ปีที่ 2 ฉบับที่ 801 ประจำวันพุธที่ 22 เดือนกันยายน พ.ศ. 2542 |
ศิษย์สมเด็จเกี่ยวแจงกรณีพระด่าพระ ไม่ต่างจากแมลงวัน "จัญไร" ลั่นไม่ได้เป็นการปกป้องคนชั่ว แต่เป็นการรักษาพระธรรมวินัย
ที่ห้ามสงฆ์โจทอาบัติชั่วหยาบ
แก่อนุปสัมบัน ดร.เบ็ญจ์ บาระกุล
โต้รัฐบาลสอบหนังสือ
พระธรรมปิฎกเพี้ยน ด้านเสี่ยตือไร้จุดยืน เดินตามกระแส
จากกรณีสมเด็จพุฒาจารย์ หรือสมเด็จเกี่ยว เจ้าอาวาสวัดสระเกศ เจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออก
เป็นประธานประชุม
พระอุปัชฌาย์ทั่วประเทศ โดยแสดงธรรมตอนหนึ่งว่า
พระสงฆ์ ควรปกป้องกัน
ไม่ควรนำ
อาบัติชั่วหยาบของพระไปโฆษณาแก่อนุสัมบัน หรือฆราวาส หากพระมุ่งทำลายกัน
ก็ไม่ต่างจากแมลงวันจัญไร
ตอมกันเอง ขี้รดหัวกันเอง ปรากฏว่า
มีสื่อหลายฉบับ
นำประเด็นดังกล่าว ไปขยาย ลงความเห็นว่า สมเด็จพุฒาจารย์ปกป้องพระไม่ดี เป็นการช่วยเหลืออุ้มชูหมู่คณะ
โดยไม่ยอมขจัดความไม่ดีงาม
ในพระพุทธศาสนา
แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดสมเด็จเกี่ยว เปิดเผย "พิมพ์ไทย"ว่า การที่สมเด็จเกี่ยวมีความเห็นเช่นนั้น เพราะว่าที่ผ่านมา พระพุทธศาสนาของเรา
ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ
มาโดยตลอด
พระภิกษุที่ปฏิบัติดี
กลับไม่มีการพูดถึง มีการแต่การนำเรื่องไม่ดีของพระ ไปขยายไปสังคม จนขณะนี้ พระส่วนใหญ่ตกเป็นจำเลยของสังคมไปแล้ว
"ส่วนที่ระบุว่า พระต้องช่วยเหลือกัน ไม่ได้หมายความว่า จะต้องช่วยกันปกป้องความผิด เปรียบดังแมลงวันไม่ตอมกัน ทั้งนี้
ท่านต้องการรักษา
พระธรรมวินัย ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า
ห้ามภิกษุโจทอาบัติชั่วหยาบ
แก่อนุปสัมบัน กรณีธรรมกายก็เช่นกัน คณะสงฆ์ควรตัดสินกันเอง โดยยึดหลักของพระธรรมวินัยเป็นที่ตั้ง
ไม่ควรนำไปขยายตาม
หน้าหนังสือพิมพ์ ที่ผ่านมา คงประจักษ์แล้วว่า ไม่เป็นผลดีต่อพระพุทธศาสนาโดยรวม" แหล่งข่าวกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พระธรรมปิฎก ได้มอบหมายให้ลูกศิษย์ นำหนังสือเปิดผนึกถึงนายชวน หลีกภัย นายกฯ เพื่อให้พิจารณาถึงงานเขียน และการแสดงของหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะของ ดร.เบญจ์ บาระกุล เรื่องเปิดโปงขบวนการล้มพุทธ
ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็น
ผลลบต่อพระธรรมปิฎก โดยอ้างว่า
เป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการ
ทำลายพุทธศาสนา
พร้อมกับเรียกร้องให้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เข้าไปตรวจสอบ และชี้แจงความจริงให้ประชาชนได้รับรู้
ขณะเดียวกัน ผู้ใกล้ชิด ดร.เบ็ญจ์ บาระกุล ออกมาระบุว่า หากรัฐบาลจะตรวจสอบเนื้อหาในหนังสือเปิดโปง ขบวนการล้มพุทธของ ดร.เบ็ญจ์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะ
จะได้รับ ข้อมูล
ที่มีมากกว่าสื่อมวลชน ได้นำเสนอไปโดยเฉพาะแนวคิดของพระธรรมปิฎก ที่มีต่อพระพุทธศาสนา ว่า มีการบิดเบือนพระไตรปิฎกจริงหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีธรรมกายว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร ไม่ว่าจะเรื่องที่เกี่ยวกับพระลิขิตและการโอนที่ดินของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มีปัญหาอย่างไร
ทางด้าน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ร.ม.ว. ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา รายงานมติมหาเถรสมาคม วันที่ 21 ก.ย.
