ปีที่ 2 ฉบับที่ 726 ประจำวันเสาร์ที่ 10 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

บุญ เป็นวิทยาศาสตร์เติมได้ หมดได้ หรือว่าเมืองไทยเรากำลังจะหมดบุญ

ยุคนี้เป็นยุคของความขัดแย้งทางความคิด กำลังถูกปลุกระดมให้ต่อสู้กันมากที่สุด ทั้งที่เมืองไทย ก็อยู่อย่างสงบร่มเย็น มาหลายร้อยปี ภายใต้ พุทธศาสนาในจิตใจ ไม่เคยมียุคใดที่พุทธศาสนา จะถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์ อย่างเสียหาย อย่างร้อนแรงที่สุดในสื่อมวลชนขณะนี้

และผู้ที่สร้างความสั่นสะเทือนได้มากที่สุด กลับเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ อย่างรุนแรง มุ่งร้ายเอาเป็นเอาตาย ไม่ยอมเลิก กลายเป็นพระผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ ที่เคยเป็นที่นับถือ ของคนไทย ที่นิยมอ่านหนังสือทางพุทธ บ้างก็เป็นพระที่มีตำแหน่งสูงในสังคม ในมหาวิทยาลัย บ้างก็เป็นพระ ที่เป็นนักเทศน์ ที่มีชื่อเสียง บางคนก็เป็นฆราวาส ที่เรียกตนเองว่า เป็นปราชญ์ เป็นบัณฑิต ที่เขียนหนังสือขาย เอาพุทธศาสนามาเขียน ทำมาหา เลี้ยงชีพ

ซึ่งแต่เดิมก็เขียนในเรื่องบุญกุศล เขียนในเรื่องหลักพุทธศาสนา เขียนเรื่องพระไตรปิฎก แต่ ณ วันนี้เขียนเรื่องเพื่อทำลายวัด ทำลายพระที่ดี เขียนทำร้ายจิตใจคนเข้าวัด คนทำบุญเ ป็นแสนเป็นล้าน ครับ การหากินด้วยการทำร้ายผู้อื่น ถือเป็นการเบียดบังผู้อื่น ใช้มิจฉาทิฏฐิเป็นตัวนำ ก่อบาป อกุศลกรรม เพราะในใจเต็มไปด้วย ความเร่าร้อน โกรธแค้น ริษยาอาฆาต

ถือว่าผิดทั้งศีล 5 ซึ่งเป็นแก่นธรรมของชาวพุทธ ที่ไม่ต้องไปตามหาที่ไหน ถ้าเป็นพระ ต้องถือศีล 227 ข้อ ผมว่าถ้าแค่ศีล 5 ยังถือไม่ได้ ก็นับว่า ท่านปาราชิก โดยอัตโนมัติ ไปนานแล้ว

นอกจากนั้น ยังผิดข้อกรรมกิเลส 4 เรื่องอคติ 4 คืออคติเพราะเกลียด อคติเพราะกลัว เพราะในใจผู้เขียนนั้น ไฟธาตุร้อนเร่าลุโชนด้วย ไฟกิเลสที่เผาผลาญ "โลภะ" เพราะเขียนหนังสือ ทำร้ายคนอื่น เป็นบาปแต่ได้เงินร่ำรวย "โทสะ" เพราะเขียนด้วยความโกรธแค้น ที่ไม่เป็นดั่งใจ ตัวเอง ต้องการให้สึกพระ ปิดวัด หยุดสร้างเจดีย์ ทั้งที่เจดีย์นั้น สร้างขึ้นถวายพระพุทธเจ้า ยิ่งพระบางองค์ ออกมาจาบจ้วงว่า พระพุทธรูป รูปร่าง เหมือนเขียด ถือว่าเป็นการดูหมิ่นพระศาสนา และปูชนียวัตถุ ผิดกฎหมายอาญา เรื่องดูหมิ่นพระศาสนา พูดเพราะโกรธ พูดเพราะ "โมหะ" หลง มัวเมา ในความคิดของตนเอง ไม่ยอมฟังความคิดผู้อื่น ไม่เคารพสิทธิ์ ศักดิ์ศรีแห่ง ความเป็นมนุษย์ของคนอื่น

