ปีที่ 2 ฉบับที่ 722 ประจำวันอังคารที่ 6 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542
ปุจฉา วิสัชนา
11 มิถุนายน 2542
เรียน คุณ "ไอ้ทิด" ที่นับถือ
ผมขอรบกวน Column ของคุณหน่อย ช่วยลงบทความถึง รมช.อาคม เอ่งฉ้วน ว่า... ผมฟังคำสัมภาษณ์ของ รมช.ทีไรหัวใจจะวาย... ไม่มีความเป็นกลางเลย มองไม่ออกว่า มีเจตนาดี หรือร้าย เพราะกลับไปกลับมา ผมประชาชนคนถือพุทธ เป็นห่วงท่านครับ!
บาปมีจริง กล่าวคือ เป็นต้นตอฟ้องพระบริสุทธิ์... นรกคือที่ไป
การกระทำของท่าน เป็นการสกัดนิพพานของตนเองและคนอื่น ท่านรับกรรมแน่ๆ.... และเดาได้เลยว่า คราวหน้าสอบตกแน่นอน เพราะแพ้ภัยตนเอง น่าสงสารครับ
สมพงษ์ นนทบุรี
เรียน นสพ. พิมพ์ไทยที่นับถือ
ผมเห็น ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง มาออกรายการโทรทัศน์ ตามหาแก่นธรรม แล้วก็ยกขบวนไปทั่วทุกเขตทั่วประเทศ แล้วให้คนออกมา วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับศาสนา แล้วเลือกกระทู้ เข้าข้างตนเอง หากกระทู้ใดเข้าข้างตัวเอง โจมตีธรรมกาย ก็เอากระทู้เหล่านั้น หยิบยกมาเป็นปัญหา ให้วิทยากรออกความเห็น วิทยากรที่เลือกมานั้น ล้วนแต่เป็นพวกเดียวกัน
ปัญหาที่ถามกันส่วนมาก จะโต้เถียงกันเกี่ยวกับนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา และต่างๆ นานา คนที่เป็นวิทยากร ส่วนมากเป็นฆราวาสบ้าง แม่ชีบ้าง ส่วนมากเป็นของตัวเอง ฝ่ายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เลือกสรรมาทั้งสิ้น
คนเป็นวิทยากรส่วนมาก มาตอบปัญหาล้วนแต่พวกไม่สำรวม ตอบไปตามนานาทัศนะ ผู้ฟังส่วนมากไม่รู้ว่าเข้าใจศาสนา มากน้อยแค่ไหน เห็นเขาปรบมือ พูดถูกใจ ก็ปรบมือ ตามเขาไป
ผมในฐานะชาวพุทธคนหนึ่ง อยากแสดงความคิดเห็นในฐานะฆราวาสหัวดำๆ นี่แหละ คนไม่มีดวงตาเห็นธรรม โต้กันร้อยชาติ มีอยู่ทางเดียวคือ ต่อยปากกัน มีทิฏฐิใส่กัน ไม่มีวัน สิ้นสุด ตัวเองยัง ถือศีล 5 ยังไม่ครบทั้ง 5 ข้อ จะมาเถียงกันไปทำไม
พวกบ้าขาดสิทธิมนุษยชน ปากพร่ำหาถือสิทธิเสรีภาพ เมื่อได้มา เอาสิทธิไปข่มเหงคนอื่นเขา ด่าเขาว่าเขา ความแตกต่างระหว่างบุคคลไม่คำนึงถึง สิทธิส่วนบุคคลก็ไม่คำนึงถึงทั้งสิ้น ผมเชื่ออย่างผม คุณเชื่ออย่างคุณผมว่าพระพุทธเจ้าว่าอย่างนี้ คุณว่าอย่างนั้นแล้ว ทำไมจะเอากันเป็นกันตาย ผมฝากถามคนพวกของคุณเจิมศักดิ์ ปิ่นทองเป็นข้อๆ ดังนี้ หากตอบไม่ได้ เป็นที่เข้าใจ ผมขอร้องให้คุณหยุดปลุกระดมคนซะ ทุกอย่างมันจะเงียบสงบต่อไป คำถามของผมมีดังนี้
1. พระพุทธเจ้า เป็นของพวกคุณพวกเดียวใช่ไหม พวกตีความพระธรรมวินัยคนละด้าน ย่อมให้สิทธิซึ่งกันและกันใช่ไหม
