ปีที่ 2 ฉบับที่ 737 ประจำวันพุธที่ 21 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542
วิวาทะ
"อัตตา-อนัตตา" คำสองคำ ที่มิอาจลดความศักดิ์สิทธิ์ ของพระนิพพาน (2)
ก่อนที่จะลงในรายละเอียดหนังสือธรรมะ เรื่อง "นิพพาน คือ นิพพาน" ของหลวงตามหาบัว ใคร่ขอกราบเรียนคณะกรรมาธิการศาสนาฯ โดยเฉพาะตัวประธาน กมธ. เด่น โต๊ะมีนา อย่าด่วนสรุปเร่งรีบขอความเห็นมหาเถรสมาคม เก็บหรือเผาหนังสือของหลวงตามหาบัวเป็นอันขาด
เนื่องจากความเห็นของหลวงตามหาบัวเล่มนี้ ท่านยืนยันว่า นิพพาน คือ นิพพาน ซึ่งไม่ตรงกับความเห็นของท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก ที่เห็นนิพพานเป็นอนัตตา
ก่อนที่นำธรรมะของหลวงตามหาบัวมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ ขอกราบนมัสการหลวงตามหาบัวมา ณ โอกาสนี้ว่า การนำธรรมะของหลวงตามหาบัวมาเผยแพร่นี้ มิได้หวังผล ทาง การค้าใดทั้งสิ้น หากแต่ต้องการนำความเห็นอีกแง่มุมหนึ่งเกี่ยวกับนิพพาน อันจะยังประโยชน์ให้กับพุทธศาสนิกชนได้เป็นกรณีศึกษาเป็นสำคัญ
เปิดหน้าเราก็พบกับความพยายามอย่างยิ่งของหลวงตามหาบัว เป็นความพยายามที่จะหลุดพ้นจากอวิชชาทั้งปวง ความว่า .
" .ใจที่มีฤทธิ์เดช มีอำนาจวาสนา ครองตนด้วยอรรถด้วยธรรมแล้ว กิเลสก็ย่อมกลัว ความโลภก็กลัว ความโกรธก็กลัว ความหลงก็กลัว ราคะตัณหาก็กลัว สุดท้ายก็ฆ่าได้แหลกหมด ไม่มีเหลือภายในจิตใจดวงนั้นโล่งไม่มีอะไรเสมอเหมือนในโลกนี้นั้นแลท่านว่า "นิพพานํ ปรมํ สุขํ" ว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ก็คือใจของผู้สิ้นกิเลสแล้วนั่นแลเป็นสุขอย่างยิ่ง ไม่มีสุขใด เสมอเหมือนสุขที่พ้นจากกิเลสนั้นเลย "
เป็นความเห็นจากการแสดงธรรมะของหลวงตาบัว หัวข้อจิตตภาวนา ทางสู่นิพพาน
ผมเขียนถึงเรื่องนิพพานอยู่บ่อยครั้ง หลายครั้งพยายามชี้แจงอยู่เสมอว่า หนทางสู่นิพพาน ไม่ได้มีทางเดียวอย่างที่หลายท่านเข้าใจ เปรียบนิพพานเป็นภูเขาทอง ยังมีทางขึ้นถึงสองทาง ด้วยกันนั่นเอง
ใครกันจะเป็นบริษัทผูกขาดพระนิพพานนั้นเป็นไม่มี
แต่ถ้าท่านใดมีศรัทธานำ ยึดมั่น ถือมั่นในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านเหล่านั้นก็สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์ เห็นมรรคเห็นผล เห็นนิพพานตามพระพุทธเจ้าได้
นิพพานมิใช่อัตตา มิใช่อนัตตา
หลวงตามหาบัวเทศน์อบรมพระ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2523
มีสาระสำคัญๆ เกี่ยวกับการเรียนรู้ให้เท่าทันกับกิเลส เพราะกิเลสไม่ใช่เป็นของ "โง่" เป็นของฉลาดเกินกว่าสติปัญญาของเรา จะหยั่งถึงมันได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้ จึงต้องได้อบรมสั่งสอน อย่างเป็นเนื้อเป็นหนังจริงๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ทันกับการแก้การถอนกิเลสประเภทต่างๆ
จึงต้องถือธรรมเป็นศาสตราอาวุธอยู่เสมอไม่ปล่อยวางท่านเรียกว่า ธรรมาวุธ อาวุธคือธรรมเครื่องประหัตประหารกิเลสที่ฝังจมอยู่ในเนื้อในกาย ในจิตใจ ในกิริยา อาการ ทุกส่วน ของตัวเรา มีมาแต่ธรรมชาติ จึงต้องเรียนรู้ให้เท่าทันกับกิเลสนั้นๆ
