ปีที่ 2 ฉบับที่ 801 ประจำวันพุธที่ 22 เดือนกันยายน พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

สงครามที่ต้องหยุดยุติด้วยสันติภาพ มิใช่ "สงครามยุติเพื่อสงคราม"

"ใจ" คำนี้เป็นคำสั้นๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งนัก ใจนี่แหละ คือบ่อเกิดแห่งปัญญา บ่อเกิดแห่งขุมทรัพย์ บ่อเกิดแห่งความยิ่งใหญ่ทั้งปวง

นักรบที่ผงาดในสนามรบอย่างสง่าและองอาจ นักการเมืองที่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศ และนำชาติอย่างเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ แม้ในยามวิกฤติ ก็ยังจิตใจหนักแน่น ไม่หวั่นไหว มิกลัว อันตราย ยังยืนหยัดควบคุมสาถนการณ์อย่างเงียบเชียง รัดกุม และเต็มไปด้วยสติปัญญา

ผู้นำมวลชนที่นำโดยใช้ความนุ่มนวลอ่อนน้อม ขอร้องเป็นคำสั่ง ใช้หลักธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเครื่องมือต่อสู้ ใช้ความสงบสันติของโลก เป็นเป้าหมาย รบโดย การหยุดรบ ใช้สันติภาพเข้าต่อสู้กับสงคราม ใช้การให้อภัยเป็นการแก้แค้น ใช้เมตตาธรรมเป็นอาวุธพิชิตโลก

ครับ สงครามต้องพิชิตด้วยสันติภาพ War and Peace มิใช่ War and war สงครามแห่งมนุษยชาติที่ต้องเอาชนะด้วยการ "หยุด" มิใช่การ "รบ"

ต้นเหตุของสงครามที่แท้ของมนุษย์ อยู่ที่อวัยวะเล็กๆ ในตัวมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน ความแตกต่างอยู่ที่ "ใจ"

วันนี้ เรากำลังยืนตรงธรณีประตูแห่งสหัสวรรษใหม่ สหัสวรรษที่คำทำนายของโลกได้เขียนไว้ในทุกตำราของหลายศาสนา และนักพยากรณ์ของโลก สหัสวรรษแห่งสันติสุข และภูมิ ปัญญา ซึ่งทุกคนก็กำลังสงสัยว่า สันติภาพของโลกจะเกิดได้อย่างไร 

ในเมื่อสงครามแย่งดินแดนยังประทุทุกประเทศ นับตั้งแต่โคโซโซมา จนถึงติมอร์ สงครมมแย่งชิงอำนาจของโลกยังคงเขย่าขวัญมนุษย์นับตั้งแต่เกาหลีเหนือ ไปจนตะวันออกกลาง แคชเมียร์ไปจนถึงอัฟริกา

สงครามในใจของผู้มีอำนาจ สงครามในใจของผู้นำประเทศ สงครามในใจของนักธุรกิจระดับโลก สงครามในใจของนักการเงินระดับโลก ถ้า "ใจ" ของบุคคลเหล่านี้ยังเป็น "ใจสงคราม"  ถ้าอย่างนั้น สันติสุขในโลกจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

โลกวันนี้กำลังร้อนรุ่มเต็มไปด้วยความร้อนระอุ ความร้อนระอุ จากภัยสงครามที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะดับ สงครามที่คุกรุ่นข้ามชาติ ข้ามสหัสวรรษ ความร้อนระอุจากภัยเศรษฐกิจ ที่บานปลายมาเป็นภัยสังคม และศีลธรรม ณ วันนี้ เราอยู่ที่ธรณีประตูแห่งสหัสวรรษที่เยือกเย็นแล้ว เรายังมองไม่เห็นว่า ภัยเหล่านั้น จะหยุดได้อย่างไร ยกเว้น การดับภัยที่ต้นเหตุ นั่นคือ "ใจ" ของผู้นำของโลก

ผมโชคดีที่ได้มีโอกาสได้กราบหลวงพ่อธัมมชโยหลายครั้ง ได้เห็นวิธีการทำงานอันนุ่มนวล ได้เห็นวิสัยทัศน์อันกว้างไกลอย่างน่าพิศวง ได้ฟังธรรมะอันเยือกเย็น และลุ่มลึกหลายครั้ง

มีอยู่วันหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้เอง ในท่ามกลางความร้อนระอุของเรื่องราวภายนอก ข่าวหนังสือพิมพ์ มหาเถระ ตำรวจ และความวุ่นวายสับสน สารพัดที่จะรุมเร้า คนวัดก็เต็มไป ด้วย ความเป็นห่วง และความร้อนใจ วิตกกังวล 

ผมนั่งมองหลวงพ่อกำลังปั้นปฏิมากรรมอันงดงาม ที่สวยงามอย่างน่าพิศวง ทำด้วยดินเหนียวธรรมดา อย่างที่ผมเคยปั้นเล่นตอนเด็กๆ ที่บ้านนอก ผมเห็นท่านยิ้มด้วย อารมณ์ แจ่มใส มือก็ใช้ไม้เกรียงเล็กๆ ปาดตกแต่ง รูปปั้นเล็กๆ ของท่านอย่างเยือกเย็น ประณีต