2. โลกนี้เป็นที่อยู่ของสัตว์มีชีวิต ตลอดจนมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ฯลฯ นรกก็มีภูมิอยู่ พวกสัตว์นรก ส่วนสวรรค์ก็มีภูมิอยู่ 6 ชั้น นิพพานก็เป็นภูมิหนึ่งของอรหันต์ ที่หมดจากกิเลสอาสวะ ไม่เวียนตายเกิดอีก ทำไมพวกคุณจึงว่า นิพพานไม่มีที่อยู่ ถ้าไม่มีที่อยู่ พวกคุณปรารถนาไปทำไม นิพพาน สำหรับภูมินี้เอง ก็ไม่แสดงไว้ให้มากมายหรือ มนุษย์ตาเยอะๆ อย่างเรา กี่ชาติ กี่ภพจึงจะไปถึง
อยากถามว่า ถ้าไม่มีที่อยู่ ปรารถนากันไปทำไม ให้ถามพวกดร.เจิมศักดิ์ดูซิ หากนิพพานไม่มีที่อยู่ ปรารถนาทำไม หากปรารถนาก็แสดงว่านิพพานมีที่อยู่นะซี
ถามว่านิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา ถ้าเอาบาลีที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ นิพพานํ ปรมํ สุญญํ หมดจดจากกิเลสตัญหา ราคะ บริสุทธิ์ผุดผ่องแล้ว นิพพานํ ปรมํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่านิพพาน เป็นไม่มี ผู้ไปนิพพานไม่ต้องมาบังเกิดในภพใดๆ อีก สุขชั่วนิรันดร เป็นหนึ่ง ลองถามพวกดร.เจิมศักดิ์ดูซิ มันเป็นอะไรขอรับ
สรุปขอถาม 2 ข้อ
1. นิพพานมีอยู่เช่นเดียวกับภพต่างๆ เช่น ภพนรก พวกต่ำช้า ภพมนุษย์ เดรัจฉาน สวรรค์ 6 ชั้น และนิพพาน เป็นภพพระอรหันต์ (มีที่อยู่) ถามว่า นิพพานมีที่อยู่หรือไม่มีครับ
2. นิพพานเป็นที่อยู่ของพระอรหันต์ ไม่เวียนตายเวียนเกิด สุขไม่มีทุกข์เจือปน ถามว่านิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตาขอรับ
จากนายเอกชัย แก้วกล้า
เรียน ไอ้ทิด โซตัส และคณะชาวพิมพ์ไทยทุกท่าน
ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณชาวคณะพิมพ์ไทยทุกท่าน ที่มีจรรยาบรรณที่ดี ในการเป็นผู้สื่อข่าวหรือสื่อมวลชนอย่างแท้จริง เพราะหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ท่านให้ความหมายของผู้สื่อข่าวไว้ว่า ผู้สื่อข่าวคือ
- ผู้นำแสงสว่างสู่ชาวโลก
- ครู ของมวลชนที่จะชี้นำจิตวิญญาณที่ถูกต้องแก่ประชาชน
- ผู้ปรองดอง ใครทะเลาะกันก็พยายามเขียนให้คนดีกัน
- สื่อจากใจที่ดีออกไปสู่มวลชน
แล้วโลกจะสันติสุขได้ด้วยผู้สื่อข่าวด้วยเช่นกัน และพิมพ์ไทยก็เป็นหนังสือพิมพ์ที่เริ่มจากชาวบ้านๆ พิมพ์ผิด-ถูก ค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์เลยทีเดียว แต่จากจรรยาบรรณ และ คุณธรรมที่ดีของผู้สื่อข่าว นักข่าวและทีมงานพิมพ์ไทยที่ดี ไม่บิดเบือนข่าว แก้ต่างให้พระพุทธศาสนา ซึ่งทำให้ชาวพุทธได้เข้าใจสิ่งที่แท้จริง ฉะนั้นปัจจุบันนี้ นสพ.