยนเป็นคณะกรรมการชาวเขา) ในปี พ.ศ.2502 คำว่า "ชาวเขา" จึงถูกนำมาใช้ครอบคลุม 9 กลุ่มชาติพันธุ์สำคัญได้แก่ แม้ว (ฮม้ง,ม้ง) เย้า (เมี่ยน) มูเซอ (ละหู่) ลีซอ (ลีซู) อีก้อ (อาข่า) กะเหรี่ยง (ปาเกอยอ) ลัวะ (ละเวอะ) ถิ่น (มาล,ไพร่) และ ขมุ ชาวเขาเหล่านี้ส่วนใหญ่กระจายตัวกันอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย และอีกบางส่วนตั้งถิ่นฐานกันอยู่ตลอดแนวชายแดนไทยพม่า ด้านทิศตะวันตกของประเทศไทย จากสถิติประชากรชาวเขาซึ่งรวบรวมครั้งล่าสุดในปี 2531 โดยสถาบันวิจัยชาวเขาจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีประชากรชาวเขาเผ่าต่างๆรวมกันเป็นจำนวน 551,144 คน อยู่ในพื้นที่ 20 จังหวัด ทั้งนี้โดยมีจำนวนประชากร และอัตราส่วนร้อยละแยกเป็นเผ่าๆได้

สิ่งที่ยังพอจะกล่าวถึงในลักษณะเป็นภาพรวมของชาวเขา คือ การยัง คงเป็นสังคมเกษตรกรรมแบบกึ่งยังชีพของชาวเขา โดยที่ข้าวและข้าว โพดยังเป็นพืชหลักที่ชาวเขาส่วนใหญ่ปลูกเพื่อการใช้ประโยชน์ใน ครัวเรือนเป็นสำคัญ ส่วนพืชเศรษฐกิจนั้นมีความหลากหลายแตกต่าง กันไปตามสภาพภูมิศาสตร์และสภาพตลาดรองรับในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ภาษาที่ใช้ยังคงเป็นเครื่องบ่งบอกความแตกต่าง ระหว่างชาวเขากับชาวพื้นราบ และระหว่างชาวเขาด้วยกันเอง ได้อย่างดี แม้ในปัจจุบันชาวเขาสามารถใช้ภาษไทยพื้นเมือง หรือไทยภาคกลางกันได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น แต่ในระหว่าง กลุ่มชาติพันธุ์เดียวกันก็ยังคงใช้ภาษาอันเป็นเอกลักษณ์ของ แต่ละกลุ่มอยู่ ในด้านเครื่องแต่งกายประจำเผ่า ถึงแม้ชาวเขา จำนวนมากจะหันมานุ่งห่มอย่างคนพื้นราบ แต่ก็สามารถกล่าวได้ ว่ายังมีการอนุรักษ์ชุดแต่งกายประจำเผ่ากันไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันประเพณีสำคัญๆ เช่น วันฉลองปีใหม่ การแต่งกายด้วยชุด ตามประเพณีก็ยังคงเป็นที่นิยมกัน ความเชื่อถือเกี่ยวกับผี วิญญาณ เทพเจ้า และการบูชาบรรพบุรุษ ยังคงเป็นที่เชื่อถือ และปฏิบัติกันเป็นส่วนใหญ่

คลิกดูแล้วจะรู้ว่ามีกี่เผ่า

back 1