ปีที่ 2 ฉบับที่ 738 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 22 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542
สหัสวรรษที่ 3
ถ้ากฎหมายสงฆ์ฉบับใหม่ผ่าน ศาสนาพุทธจะอวสานอย่างรวดเร็ว
เห็นข่าวหัวไม้หน้า 1 ของพิมพ์ไทยฉบับเมื่อวานนี้พาดหัวข่าวว่า แฉพ.ร.บ.สงฆ์ ทำลายพุทธ ฆราวาสคุมพระ ให้อำนาจล้นฟ้า มีสิทธิ์ใช้ เงินวัด ไล่สึกพระเณร
แค่เห็นหัวข่าวก็รู้สึกว่า เกินไปจริงๆ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมเราถึงมองพระสงฆ์องค์เจ้าไปในทางเลวร้ายขนาดถึงต้อง "ควบคุม" ท่านจนแทบกระดิกตัวไม่ได้
พระไม่ใช่อาชญากรนะครับ พระทั่วประเทศ มีมากกว่า 3 แสนรูป อาจจะมีอยู่ส่วนหนึ่งที่เสียหายบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ประพฤติ ปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย ไม่ได้นอกรีดนอกรอย
ถ้าเราออกกฎหมายลักษณะนี้ออกมา เท่ากับว่าต่อไปผู้ที่จะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคมมากที่สุดก็คือ พระภิกษุสงฆ์นั่นเอง
เพราะว่ามีกฎระเบียบออกมาควบคุมมากมาย ปกติธรรมดา พระท่านก็แทบ กระดิกตัวยากอยู่แล้ว พระธรรมวินัย ที่ประพฤติปฏิบัติกันอยู่ ก็ทำได้ยากเย็น แสนเข็ญ ถ้าไม่ใช่เป็นผู้รักการปฏิบัติกันจริงๆ นี่เรายังเอากฎหมายมาคุม "ซ้ำซ้อน" เข้าไปอีก
เชื่อเถอะว่า อีกหน่อยจะมีคนเข้ามาบวชในศาสนาน้อยนิด ยิ่งเพราะไม่สามารถทำได้ตามกฎหมายและพระธรรมวินัย
และถ้าสมมติว่า เกิดคณะกรรมการควบคุมอุปถัมภ์สงฆ์ เกิดทุจริตคิดมิชอบ เพราะว่ากฎหมายอนุญาตให้ สามารถใช้ทรัพย์สมบัติของวัดได้ ตามเห็นสมควร
ตรงนี้แหละครับ คือจุดบอกของกฎหมาย ถ้าให้ฆราวาสเข้ามาใช้ทรัพย์ของวัดได้ ก็เท่ากับเป็นการ "ยื่นเนื้อเข้าปากเสือ" คุณมีอะไรมา การันตีว่า
เสือจะไม่กินเนื้อ!
ครับฆราวาสก็คือปุถุชน ผู้หนาแน่นไปด้วยกองกิเลส ย่อมกระทำความผิดได้ตลอดเวลา แม้แต่แค่ศีล 5 ยังถือกันไม่ได้ แล้วให้คนเหล่านี้ เข้ามาควบคุมดูแลทรัพย์สินสมบัติของพระพุทธเจ้า โอกาสที่ทรัพย์สมบัติของวัดของแผ่นดิน จะอันตรธานหายไปจากผืนแผ่นดินไทย มีโอกาสเป็น ไปได้ สูงยิ่ง
ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนพิจารณา และจะมีการประชาพิจารณ์ที่รัฐสภากันในวันที่ 30 ก.ค. นี้ "การ์ตูน" อยากเรียนเชิญท่านผู้มีใจเป็นธรรม และรักพระพุทธศาสนาทุกท่าน ช่วยไปแสดงความคิดเห็น เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อพระศาสนากันด้วย
เพราะขืนปล่อยกฎหมายออกไปอย่างนี้ ไม่เป็นผลดีต่อพระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน
เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนลึกซึ้ง เกินกว่าปุถุชนอย่างเราๆ ท่านๆ จะเข้าใจ ปล่อยให้พระท่าน ปกครองกันเองไปเถอะครับ ไม่มีใคร เข้าใจพระได้ดีเท่ากับพระอย่างแน่นอน
อยากฝากคำถามไปถึงท่าน อำนวย สุวรรณคีรี ด้วยว่า ทำไมถึงเห็นดีเห็นงามกับกฎหมายฉบับนี้ไปด้วย เห็นคุณอำนวยรักพระพุทธศาสนา มากกว่าคนทั่วไป ถ้าคุณอำนวยรักศาสนาจริง จะต้องผลักดัน ให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้โดยด่วน ก่อนที่จะนำเข้า พิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร
ทำไมทีศาสนาอื่นไม่เห็นทางการออกกฎหมายบังคับบ้าง เห็นตั้งหน้าตั้งตาจะบีบคั้นศาสนาพุทธเพียงศาสนาเดียว ถ้ารักจะออกกฎหมายกัน แล้ว ควรจะปฏิบัติให้เสมอภาค ออกกฎหมายมาควบคุมเหมือนกัน
เออหนอ ศาสนาอื่นปล่อยให้เผยแพร่กันได้อย่างไม่มีขีดจำกัด แต่ศาสนาพุทธของเราเองแท้ๆ กลับพยายามจำกัดให้อยู่ในวงแคบ ไม่ทราบ เหมือนกันว่า คนร่างกฎหมายดังกล่าว เป็นชาวพุทธจริงหรือไม่ เพราะถ้าเป็นชาวพุทธจริงๆ แล้ว จะไม่ออกกฎหมาย ในลักษณะนี้มา อย่างแน่นอน
ฆราวาสน่ะ มองยังไงก็ปกครองพระไม่ได้หรอกครับ
ประการแรก ก็มีศีลน้อยกว่าพระ
ประการที่สอง มีกิเลสมากกว่าพระ
ประการที่สาม กฎหมายเอาผิดได้ยากกว่าพระ
ถ้าฆราวาสโกงกวาจะฟ้องร้องเอาผิดได้น่ะ ใช้เวลานานหลายปี แต่ถ้าเป็นพระ แค่ "จับสึก" ก็อับอายไปทั่วทั้งพาราแล้ว ไม่ต้องถึงขั้น ลงโทษกัน ตามกฎหมายหรอกครับ
ผลประโยชน์และทรัพย์สินในพระพุทธศาสนาน่ะ เรายอมรับว่ามีมากมายมหาศาล เราควรจะมาคิดกันว่า เราจะรักษาอย่างไร เพื่อให้ ทรัพย์สิน เหล่านั้น เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนอย่างสูงสุด ไม่ใช่เอาฆราวาสไปนั่งดูแลทรัพย์สินของพระของวัด ขอทำนายไว้ ล่วงหน้าเลยว่า ถ้ากฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาจริง จะเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับทรัพย์สินของวัด มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะเอาคนไม่มีศีล หรือมีศีลน้อย เข้าไปดูแลขุมสมบัติ
สัญชาตญาณของหมาย่อมรับประทานอึ ไม่มีใครห้ามได้หรอกครับ
"การ์ตูน" (แทน)