ปีที่ 2 ฉบับที่ 798 ประจำวันอาทิตย์ที่ 19 เดือนกันยายน พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

สวรรค์มีตา ฟ้ามีคำตอบ สำหรับคนทำบุญคนทำบาป

วันนี้วันอาทิตย์สดใส มาคุยเรื่องเบาๆ สบายใจดีกว่า ปกติทุกเช้าผมตื่นที่บ้าน ผมจะเอาหนังสือพิมพ์มาวางไว้ข้างหัวนอนทุกวัน

สิ่งแรกคือรีบเอาหนังสือพิมพ์ไทยมาอ่าน อ่านหัวข่าวที่น่าสนใจ แล้วก็อ่านคอลัมน์วิวาทะ คอลัมน์ "ไอ้ทิด" และคอลัมน์สหัสวรรษ ของตัวเอง อย่างน้อยก็เพื่อตรวจซิว่า วันนี้สะกด ผิดสักกี่ตัว เป็นธรรมดาของคนเขียนหนังสือครับ เขียนเองก็อ่านเอง รักตัวหนังสือของตัวเอง ห่วงผู้อ่านว่า เดี๋ยวเขียนอีกเรื่องเข้าใจไปอีกเรื่อง และพยายามสำรวจตัวเองเสมอว่า จะปรับปรุงข้อเขียนของเราได้ดีขึ้นอย่างไร

ผมคิดว่า ตอนนี้ก็ลงตัวด้วยกันทั้งคู่ ต้นฉบับของผม มีคนดูแลน่ารักมาก ชื่อคุณเสงี่ยม วันหนึ่งผมโทร.เข้าไปในพิมพ์ไทย ขอคุยกับคุณเสงี่ยม ปรากฏว่า เขาบอกว่า อ๋อ มหาเสงี่ยม เลยรู้ว่าแกคงเป็นมหาเก่า แต่ที่ขำก็คือ เวลาเขาตะโกนเรียก เขาร้องว่า ศาสตราจารย์เสงี่ยม มารับโทรศัพท์

นี่ก็เป็นอารมณ์ขันของคนในพิมพ์ไทย อีกวันหนึ่งก็คุยกับกอง บก.ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งผมรู้จักมาตั้งแต่แรก วันดีคืนดีผมก็แอบกระซิบถามว่า ถามจริงๆ เถอะ ใครนะชื่อ "ไอ้ทิด" แกก็ หัวเราะ แล้วขำที่ผมปล่อยไก่ แกก็บอกว่า ก็ผมเองนี่แหละครับ

เมื่อวันศุกร์ ผมเห็นพิมพ์ไทยฉบับที่วางเลย์เอาท์หน้าหนึ่งสีสวยที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา คือใช้สีฟ้าเข้ม เดิมเป็นสีพื้นของพาดหัวตัวใหญ่ทำให้หนังสือสดใสมาก แทนที่พื้นจะเป็นสีดำ อย่างทุกครั้ง และมีสีแดงสดใสของหัวพิมพ์ไทยอยู่มุมบนเป็นตัวชูโรง

ช่วยบอกคนวางเลย์เอาท์ด้วยนะครับว่า เจ๋งจริงๆ ทำแบบนี้ทุกฉบับได้ไหมครับ ใช้สีนี้แหละ ใช้ให้เป็นประจำเลย เสนอให้เป็นสีประจำพิมพ์ไทยเลย ใครไม่ชอบ ผมชอบ

ผมว่ามาถูกทางแล้วนะครับ ช่วยกันรักษาความเด่นของสีนี้ไว้ เพราะสีฟ้านี้ เป็นสีเดิมของพิมพ์ไทย หนังสือพิมพ์ที่ผมรู้จักมาตั้งแต่เด็ก และกี่คนที่รู้ว่า "พิมพ์ไทย" เป็นชื่อหนังสือพิมพ์เช้า ฉบับแรกของเมืองไทย

อ้าว ใช่จริงๆ นะครับ ตั้งแต่ปี 2490 มา หนังสือพิมพ์ในเมืองไทยทุกฉบับ ออกตอนบ่ายกันทั้งนั้น จนกระทั่งคุณอารีย์ ลีวีระ แกมาปฏิวัติวงการ ปฏิวัติหนังสือพิมพ์ให้ออกเช้าให้ได้ และก็ทำได้จริง กลายเป็นค่านิยมของเมืองไทยต่อมา ที่ทุกฉบับเลียนแบบ ทำข่าวหนังสือพิมพ์ตอนกลางคืน เช้าก็วางตลาดเลย

ปฏิวัติหนังสือไม่ว่า ยังทำหนังสือด้วยอุดมการณ์อันสูงสุด เพราะไปขวางทางผู้มีอิทธิพลเข้า สุดท้ายคุณอารีย์แห่งพิมพ์ไทยก็ต้องแลกอุดมการณ์ด้วยชีวิต กลายเป็นข่าวใหญ่ ที่สุดในยุคนั้น นี่คือเส้นทางของ "พิมพ์ไทย" ยุคนั้น