มาให้ อย่าง เป็นทางการ หลังจากนั้น จะพิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ส่วนกรณีที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ เสนอให้ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความว่า ฆราวาสสามารถฟ้องสงฆ์ได้หรือไม่ โดยให้ปิดเป็นความลับนั้น เรื่องนี้ ก็ได้แต่ทราบว่า เป็นเพียงข่าว
แต่หาก เป็นจริง และจะทำเป็นความลับนั้น คงไม่ได้ เพราะยุคนี้ เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร สิ่งที่สังคมจับตามอง คงไม่มีใครเก็บเป็นความลับได้ ซึ่งตนคิดว่า มหาเถรสมาคม
ก็คงต้อง ทำ สิ่ง
ที่สังคมจับตามองให้มีความชัดเจน
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กล่าวตำหนิพระพรหมโมลี ในฐานะประธานผู้พิจารณานิคหกรรมพระธัมมชโยชั้นต้น ว่า ทำงานบกพร่องนั้น
คิดว่าเป็น
คำพูดที่น่าเชื่อถือได้ และมีน้ำหนักพอ อย่างไรก็ตาม เรื่องที่มหาเถรสมาคม ต้องการให้ตน เสนอความเห็นเกี่ยวกับ กรณีที่เจ้าคณะภาค 1
ไม่รับคำฟ้องกรณีเจ้าอาวาส
วัดพระธรรมกายนั้น ตนก็จะเขียนและเสนอผ่านนายพิภพ ให้นำเข้าไปในที่ประชุม มหาเถรสมาคมครั้งต่อไป
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ จะเสนอเรื่องให้กฤษฎีกา ตีความว่า ฆราวาส สามารถฟ้องร้องสงฆ์ได้หรือไม่นั้น มหาเถรสมาคมสามารถทำได้
แต่ก่อนหน้า นี้ มหาเถรสมาคมเคยมีมติเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม แล้วว่า ฆราวาสสามารถฟ้องร้องพระสงฆ์ได้ ตนจึงไม่เข้าใจว่า เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการ คงไม่เข้าไปก้าวก่าย การทำงานของสงฆ์ เรื่องของพระ ก็ให้ท่านว่ากันไป
สำหรับมติมหาเถรสมาคม ที่ให้ตนแสดงความคิดเห็นประกอบ กรณีฆราวาสฟ้องพระได้หรือไม่นั้น ตนก็จะยืนยันความเห็น ตามมติมหาเถรสมาคมวันที่ 10 สิงหาคมเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า คดีการสอบสวนทุจริต เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า จากกรณีที่ คณะพนักงานสอบสวนได้ทำการนัดหมาย นายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์
นายหน้า ค้าที่ดิน ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งได้ตกเป็นผู้ต้องหา ให้การสนับสนุน พระธัมมชโย กระทำการทุจริต เพื่อให้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ที่กองปราบปราม
เพื่อลงนามในคำรับสารภาพความผิด ที่ได้มีการปลอมแปลงเอกสารจริง ตามหลักฐาน ที่เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนแล้วพบความผิด ทั้งนี้ เพื่อให้สำนวนคดีมีความรัดกุมมากขึ้น แต่ทางนายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความของพระธัมมชโย ได้ประสานงานมาที่ พนักงานสอบสวน อ้างว่า การนัดหมายดังกล่าววานนี้ (21 ก.ย.) เป็นไปอย่างไม่เป็นทางการ ดังนั้น ผู้ต้องหา จึงไม่เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน และนัดเจอกันในวันที่ 23 กันยายนนี้ ที่จะมีการนำสำนวนการสอบสวน ส่งมอบให้ทางพนักงานอัยการเลยทีเดียว
รายงานข่าวเปิดเผยว่า แม้วัดพระธรรมกาย จะถูกสังคมตรวจสอบอย่างหนัก แต่พระธัมมชโย ก็ไม่ได้หวั่นไหวกับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น และยังมองเห็นว่า
เป็นเพียงข้อสอบ ที่สื่อ
มวลชน ตั้งคำถาม เพื่อทดสอบความสามารถ และความอดทนของวัด และยังคงเรียกร้อง ให้เหล่ากัลยาณมิตร อย่าได้หวั่นไหวต่อสิ่งใด โดยยังคงยืนยันให้ศิษย์ธรรมกาย
เดินทาง มาร่วมงานบุญกับวัด เพื่อพิสูจน์ให้สังคมได้รับรู้ ถึงความมุ่งมั่นของเหล่ากัลยาณมิตร โดยจะมีงานบุญใหญ่ในวันศุกร์ที่ 24 ก.ย. ตรงกับวันที่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ บรรลุถึงวิชชาธรรมกาย และวันที่ 3 ต.ค. ทางวัดจะจัดให้มีการถวายผ้าป่าแก่พระทั่วประเทศจำนวน 1,000 รูป และจะมีงานบุญใหญ่รออีกครั้งในวันที่ 10 ต.ค.นี้