ปีที่ 2 ฉบับที่ 798 ประจำวันอาทิตย์ที่ 19 เดือนกันยายน พ.ศ. 2542

วิวาทะ

เกิดอะไรขึ้น เมื่อสีกา "จันทิมา ยะรังสี หอบ ด.ญ.กระต่าย ถอนฟ้องยันตระ"

ข่าวสะเทือนวงการพุทธศาสนา เมื่อ 5 ปีที่แล้ว กรณีนางจันทิมา มายะรังสี ฟ้องร้อง "ยันตระ" มีสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว จนมีบุตรคือ ด.ญ.กระต่าย มายะรังสี จนพระยันตระ ต้องหลบ หนีไปสหรัฐอเมริกา

นิคหกรรมยันตระ ศาลชั้นต้น ได้พิจารณาให้ "ยันตระ" พ้นผิดไปแล้ว

แต่ผู้กล่าวหาคือ นางจันทิมา ได้ร้องอุทธรณ์ต่อพระที่รับหน้าที่เป็นประธานคณะผู้พิจารณา ในชั้นอุทธรณ์ คือ พระเทพวิสุทธิกวี เจ้าอาวาสวัดโสมนัสวิหาร เจ้าคณะภาค 16-17-18 จับตาให้ดี คดีประวัติศาสตร์รายนี้ ว่าด้วย...สีกาฟ้องพระ จะกลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง

ความลับอีกหลายอย่าง เงื่อนงำอีกหลายมุม ที่ยังเป็นเงามืดบอด จะถูกตีแผ่กระทบฟาดชิ่งไปถึงใครบ้าง?

อาจเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ และทำให้วงการสงฆ์สั่นสะเทือนอีกครั้ง !

เมื่อพระเทพวิสุทธิกวี ในฐานะประธานคณะพิจารณา "ยันตระ" ออกมายืนยันว่า เมื่อราวกลางปี 2542 ที่ผ่านมา ในสภาพที่ผอมโซอย่างเห็นได้ชัด

"โยมจันทิมาเกินทางมาพบกับอาตมา พร้อมกับบอกถึงจุดประสงค์ว่า... ต้องการถอนฟ้องยันตระ โดยอ้างว่า ไม่มีเงินส่งเสียลูกที่กำลังจะเติบโตเป็นสาว และผู้ที่เคยผลักดันให้ฟ้อง ก็ไม่ได้ให้เงินทองใช้เหมือนเมื่อครั้งที่ตกเป็นข่าวฮือฮา เงินทองที่ได้มาส่วนหนึ่งก็หมดไปแล้ว ขณะที่สุขภาพร่างกายก็ป่วยด้วยโรคมะเร็งร้ายรุมเร้า สรุปว่า ถูกเขาหลอกใช้"

การแสดงเจตจำนงค์ของนางจันทิมาเป็นอันต้องยุติลง เมื่อพระเทพวิสุทธิกวี ถามถึง ด.ญ.กระต่าย เป็นบุตรที่เกิดจากยันตระจริงหรือไม่ ซึ่งตรงนี้นางจันทิมา ยังคงยืนยันว่า เป็น บุตรที่เกิดจากยันตระ

ทำให้การถอนฟ้องยันตระยุติลงทันที !

ผมไม่อยากจะคิดว่า นางจันทิมา ไม่กล้าปริปากที่จะพูดว่า ด.ญ.กระต่ายไม่ใช่บุตรที่ถือกำเนิดจากยันตระ แม้ว่าประเด็นนั้นอาจจะเป็นความจริงก็ย่อมได้

ไม่กล้าแม้จะรู้ว่า สิ่งที่นางจันทิมาได้ทำลงไปนั้น คือเรื่องที่เป็นตราบาป หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

อาจมีความหวั่นเกรงต่อผู้ที่ผลักดันให้เธอฟ้องร้องยันตระ จนเป็นข่าวฉาวกระฉ่อนไปทั่วโลก

และอาจกลัวจะถูกฟ้องร้องกลับ ในฐานะแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน

ความลับไม่มีในโลก

ผมยังเชื่อมั่นต่อสัจธรรมข้างต้น อย่างไม่เสื่อมคลาย

เรื่องของจันทิมา ที่เป็นผู้กล่าวหาฟ้องร้องยันตระ ยังไม่จบครับ และผู้ที่ออกมาคุยโอ้อวดว่า ฉันนี่แหละ คนที่สึกพระยันตระ กระทำทุกอย่างจบกระบวนความแล้ว

ยังครับ ยังไม่จบแน่...

เพราะคดีน้องเก๊ก ที่ตกเป็นข่าววิวาทะกับ เสรี เตมียะเวส ก็ยังกลายเป็นเรื่องโอละพ่อไปได้

ข่าวพาดหัวพระ 4 รูป แห่งวัดพระธรรมกาย ที่สื่อมวลชนบางฉบับระบุว่า หนีไปต่างประเทศ

หยุดเลอะเสียที...

ไม่มีใครหนีไปไหนหรอกครับ ก็ยังคงนั่งสมาธิ โปรดเหล่ากัลยาณมิตร อยากรู้อยากเห็นว่า ความจริงเป็นเช่นไร ต้องดูด้วยตา และรู้ด้วยปัญญา

เพราะวันนี้สื่อมวลชนนิยมทำดำให้เป็นขาว ทำขาวให้เป็นดำ ไม่ใช่เรื่องยาก

หากผลประโยชน์ตกลงร่องลิ้น จะพลิกลิ้นกี่ตลบก็ย่อมได้ ไม่มีปัญหา

ความคืบหน้ากรณีพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะประธานคณะผู้พิจารณาพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย  ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ และนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการมหาเถรสมาคมแล้ว

ผลจะออกมาอย่างไร ก็เป็นหน้าที่ของพระเถระท่านจะเป็นผู้พิจารณา

ฆราวาสหัวดำอย่าคิดหานรกมาใส่ เข้าไปยุ่มย่ามการปกครองของหมู่สงฆ์ จนสับสนวุ่นวาย

กรณีธรรมกายเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของตุลาการหรือไม่

ต้องรอฟังความเห็นของอัยการ

ถ้าสั่งฟ้องก็อดใจอีก 7-8 ปี กว่าคดีจะสิ้นสุด 

ผลออกหัวหรือก้อย ชาวธรรมกายจะร้อง "ชิตัง เม" หรือไม่ ต้องใจเย็นๆ ครับ

เรื่องของพระพุทธศาสนา ต้องใจเย็นๆ นะครับ พี่มหานอกวัด พี่ทิดนักซิ่ง

โซตัส


[หน้าหลัก][หน้า1][วิวาทะ][สหัสวรรษ][ปุจฉา]

1