ตอนนั้นผมยังเด็กๆ พอผมอ่านออกเขียนได้ ก็เห็นหนังสือพิมพ์ "พิมพ์ไทย" คู่กับ สารเสรี หัวสีเขียวๆ หาอ่านได้ตามร้านกาแฟในบ้านนอกทุกเช้า ต่อมาสารเสรีหายไป กลายเป็น เสียง อ่างทอง แล้วก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนหลังก็กลายมาเป็นไทยรัฐ ฉบับดังนี่แหละ ส่วนพิมพ์ไทยก็เหมือนเดิมตลอด ดังคงที่ไม่ขึ้นไม่ลง

ตอนที่ผมเข้ากรุงเทพฯ ถนนสีลมยังมีคลองอยู่ข้างหนึ่ง และสำนักงานพิมพ์ไทยก็อยู่ข้างคลอง บนถนนสีลมนั่นแหละ

ตอนหลังผมชักโตขึ้น เข้ามาในวงการก็รู้จักกับคุณมานะ แพร่พันธุ์ ที่ทุกคนเรียกว่าพี่มานะ พี่มานะเป็นคนน่ารัก นิสัยดี ทั้งที่นามสกุลของแกใครก็ต้องรู้จัก เพราะนามสกุลเดียวกับ "ยาขอบ" ผู้แต่งผู้ชนะสิบทิศ ที่ลือลั่นทั่วเมืองไทย หรือคุณโชติ แพร่พันธุ์

ผมห่างเหินจากวงการสื่อมวลชนไปนาน เพราะมัวแต่ไปทำธุรกิจการค้า ยุ่งแต่วงการของตัวเอง ไม่ได้สังเกตว่า พิมพ์ไทยหายไปไหน หายไปเมื่อไร มาเห็นอีกทีก็ในยุคนี้แหละ และไปๆ มาๆ ก็อยู่ในค่ายพิมพ์ไทยกับเขาด้วย

เพราะพิมพ์ไทยกลายเป็นหนังสือฉบับเดียว ที่สู้เพื่อการศาสนา สู้อย่างไม่หวั่นเกรงอิทธิพลใดๆ เข้าช่วยวัดพระธรรมกายแบบเทกระเป๋า ถ้าเป็นไฟก็เรียกว่า ตีแตก เพราะทนเห็น ความอยุติธรรมของวงการสื่อไม่ไหว เข้าช่วยแก้ข่าวให้พระผู้ใหญ่ เพราะตอนนี้สื่อมวลชน กลายเป็นศัตรูคู่แค้นกับวงการสงฆ์ และวงการพุทธศาสนาอย่างน่ากลัว มีบางฉบับ เท่านั้น ที่กลัวบาปไม่ยอมเล่น อย่างหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ซึ่งไม่แตะต้องเลยตั้งแต่ต้น ฉบับอื่นก็ตามกระแสประปราย

แต่ฉบับที่กัดติด และเทกระเป๋าทำบาปอย่างไม่กลัวนรก ก็เห็นๆ กันอยู่แล้ว ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังรอดูกฎแห่งกรรมอยู่ งานนี้ต้องตามไปดู อย่าให้คลาดสายตานะครับ ผมมี ตัวอย่างหนึ่ง

เมื่อวานนี้ผมทานข้าวอยู่ เจอเพื่อนคนหนึ่งอยู่ในวงการเบียร์ ผมก็ถามตามประสาคนในวงการค้าว่า เดี๋ยวนี้วงการเป็นอย่างไร เขาบอกว่า เกิดรายการพลิกพสุธา เขาบอกว่า เดี๋ยวนี้เบียร์ช้างของไทยชนะเบียร์สิงห์ แบบขาดลอย ผมบอก เฮ้ย.. เป็นไปไม่ได้นะ เขาบอกว่า ตอนนี้เบียร์ช้างคว้าส่วนแบ่งตลาดไปแล้วเกือบ 60 % ผมฟังแล้วเกือบช็อค นี่เป็นไปได้อย่างไร สินค้าที่ขายดีมาเกือบร้อยปี แพ้สินค้าที่เกิดวานซืน สินค้าที่อดีตเป็นเจ้าตลาดมาชนิดไร้เทียมทาน ครองตลาดกว่า 80 % มาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก หนึ่งมาตลอด วันนี้ตกกระป๋องไปง่ายๆ ไม่น่าเชื่อ

แว้บหนึ่งที่ผมนึกขึ้นมาได้ เบียร์สิงห์นี้เอง ที่เป็นสปอนเซอร์ รายการของอาจารย์นะยะ ที่ด่าคู่แข่งในวงการเหล้าเบียร์ และด่าวัดธรรมกายกระเจิง เป็นสปอนเซอร์ รายการตามล่า ตามล้างวัดพระธรรมกาย อีกหลายรายการ เช่นเดียวกับบริษัทบางจาก สปอนเซอร์หลัก ซึ่งตอนนี้ร้อนรุ่ม กระจุยไปแล้วภายในองค์กร 

ครับ ยุคนี้กฎแห่งกรรมไม่เคยเว้นใครสวรรค์มีตา ฟ้ามีคำตอบสำหรับคนทำบาปเสมอ

"สิงห์ขาว"


[หน้าหลัก][หน้า1][วิวาทะ][สหัสวรรษ][ปุจฉา]

1