พิมพ์ไทย มิใช่ชาวบ้าน ธรรมดาๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะการสนองตอบจากผู้บริโภคที่ทั้งส่งแฟกซ์ จดหมาย โทรศัพท์ และอีกหลายๆ อย่างที่ไปถึงพิมพ์ไทยนั้น มิใช่น้อย สังเกตจากคอลัมน์ "ไอ้ทิด" จะมีจม.จาก ผู้อ่านพิมพ์ไทย ไม่ซ้ำกันเลย แต่ที่น่าจะปรับปรุงคือ การบริการเรื่องการจัดส่งและปริมาณแผงขายยังน้อย เลยทำให้หาซื้อยากไปหน่อย (หรือว่า ของดีมีน้อย) ยอดขายคงจะมากขึ้นแน่ๆ เลยค่ะ ถ้าหากมีขายตามแผงมากขึ้นกว่านี้ โดยเฉพาะคนต่างจังหวัด เพื่อนสหธรรมิกตามศูนย์กัลยาณมิตรทั่วประเทศ บอกว่าไม่มีขายเลย น่าสงสารเหมือนกันนะคะ อยากให้ "พิมพ์ไทย" มีขายทั่วประเทศไทยเลยค่ะ เพราะอ่านแล้วมีกำลังใจดี ทุกคอลัมน์เลยค่ะ ถ้าเป็นไปได้ น่าจะวางแผงให้ดีขึ้นกว่านี้นะคะ
ขอชมเชยอย่างจริงใจค่ะ สักวันหนึ่งความดีที่ท่านได้ช่วยเป็นทนายแก้ต่างให้พระพุทธศาสนา โดยไม่ไหลตามกระแสของสื่อฉบับอื่นๆ นั้น จะส่งผลให้ "พิมพ์ไทย" เจริญรุ่งเรือง อย่างแน่นอนในไม่ช้านี้ ดิฉันมั่นใจเกิน 100 เปอร์เซ็นค่ะ เพราะส่วนหนึ่งของการแก้ต่างให้พระพุทธศาสนานั้น มีอานิสงส์มากมายมหาศาล เมื่อจะมีใครมาคิดร้ายหรือทำลายเรา ก็จะมีสิ่งอื่นๆ มาช่วยปกป้องรักษาคุ้มครองเรา จะทำกิจการงานใดๆ ก็จะมีผู้ที่มีประสิทธิภาพ มีฝีมือมาช่วยเหลือให้สำเร็จได้ด้วยดี และที่สำคัญเกิดใหม่ในภพใด จะเป็นครอบครัวสัมมาทิฏฐิ และอยู่ ภายใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนาไปทุกภพทุกชาติ จะได้เข้าใกล้พระรัตนตรัย เป็นแนวหน้าเสมอในทุกๆ เรื่อง และจะไม่มีภัยใดๆ ทำอันตรายได้ (ทีมงาน "พิมพ์ไทย" ต้องพยายามรักษาศีล 5 ให้ได้ด้วย จะได้เห็นผลเร็วมากขึ้น) อายุยืน ชีวิตมีแก่นสารมากขึ้น ทั้งตนเองและครอบครัวค่ะ และขณะเดียวกัน ถ้าผู้ใดกีดกัน ขัดขวาง ทำลายล้างคนดีๆ ไม่ให้เขาสร้างความดี จะด้วยวาจา ใจ หรือการกระทำก็ตาม จะด้วยตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม ก็จะส่งผลไม่ดีอย่างมหาศาลเช่นเดียวกัน เช่นดังคำพูดของคุณยายจันทร์ ขนนกยูง ที่กล่าวไว้ว่า "ใครสั่งสมบุญ ก็แบกบุญ เอาไป ใครสั่งสมบาป ก็แบกบาปเอาไป ทั้งบุญและบาปเป็นดุจเงาตามตัว ของใครใครก็รับเอาไป" บาปส่งผลช้าในชาติภพนี้เพราะ บุญในชาติภพก่อนยังส่งผลอยู่ แต่ถ้าบุญใหม่ไม่ทำเพิ่ม แล้วยังสร้างบาปมหันต์อีก ก็คงไม่นานเกินรอแน่ บาปบุญเป็นกระแสมีจริง