ใช่ครับ รูปปั้นหลวงพ่อวัดปากน้ำ ขนาดสูงกว่าฝ่ามือเล็กน้อย เป็นรูปปั้นที่เหมือนที่สุด นิ่งสงบที่สุด ในท่านั่งสมาธิที่ ถ้าหากเอามาวางตรงหน้าผม ก็เป็นผู้นำสมาธิตัวจริง ที่ทำให้ จิตใจอยากนั่งตาม มากที่สุด ทั้งตาที่หลับพริ้ม ใบหน้าที่นิ่งสงบ และเยือกเย็น ถ้าจะเป็นผู้นำของโลก ก็จะเป็นผู้นำแห่งความสงบของโลก ที่สันติสุขที่สุด

เมื่อถามว่า หลวงพ่อไปฝึกวิชาปั้นนี้มาจากไหนครับ ทำไมปั้นเก่งอย่างนี้ นี่ขนาดผมก็สอน มหาวิทยาลัยศิลปากร มีลูกศิษย์เป็นศิลปินเยอะแยะ ก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย เพราะนี่ เหมือนปั้นด้วยใจ ใจที่เยือกเย็นลึกซึ้ง รูปปั้นถึงออกมาสวยเย็นเหลือเกิน 

ท่านก็บอกว่า ไม่เคยเรียนหรอก ก็ฝึกเอาเองนี่แหละ และนี่หลวงพ่อปั้นได้วันละรูปนะ แล้วท่านก็ให้ไปเอาอีกหลายองค์ มาตั้งเรียงให้ดู มีทั้งท่ายืน ท่าอุ้มบาตร ท่านั่งถือไม้ชี้จักรวาล สวยงาม อย่างไม่น่าเชื่อทุกองค์

ครับ ก็คือรูปที่พวกเราชาววัด ตอนนี้ทุกคนกำลังรับทุกอาทิตย์ เพื่อไปบูชาที่บ้านนั่นแหละครับ ที่วิเศษก็คือ ทำสีเหมือนดินเหนียวสดๆ ที่ท่านปั้นเอง มาจากมือน้อยๆ แห่งธรรมะ ของท่านเอง มือที่กราบไหว้พระพุทธเจ้า มือที่นำสมาธิให้กับคนทั้งโลก มือที่เยือกเย็น

ผมถามต่อว่า ทำไมหลวงพ่อปั้น ไม่ต้องมีแบบล่ะครับ ผมเห็นลูกศิษย์ผม เวลาไปยืนดูเขาปั้น เขาจะต้องมีนายแบบ นางแบบมานั่งเป็นแบบ แล้วทำไมถึงรู้สัดส่วนอย่างนี้

หลวงพ่อก็ยิ้มแล้วบอกว่า รูปหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น อยู่ในใจของหลวงพ่อตลอด นั่งก็เห็น ยืนก็เห็น เดินก็เห็น นึกทีไรก็เห็นทุกที ระหว่างที่คุยไป ท่านก็ใช้อุปกรณ์ของท่าน ด้วยความ ชำนาญ แม้โลกภายนอกจะร้อนระอุ แต่ภาพที่ผมเห็นนั้นคือ ผู้นำที่สงบเยือกเย็น ยิ้มแย้ม และยังรักษาจริยวัตร อันนุ่มนวล แห่งพระภิกษุสงฆ์ ครบถ้วนทุกประการ

และข้อคิดที่ผมได้จากท่านต่อมาก็คือ "สงครามที่ต้องยุติด้วยสันติภาพ" มิใช่ "สงครามที่ยุติได้ด้วยสงคราม"

"War and Peacd" มิใช่ "War and War"

ครับ ใจของมนุษย์ คือจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของชีวิตมนุษย์ จุดเริ่มต้นที่ทำให้มนุษย์รู้จักคิด รู้จักใช้ปัญญา รู้จักใช้เป็นอาวุธ รู้จักใช้สร้างสงคราม รู้จักใช้สร้างสันติภาพ

ความรู้ของมนุษย์เราก็คิดว่า คำว่าใจ คือหัวใจ ที่เต้น ทำให้เรามีชีวิต ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย จริงๆ แล้วคำว่า "ใจ" นี้มีอีกความหมายหนึ่งที่ไม่กี่คนจะรู้ว่า ใจที่มอง ไม่เห็น เป็นรูปธรรมนี่แหละ มีอีกความหมายหนึ่ง เป็นใจที่สั่งสมองให้คิด ให้ทำงาน

และที่อยู่ของ "ใจ" ที่ว่านี้ อยู่ที่ศูนย์กลางกายของมนุษย์ทุกคน

"สิงห์ขาว"


[หน้าหลัก][หน้า1][เจาะคน][สหัสวรรษ][วิวาทะ][ปุจฉา]

1