หน้า 1

"มาณพ" ดิ้นพล่าน เปล่ารีดพระ ยันทำงานนาน 30 ปี ผุดผ่อง

ธรรมกายไล่บี้เอาเข้าคุก อย่าให้ลูกหลานเอาอย่าง

ธรรมกายสวนหมัดจี้เอาผิด บิ๊กกรมศาสนานักงาบใต้โต๊ะ เรียกสินบนล้มคดี "มาณพ" ดิ้นพล่านโต้ข่าวหยิบเงินธรรมกายรายวัน ระบุถูกพระหักหลัง หลอกให้ต่อรอง โดยไม่รู้ตัว ว่า ถูกอัดเทป คุยเขื่องเป็นคนดีทำงาน 30 ปี ไม่เคยรับเงินใคร ตำรวจส่งคดีธรรมกายถึงอัยการ 9 ก.ย.แน่นอน "วาสนา เพิ่มลาภ" บอกคดีคืบหน้าแล้ว 90 % มั่นใจเอาผิดได้แน่ ยอมรับ ค้นบ้านศิษย์วัดไม่ได้อะไร

พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการ ข้าราชการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสืบสวนสอบสวน คดีวัดพระธรรมกาย เรียกประชุมด่วน พนักงานสอบสวน เมื่อเวลา 10.00 น. (4 ก.ย.) หลังจากนั้น เปิดแถลงข่าวว่า สำนวนการสอบสวนเสร็จแล้วประมาณร้อยละ 90 เหลือเพียงการจัดเอกสาร อีกทั้งมีเอกสารเพิ่มเติม จึงเสียเวลานิดหน่อย

นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ให้กับพนักงานสอบสวน โดยจะพยายามเร่งให้เสร็จ ตามที่เคยกำหนดไว้ คือวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งจะส่งพร้อมกันทั้ง 3 คดี คือ เจ้า พนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ , เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และแจ้งความเท็จ สำหรับพระคนสนิทของพระธัมมชโย จำนวน 4 รูป ที่ยังหลบหนี ไม่ยอมมา ให้ปากคำนั้น พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่า จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่กลับมาจำวัด โดยวัดพระธรรมกายอ้างว่า ไม่ทราบไปจำวัดอยู่ที่ใด และถ้าถึงกำหนดส่งสำนวนแล้ว ยังไม่ได้สอบปากคำ ก็จะตัดทิ้งไป ไม่จำเป็นต้องรอ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนมั่นใจในความพร้อมของสำนวนที่จะส่งฟ้องอัยการ แต่จะรับฟ้องหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจของอัยการ

ค้นบ้านศิษย์ตำรวจจั่วลม

สำหรับการตรวจค้นบ้านของนายบรรพจน์ และนางอรสา สุขสว่าง สองสามีภรรยา ซึ่งฝ่ายชายเป็นสถาปนิก ส่วนฝ่ายหญิงเป็นอาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ เนื่องจากพนักงาน สอบสวน เชื่อได้ว่า มีการโยกย้ายหลักฐานสำคัญจากวัดพระธรรมกาย มาซุกซ่อนไว้ที่บ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจค้นพบว่า มีหนังสือวิชาการอยู่ที่บ้านจำนวนมาก แต่ไม่พบ หลักฐานตามที่พนักงานสอบสวนสงสัยแต่อย่างใด

พระปัญญาด่าธรรมกายอีก

พระธรรมโกษาจารย์ หรือ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ กล่าวถึงปัญหาวัดพระธรรมกาย ว่า วัดพระธรรมกายยังมืดอยู่ ไม่ยอมสว่าง ตราบใด ที่ยังไม่ยอมรับว่า ตัวเองผิด หากยอมรับแล้ว ก็จะดีขึ้น เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรียกให้ไปพบ ยังไม่ไปพบ เพราะไปเชื่อลูกน้องที่ นั่งอยู่ข้าง เรียกว่า บริวารเสีย

ส่วนกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่า พระผู้ใหญ่บางรูป ยังสนับสนุนพระธัมมชโยอยู่ ทำให้เกิดความล่าช้า ในการสอบสวนนั้น หลวงพ่อปัญญาฯ กล่าวว่า พระผู้ใหญ่ที่สนับสนุน ไม่ใช่เป็นผู้ใหญ่ แต่เป็นเด็กอมมือ คนเป็นผู้ใหญ่ ต้องยุติธรรม ไม่ลำเอียง ต้องตรงไปตรงมา

วันนี้ถ้าพระธัมมชโยรับผิดเสีย ก็หมดเรื่อง ประชาชนก็ต้องใช้ปัญญาว่า อะไรผิดอะไรถูก ขณะนี้ชาวพุทธในประเทศปัญญาอ่อนมาก เพราะพระไม่สอนให้คนฉลาด มีสติ ปัญญา ชอบชวนให้ประชาชนหลงผิด เข้าใจผิด ในหลักพระพุทธศาสนา คนมาเข้าวัด เพื่อหวังพึ่งก็เอาน้ำมนต์ซัดเข้าไป เขกกะบาลบ้าง น่าจะเขกหัวให้แตกกันไปเลยก็ดี

ไม่ส่งเรื่องธรรมกายถึงศาลรธน.