ครับ ถ้าเป็นเพราะผมชอบคำว่า ปาราชิกโดยอัตโนมัติ เพราะเจ้าตัวรู้อยู่แก่ใจแล้วก็ยังทำ ถ้าเป็นปราชญ์ราชบัณฑิต ก็หลุดจากตำแหน่ง โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอให้ถอดถอน เพราะข้อเขียนนั้น เป็นบาปที่ฟ้องตัวเองโดยไม่ต้องขึ้นศาลไหน

ครับ ศาลในใจของเขาเองนั่นแหละ จะเห็นว่าบุคคลเหล่านี้ หน้าตาจะเร่าร้อน มองตาคนไม่สนิท หน้าหมองคล้ำ ไม่มีสง่าราศี เพราะเงาดำ แห่งบาปเริ่มครอบงำ และบุญที่เขาเคยสร้างมาแต่อดีตชาติ และชาตินี้ กำลังจะหมดไป และเงื้อมมือแห่งบาปเงาดำ แห่งกรรมเวร กำลังจะมาถึงตัว

ผมไม่เคยคิดเลยว่า ยุคนี้จะมาถึงยุคที่ปรัชญาของพุทธศาสนาเกี่ยวกับเรื่องบุญ และบาป กำลังถูกเขย่ามากที่สุด ถ้าเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ ที่มี รากลึกไม่เคยสั่นคลอน แต่วันดีคืนดีมีนักเลงดี ใช้รถแทร็คเตอร์คันใหญ่เข้าไปโยกคลอนให้สั่นสะเทือน ต้นไม้ใหญ่ก็เริ่มใบร่วงลงดิน เมื่อไม่มีใบ ต้นไม้ก็อาจเริ่มเฉา เริ่มมีอาการ มองแต่ไกลก็ชักไม่สวยงาม

เดิมเราก็มีความเชื่อมั่นว่า พุทธศาสนาในประเทศไทยของเรา รากของเรานั้น มั่นคงลึกซึ้งไม่กลัวการสั่นคลอน เพราะเราเชื่อเรื่องบุญ เรา เชื่อเรื่องบาป เราเชื่อเรื่องพระสยามเทวาธิราช เราเชื่อเรื่องพุทธานุภาพ เราเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองประเทศของเรา

ก็มิใช่ "บุญ" ของประเทศนี้หรอกหรือ ที่คุ้มครองประเทศไทย ตั้งแต่สมัย สมเด็จพระนารายณ์ มาจนถึงสมัย สมเด็จพระเจ้าตากสิน มาถึง สมัย สมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ จนถึงรัชการปัจจุบัน ของในหลวงของเรา ที่เราสามารถรอดปากเหยี่ยวปากกา สามารถรักษาเอกราช ประเทศ ของเรา สามารถรักษาพุทธศาสนา ให้ยืนยง อย่างมั่นคง มาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งที่ประวัติศาสตร์พุทธศาสนาของโลกได้บันทึกไว้อย่างน่าสลดใจมาตลอดของการถอยหนี จนหมดประเทศของพุทธศาสนา ไม่ว่าจะหมด จากอินเดีย ซึ่งเป็นดินแดนกำเนิด ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง หมดจากอินโดนีเซีย ซึ่งถ้าไม่มีพระมหาเจดีย์ บรมพุทโธ อันงดงามและยิ่งใหญ่ มหาเจดีย์ที่งดงามด้วย พระพุทธรูป รอบเจดีย์นับร้อย เป็นอนุสรณ์ที่คนโบราณ สร้างไว้ก็จะไม่มีใครรู้ว่า พุทธศาสนาได้เคยรุ่งเรือง ในประเทศนี้ มาเมื่อหลายพันปีก่อน แต่ ณ วันนี้ก็เหลือเพียงอนุสรณ์ทิ้งไว้เท่านั้น