ใครสามารถเอาใจหยุดนิ่งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ได้สม่ำเสมอทุกเวลาแล้ว โลกนี้ ชีวิตนี้ จะมีแต่ความสุขอย่างแท้จริง ไม่เชื่อพิสูจน์ได้ เพราะวิชชาธรรมกายนั้น เป็นการทำสมาธิ ที่ทุกชาติทุกภาษา ทำได้เหมือนกันมิใช่ต้องนับถือพุทธศาสนาเท่านั้น วันนี้ขอเชิญชวนท่านที่กำลังรู้สึกว่า ชีวิตยังเหมือนกับว่า ขาดอะไรบางสิ่งบางอย่างอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร แต่รู้ว่า ไม่เต็ม ก็ขอเชิญไปค้นหาคำตอบ ที่วัดพระธรรมกายได้ด้วยตนเองเลยค่ะ เพราะพูดมากก็ไม่สามารถทำให้เข้าใจความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนได้ ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองค่ะ และขอเชิญชาว พิมพ์ไทย ทุกคนไปพิสูจน์ด้วยนะคะ แล้วจะทราบว่าชีวิตที่เต็มสมบูรณ์นั้นเป็นอย่างไร และอย่าไปแค่ไม่กี่ครั้งแล้วก็บอกว่า ไม่เป็นไปตามที่ต้องการเลย การเรียนสมาธิแบบธรรมกายนั้น ต้องอาศัยทั้งเวลา กำลังใจและที่สำคัญต้องเป็นนักเรียนที่ดีคือ เรียนที่วัดแล้วกลับมาปฏิบัติที่บ้านเป็นการทำการบ้านไปด้วย แล้วสิ่งที่ขาดจะเติมเต็มเองในที่สุดค่ะ
ท้ายที่สุดนี้ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย บารมีของหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย บารมีธรรมของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัด พระธรรมกาย บารมีธรรมของคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย และบารมีธรรมของพระอาจารย์ทุกๆ รูป และบุญบารมีที่ดิฉันและครอบครัว ได้ตั้งใจ เป็นผู้นำบุญ เพื่อช่วยสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา มาตลอด ทั้ง 6ปี ขอบุญบารมีทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น จงมาประมวลรวมกันที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ให้เป็นดวงบุญที่สว่างโพลง สามารถ ดึงดูดมหาสมบัติให้เกิดขึ้นกับชาว "พิมพ์ไทย" อย่างปัจจุบันทันตาเห็น หมดหนี้ หมดสิน อย่างง่ายดายเป็นอัศจรรย์ และขอให้มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นล้านๆ บาทต่อวันเลยค่ะ
ขอแสดงความนับถือ
กัลฯ ตฤณพรรษ ตำนานวัน
ขอฝากถึงสื่อมวลชนฉบับอื่นๆ ด้วยนะคะ ในพระไตรปิฎก เขียนเอาไว้ว่า การว่าร้ายพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอริยสงฆ์ จะด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ทั้งต่อหน้าหรือ ลับหลัง ก็ตาม ถือเป็น กรรมหนัก ทั้งสิ้น ต้องได้รับโทษอย่างหนัก ไม่มีบุญอะไรชลอได้เลย ขอวอนสื่อมวลชนที่อาจจะไม่เข้าใจ เลิกบิดเบือนข่าววัดพระธรรมกายเสียเถอะ โดยเฉพาะคำว่า "ธรรมกาย" นั้น คือ กายตรัสรู้ธรรม ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ ก็ไม่ต้องพูดหรือคิดไม่ดีกับคำคำนี้เลย เพราะชีวิตหลังความตายนั้น ยาวนานกว่าชีวิต ในเมืองมนุษย์ หลายเท่านัก
ไอ้ทิด