นายบูราอานูดิน อูเซ็ง เลขานุการประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า ทีมที่ปรึกษาประธานรัฐสภา หารือกันถึงเรื่องที่ ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ส่งเรื่องผ่านทางประธานรัฐสภา เพื่อให้ ศาล รัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การดำเนินงานของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการศาสนา ที่ดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย เป็นการรอนสิทธิของบุคคล ตามมาตรา 38 ที่บัญญัติว่า "บุคคล ย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ ในการถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมในทางศาสนาหรือไม่"

ซึ่งทางทีมที่ปรึกษาฯ หารือ และได้ข้อสรุปว่า ประธานรัฐสภาไม่มีหน้าที่ส่งเรื่องดังกล่าว ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 266 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับ อำนาจหน้าที่ขององค์กรต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ ให้องค์กรนั้น หรือประธานรัฐสภา เสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อ ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัย แต่วัด พระธรรมกาย ไม่ถือเป็นองค์กร ตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ประธานรัฐสภา จึงไม่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการ ตามคำร้องขอ ซึ่งจะแจ้งให้ทางวัดพระธรรมกายทราบ ในสัปดาห์หน้า

เลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปที่ทางวัดพระธรรมกาย จะสามารถทำได้คือ การฟ้องศาลตามปกติ เพื่อให้ศาลส่งเรื่องต่อไปยัง ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ซึ่งทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับศาล จะรับเรื่องของวัดพระธรรมกาย ไว้หรือไม่

การศาสนาโต้ข่าวรับใต้โต๊ะ

นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกมาตีแผ่ข้อมูล การตกลงราคาล้มคดี วัดพระธรรมกาย ระหว่างพระของ วัด พระธรรมกาย กับผู้บริหารระดับสูง ของกรมการศาสนา ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่อง แต่สำหรับตนไม่เคยได้รับการติดต่อ จากวัดพระธรรมกายเลย ส่วนการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวนั้น เวลานี้ยังเป็นเพียงข่าว ยังไม่มีหลักฐานใดปรากฏ แต่หากมีการยื่นฟ้องขึ้นมา มีต้นเรื่อง ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องให้ความเป็นธรรม กับข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วย

มาณพยอมรับกินเหยื่อ

นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนา กล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากทางวัดพระธรรมกาย โดยพระครูสุวรรณวชริธรรม เจ้าอาวาสวัดสกุลปักษี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้ช่วยเหลือวัดพระธรรมกาย แต่ได้บอกกับท่านไปว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะทำตามหน้าที่ข้าราชการ ที่กรมการศาสนา มอบหมายให้กล่าวหา ถึงอย่างไร ก็ถอนฟ้องไม่ได้

หลังจากนั้น ก็ได้รับการติดต่อจาก พระครูสุวรรณวชิรธรรม อีกหลายครั้ง โดยแจ้งไปว่า หากจะช่วยวัดพระธรรมกาย ก็ต้องให้ทางวัด ปฏิบัติตามคำสั่ง พร้อมทั้งรับสารภาพ โทษที่หนักจะได้เป็นเบา เพราะความผิดของวัดพระธรรมกายนั้นชัดเจน ทั้งการสอนที่ผิดเพี้ยน และเรื่องที่ดิน ส่วนที่ทางเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย ไปติดต่อกับ นางจารุวรรณ พลไพรินทร์ ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของตนนั้น คงคิดว่า นางจารุวรรณเคยเป็นภรรยา อาจจะช่วยเกลี้ยกล่อมตนได้

เอาสีข้างเข้าถู

นายมาณพ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีข่าวเกิดขึ้น ทางวัดพระธรรมกายเคยปล่อยข่าวว่า ตนรับเงิน จากวัดพระธรรมกายมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งหลังจากนั้น ตนได้สอบถาม นาง จารุวรรณ แล้วทราบว่า ทางวัดส่งผู้หญิงคนหนึ่งชื่อป้อม โทรติดต่อมาที่ นางจารุวรรณ ให้ช่วยพูดกับตนว่า ให้ช่วยเหลือวัดพระธรรมกาย พร้อมทั้งเสนอเงินให้ก้อนหนึ่ง ซึ่งนางจารุ วรรณ ก็ได้นำเรื่องดังกล่าว ไปปรึกษาผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง โดยได้รับคำแนะนำมา ให้ย้อนแผนวัดพระธรรมกาย โดยทำทีให้วัดพระธรรมกาย โอนเงินมาให้ เพื่อที่จะนำไปเป็นหลักฐาน เล่นงานวัดพระธรรมกาย