ครับ พุทธศาสนาของเราสอนให้เราเกิดมาด้วยความเมตตา ให้จิตใจอ่อนโยน ให้เป็นผู้มีทานบารมีสูง ให้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใครมาอาศัย ในประเทศ ใครมาทำมาหากินในบ้านของเรา เราก็เอื้อเฟื้อช่วยเหลือ มิได้รังเกียจ แบ่งปันที่ให้อยู่อาศัย ใครจะมาเผยแพร่ศาสนา ความเชื่ออะไร ประเทศไทยก็ไม่เคยรังเกียจ

ผมก็มีเพื่อนสนิท มีผู้ใหญ่ที่นับถือเป็นทั้งชาวมุสลิมที่มีชื่อเสียง เป็นครูบาอาจารย์ที่มีจิตใจงาม เป็นชาวคริสต์ไม่ว่าจะเป็นคาธอลิก หรือ โปเตสแตนท์ ที่มีความเคร่งศาสนา เป็นผู้มีความประพฤติ อันงดงาม มีจิตใจสูง เป็นชาวยิวที่นับถือศาสนายิว เป็นชาวฮินดู เป็นนายห้างโพกหัว ที่มาทำมาหากินในเมืองไทย เราก็เป็นเพื่อนสนิทกัน โชคดีที่พุทธศาสนานั้น สอนให้จิตใจกว้าง เมื่อเราเข้าโบสถ์ของคนศาสนาไหน เราก็ร่วมพิธี ของเขา ได้อย่างสบาย ไม่ต้องตะขิดตะขวงใจ สามารถไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ สามารถไหว้พระเจ้าของเขาได้ สามารถเคารพพระรูป ของ ศาสดาของเขาได้   ในทางพุทธศาสนา ไม่เพียงแต่ไม่ถือว่าผิดอะไร แต่ยังถือว่า เป็นจริยาวัตรอันงดงาม เป็นดำริชอบ ความเห็นชอบ ไม่เป็นบาป เพราะเราแปลคำว่า บาปไม่เหมือนกับศาสนาอื่น

นี่คือความงดงามของศาสนาพุทธ ที่ดูเหมือนไร้รูปแบบ ไร้การบังคับ ถ้าภาษาบู๊ลิ้มอาจจะเรียกว่า ไร้กระบวนท่า แต่คำว่า กลบุทธไร้ กระบวนท่านี่แหละ ที่ถือว่าสุดยอดแห่งยุทธภพ ด้วยเหตุนี้เอง การที่ประเทศไทย สามารถรักษาพุทธศาสนา มาจนถึงทุกวันนี้ได้ ถ้าเป็นต้นไม้ใหญ่ ก็ถือว่าหยั่งรากลึก จนยากที่จะขุดถอนและสั่นคลอน และยังรักษาพุทธศาสนิกชน ในเมืองไทย ไว้ได้ถึงกว่า 90 %

แต่ ณ วันนี้ ยุทธการขุดรากถอนโคน เพื่อจะปลูกต้นไม้ใหม่ ทำท่าว่าต้นไม้เก่าที่มีรากลึกนั้น ถ้าไม่สามารถหยุดเขย่า ให้สั่นคลอน ของ ผู้ไม่หวังดีได้ ถ้าใครอ่านข้อเขียนของ ดร.เบญจ์ บาระกุล ที่ทำสกู๊ปพิเศษ ใน "พิมพ์ไทย" สองวันที่ผ่านมานี้ ถ้าอ่านให้ละเอียด และติดตามมาตลอด อ่านแล้วจะหนาว

หรือว่าเมืองไทยกำลังจะหมดบุญ ต้องอ่านต่อพรุ่งนี้ครับ ผมมีเรื่องบุญ เป็นเหมือนพลังวิทยาศาสตร์ หมดได้เติมได้ เพิ่งจะได้มาจาก คุณ กุลภัทร กูรมะโรหิต วิศวกรจากอังกฤษ ทายาทของคุณสด กูรมะโรหิต นักเขียนคนดังที่เรารู้จักดี อ่านแล้วน่าสนใจดี

กาขาว (แทน)

[หน้าหลัก] [หน้า1][สหัสวรรษ][ปุจฉา]

1