ให้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างที่มาเกี่ยวข้องสัมผัสสัมพันธ์กับอายตนะภายในคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรา สัมผัสเพื่อจะเกิดเรื่องทั้งนั้นแหละ แล้วเรื่องนั้นเป็นเรื่องดีหรือเรื่องชั่ว เอาสติปัญญาเข้าไปจับ พินิจพิจารณา ให้ทันกับเหตุการณ์ เรื่องก็ระงับไป ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีก็ระงับไป ถ้าเป็นเรื่องดี ก็เป็นการส่งเสริมเรื่องนั้น ให้มีกำลังมากขึ้นไปโดยลำดับ
นี่เป็นหลักเกณฑ์ของการภาวนา เป็นหลักเกณฑ์ของการปฏิบัติสำหรับผู้จะให้ถึงจุดหมายปลายทางที่ตนตั้งไว้ออย่างไร โดยไม่ต้องสงสัย
ครูบาอาจารย์เป็นแต่เพียงผู้ให้อุบายวิธีการต่างๆ ดังพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่า ตุมเหหิ กิจจํ อาตัปปํ อักขาตาโร ตถาคตา งานถอนกิเลสทั้งมวลเป็นหน้าที่ของเธอทั้งหลาย หรือ ของท่านทั้งหลายจะทำเอง พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นผู้ชี้แนวทางหรืออุบายวิธีการให้เท่านั้น ไม่ใช่เป็นผู้ไปแก้ไปถอนกิเลสให้
เมื่อเป็นเช่นนั้น เราอย่าหวังพึ่งใคร อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน เราเท่านั้น จะต้องเป็นผู้ต่อสู้กับกิเลส ให้เต็มแรงเต็มเม็ดเต็มหน่วย
คำว่า อัตตา หิ อัตตโน นาโถ พิจารณาอย่างผิวเผินแล้วไม่อยากจะเชื่อ แต่เวลาปฏิบัติเข้าไปแล้วยอมรับเอง จึงทราบว่านี้เป็นธรรมละเอียดมากทีเดียว ก็ผู้สอนไม่ใช่คนโง่เขลา เบาปัญญา หูหนวกตาบอดมาสอนธรรม พระพุทธเจ้าเป็นคนหูหนวกตาบอด เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาเมื่อไร ธรรมที่สอนเหล่านี้ออกมาจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น
คนเราไม่ได้โง่อยู่ตลอดไป เมื่อถึงคราวจนตรอกจนมุมแล้ว ฟิตตัวขึ้นมาได้ ช่วยตัวเองจนหลบหลีกปลีกตัวออกไปได้ ได้ชัยชนะขึ้นมาในขณะที่จนตรอกเป็นลำดับไม่สงสัย นี่เคย ดำเนินมาแล้วจึงได้นำมาสั่งสอนหมู่เพื่อนให้เป็นที่เข้าใจ อย่าท้อถอยปล่อยวางธรรมบทนี้ คือ อัตตา หิ อัตตโน นาโถ จะพ้นภัยไม่สงสัย
ความเห็นส่วนของผม มักจะพูดย้ำอยู่เสมอว่า "ธรรมะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน" เราจะตัดเอาตอนใดตอนหนึ่ง หรือธรรมใดธรรมหนึ่งมาพิจารณาอย่างไร้สติปัญญาไม่ได้
มีนักปราชญ์ และผู้ชำนาญการด้านพระศาสนาหลายท่าน ให้ความเห็นลงไปอย่างโง่งมว่า พระพุทธเจ้าปฏิเสธ "อัตตา" แต่ทรงสรรเสริญให้พิจารณาแต่ "อนัตตา"
ความเห็นข้างต้นจึงเป็นเรื่องของการบิดเบือนพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์โดยแท้
หนังสือ "นิพพานคือนิพพาน" นี่แหละ จะเป็นกุญแจไขกรงขังอวิชชา เรื่อง "อัตตา" และ "อนัตตา" ได้เป็นอย่างดี
จะเห็นได้ว่า หลวงตามหาบัวยืนยันอย่างหนักแน่นว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ปฏิเสธ "อัตตา" ทุกกรณีอย่างที่กลุ่มบุคคลบางท่านใช้ความพยายาม เพื่อนำธรรมะไปประหัตประหารผู้อื่น จนหลงลืม เบลอต่อหลักธรรม แก่นธรรมของพระพุทธเจ้าไปอย่างหน้าเศร้าสลดใจยิ่ง
อัตตา หิ อัตตโน นาโถ จึงเป็นอัตตาที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสรรเสริญ ปราชญ์หรือปลวก อย่าบิดเบือนสัจธรรมของพระพุทธเจ้า
วันนี้หมดเวลาอีกแล้วครับ ฉบับหน้าว่าเรื่อง "นิพพานคือนิพพาน" กันต่อ หลวงตามหาบัวจะพาท่านพิจารณาถึง ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา โดยผมจะหยิบยก ความเห็นรอบข้าง มาเป็นกรณีเปรียบเทียบ
โซตัส