"ผมทำงานที่กรมการศาสนามา 30 ปี ไม่เคยรับเงินจากใคร และไม่เคยให้ใคร โอนเงินเข้าบัญชี ส่วนที่ไปติดต่อ นางจารุวรรณ นั้น ก็ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับผม จะโอน อย่างไร ก็ไม่เกี่ยวกับผม ผมรู้อยู่แล้วว่า วัดพระธรรมกายให้เงินใครแล้วก็ต้อง กลับมาแบล็คเมล์ในภายหลัง"

ขณะนี้ไม่รู้ว่า ผู้ที่ใช้ชื่อว่าป้อม จะไปติดต่อกับ นางจารุวรรณ อย่างไรบ้าง ตนไม่เคยคุยกับคนชื่อป้อมเลย และขณะนี้ตนทราบแล้วว่า พระครูสุวรรณวชิรธรรม หักหลังตน โดยโทรมาหา พร้อมทั้งพูดเรื่องขอให้ช่วยเหลือ วัดพระธรรมกายแล้วอัดเทปไว้

สมศักดิ์พร้อมเช็คบิลล์

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำเทปการตกลงราคา ล้มคดีวัดพระธรรมกาย ระหว่างพระ ของวัด พระธรรมกาย   กับผู้บริหารระดับสูง ของกรมการศาสนา ออกมาตีแผ่ ว่า เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ คงจะดำเนินการตามกฎหมายเอง หากเป็นเรื่องจริง แต่หากมีการประสานมายัง กระทรวงศึกษาธิการ ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ และกระชากหน้ากาก คนที่แสวงหาผลประโยชน์ ออกมาให้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องมีการพิสูจน์และพิจารณาก่อนว่า ข้อมูลที่ได้มา เป็นเรื่องจริง

ต่อข้อถามว่า กระทรวงศึกษาธิการ จะมีการตั้ง คณะกรรมการสอบสวน ผู้บริหารระดับสูงของ กรมการศาสนาจะถูกระบุหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องรอดูข้อมูล จาก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน เพราะกระทรวงศึกษาธิการไม่รู้ว่าเป็นใคร จะไปสอบสวนถูกคนได้อย่างไร แต่หากมีข้อมูลที่ชัดเจน และทางตำรวจ มีการดำเนินคดีทางอาญา ในส่วน ของกระทรวงศึกษาธิการ ฐานะเป็นกระทรวงต้นสังกัด ก็จะดำเนินการทางวินัยต่อไป

"ตือ" อ้อมแอ้มบริสุทธิ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า เชื่อหรือไม่ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความจริง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ณ เวลานี้ กระทรวงศึกษาธิการ ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ ของข้าราชการ กระทรวงศึกษาธิการ และมั่นใจว่า ข้าราชการทุกคน ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เว้นแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงออกมา ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า เป็นการดิสเครดิตกันนั้น ตนก็ไม่กล้ามอง เช่นกัน เวลานี้ กระทรวงศึกษาธิการ คงไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะไม่ระบุตัวตนที่ชัดเจนว่าเป็นใคร ซึ่งข้าราชการระดับสูงของกรมการศาสนาเอง ก็มีเยอะ ตั้งแต่ผู้อำนวยการกอง ขึ้นไป จนถึงรองอธิบดีและอธิบดีทั้งนี้ ขอยืนยันว่า หากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง ก็จะไม่ปล่อยไว้แน่ ขอให้มั่นใจในความโปร่งใส

ธรรมกายปฏิเสธให้สินบน

คณะทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิธรรมกาย ทำหนังสือชี้แจงส่งโทรสารมายังสื่อมวลชนว่า วัดพระธรรมกายขอปฎิเสธเรื่อง ให้เจ้าหน้าที่ไปติดต่อ เจ้าหน้าที่ระดับสูง ของกรมการศาสนา เพื่อล้มคดีและ เรียกร้องให้สำนักงาน ป.ป.ป. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการศาสนา และกระทรวงศึกษาธิการ เร่งสืบหาข้อมูลความจริง และดำเนินการตาม กฎหมาย พร้อมระบุว่า การแก้ปัญหา โดยการให้สินบนนั้น เป็นการกระทำที่ ผิดกฎหมายบ้านเมือง และผิดหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา ของวัดพระธรรมกาย ซึ่งทางวัด มีความเคารพกฎหมายบ้านเมือง และพระธรรมวินัย พระพุทธศาสนา ยึดกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นกติกาสังคม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน มาโดยตลอด