ปีที่ 2 ฉบับที่ 726 ประจำวันเสาร์ที่ 10 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542

หน้า 1

สั่งกรมศาสนา เร่งสอบสวนสื่อ

อาคม ไม่มั่นใจสื่อมวลชน ลงข่าวเจ้าคณะตำบลคลอง 1 พูดถึงเรื่องพระลิขิตปลอม ให้กรมการศาสนารวบรวมหลักฐานให้แน่ชัด ก่อน ลงโทษ พร้อมกล่าวอำลานักข่าว กระทรวงศึกษาธิการ เขียนหนังสือชมตัวเอง 1 ปี 8 เดือน ทำงานคุ้มค่าจ้างหลวง

นายอาคม เอ่งฉ้วน ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เนื่องจากเป็นความจำเป็นที่ต้องไปรับตำแหน่งใหม่ ซึ่งเป็นไปตามวิถีการเมือง ก็จำเป็น จะต้องรายงานให้ประชาชนทราบว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี 8 เดือน ที่ทำงานในกระทรวงศึกษาธิการว่า ได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง

ทางสวนดุสิตโพล ได้ทำการประเมินผลงานของกระทรวงศึกษาธิการว่า มีผลงานเป็นที่น่าพอใจ ถือร้อยละ 60 ถือว่า เป็นผลงานที่สำคัญ เพราะว่า อยู่ในช่วงที่มีการประกาศ พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ และงานของกระทรวง ก็อยู่ในความสนใจของประชาชนมาก

นายอาคมกล่าวว่า ต้องการแจ้งให้ประชาชนทราบว่า ตลอดระยะเวลา ที่ดำรงตำแหน่งนั้น ตนได้กำหนดนโยบายเร่งรัดการทำงาน และ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งจะขอพูดเฉพาะงานที่รับผิดชอบ นอกจากนี้ ยังได้เขียนหนังสือให้สื่อมวลชน เป็นหนังสือสรุปผล การดำเนินงาน ตลอดระยะเวลา 1 ปี 8 เดือน และสิ่งที่ได้เขียนหนังสือเล่มนี้ ก็มาหลายอย่าง ที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ตนเห็นว่า สื่อมวลชน ต้องเป็นผู้ติดตามว่า คนที่จะมารับหน้าที่แทนนั้น จะต้องทำอะไรบ้าง สื่อมวลชน ต้องช่วยกันกระตุ้นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีวัดพระธรรมกาย นายอาคม เอ่งฉ้วน กล่าวว่า เรื่องกรณีพระครูเจ้าคณะตำบล ที่รับผิดชอบ วัดพระธรรมกายอยู่ ออกมา ให้สัมภาษณ์ ในลักษณะที่ไม่เป็นกลาง ซึ่งถ้าเป็นความจริง ถือว่าเป็นเจ้าพนักงาน ที่ไม่เป็นกลาง เพราะว่าในระบบปกครองสงฆ์ เจ้าคณะตำบลว่า เป็นคณะผู้ปกครอง แต่แน่นอนว่า ข่าวก็คือข่าว ยังไม่ทราบว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

พร้อมกันนั้น ได้สั่งการให้ นายสุทธิ์วงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา ให้ดำเนินการ นำข่าวที่ พระครูฯ ออกมาให้ สัมภาษณ์ ว่า พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช เป็นของปลอม รวมทั้งให้สัมภาษณ์ในเชิงลบ ที่ไปปกป้องวัดพระธรรมกาย ในขณะที่คณะสงฆ์ ยังไม่ได้ พิจารณาเลย แต่ท่านไปพูดแทนหมด

เพราะฉะนั้น ก็ให้รวบรวมข่าว และได้ให้ท่านรองสุทธิวงศ์ ไปถามท่านเจ้าคณะตำบลรูปนี้ว่า ท่านพูดจริงหรือไม่ เพื่อที่จะทำบันทึกให้ ทางเจ้าคณะอำเภอทราบ ซึ่งถ้าเป็นความจริง ก็จะได้พิจารณาโทษต่อไป

ส่วนกรณีพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี บอกว่า ถ้าทางกรมศาสนามายื่นเรื่อง อาจจะปลดพระราชภาวนาวิสุทธิ์ จากตำแหน่ง เจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย นั้น เป็นเรื่องที่เจ้าคณะจังหวัด จะต้องตัดสินใจ ตนไม่มีอำนาจไปสั่งการได้ แต่ว่าขณะนี้ ได้สั่งการให้กรมศาสนา ดำเนินการไปแล้ว

สำหรับเรื่องที่จะดำเนินการต่อไป ในกรณีที่เป็นกฎหมายอาญา ในเรื่องดังกล่าว ตนก็ตกเป็นผู้ต้องหา ที่ทางวัดพระธรรมกาย กล่าวหาตน เช่นกัน ก็ได้ให้ทางทนายสู้คดีไปแล้ว โดยนิติกรของทางกระทรวง เป็นผู้ไปสู้คดีให้

กรณีที่มีการกล่าวหา ก็ว่ากันไปตาม กระบวนการกฎหมาย และกรณีกฎนิคหกรรม ที่ได้เริ่มต้นขบวนการแล้ว เป็นหน้าที่ของคนใหม่ ที่จะ ต้องไปเร่งรัดดำเนินการ เรื่องนี้ว่า ผิดจริงหรือไม่ ถ้าพบว่า มีความผิดจริง ก็ต้องลงโทษไปตามกฎหมาย ถ้าไม่ผิดก็ถือว่า ยุติ หากไม่มีการอุทธรณ์ แต่ถ้านานเกินไป ประชาชนก็เป็นห่วง รวมทั้งพระภิกษุผู้ใหญ่ ท่านเจ้าคุณธรรมปิฎกเอง ก็ไม่ค่อยสบายใจ หลายคนออกมาเป็นห่วง รวมทั้งฝ่าย ผู้ที่มีหน้าที่กำกับดูแล คือ กรมการศาสนา หรือฝ่ายรัฐบาลเอง ก็ห่วงใย แต่ว่า ต้องทำให้เป็นระบบ ตนมีหน้าที่คือ เร่งรัดเท่านั้น

[หน้าหลัก] [หน้า1][สหัสวรรษ][ปุจฉา]

1