ปีที่ 2 ฉบับที่ 722 ประจำวันอังคารที่ 6 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542

วิวาทะ

เรื่องของจรรยาบรรณสื่อและไอ้โม่งกรมการศาสนา

เศร้าใจเป็นครั้งที่สามที่สี่และที่ห้า… กับการเสนอข่าวของสื่อมวลชน โดยเฉพาะเหตุผลในการเลือกใช้ระดับภาษา "ไอ้…" นาย….

"มติชน" โดย บุญเลิศ ช้างใหญ่ เขียนถึงเหตุผลในการใช้สรรพนามดังกล่าวชนิดกำปั้นทุบดิน ว่า เรียกตาม พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช ส่วนข่าวสด เรียกไอ้… ก็เป็น การเรียก ชื่อเล่น สมัยที่พระธัมมชโยเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย

บุญเลิศ ช้างใหญ่ ให้เหตุผลไว้อย่างนั้น ในฐานะอดีตสสร. ในฐานะผู้ที่มีผลงานหนังสือเรื่อง "ซองขาว" ถือว่าเครดิตของบุญเลิศ ช้างใหญ่ ในสายตาคนทั่วไปช่างขาวสะอาด เหลือเกิน

และบุญเลิศ ช้างใหญ่ นี้นี่เอง ก็เป็นคนที่เข้าไปขุดคุ้ยช่วยกันลงสหบาทานักข่าวรุ่นน้อง มีฉายาว่า "ช้าง" ในข้อหารับทรัพย์นักการเมือง

มองภาพที่ปรากฏก็เป็นเรื่องของสื่อมวลชนน้ำดี จับไม้เรียวไล่หวดสื่อมวลชนน้ำเน่าหรือ

ในความเป็นจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ต้องใช้วิจารณญาณขบคิด

อย่างกรณี ไอทีวี สุทธิชัย หยุ่น ไขก๊อกเรื่องจรรยาบรรณของ สุภาพ คลี่ขจาย หลังจากที่ร่วมทำงานกัน มานานหลายปีดีดัก แต่ก็ต้องมาฆ่าเพื่อน ขายเพื่อน ต่อสาธารณชนหมู่มาก เมื่อ อำนาจและ ผลประโยชน์ไม่ลงตัว กระนั้นหรือ คุณธรรมของผู้ที่ออกมากล่าวหา เพื่อนเลวเพื่อนชั่ว เพื่อนกินสินบาทคาบสินบน

กรณีนี้สิทธิชัยหยุ่น จะยืนอยู่ตรงฝั่งที่ถูกต้องขาวสะอาดและสุภาพ คลี่ขจาย สกปรกโสมม กระนั้นหรือ

คำตอบทำนองนี้ น่าจะมาจากความคิดของผู้ด้อยภูมิปัญญา หรือไม่ก็เป็นผู้ที่เชื่อง่ายกลุ่มแรก

เป็นไปได้อย่างไรที่คนอย่าง สุทธิชัย หยุ่น จะมีปัญญาตื้นเขิน ออกมาสลัดงูออกจากคอ ให้ชาวบ้านเขาช่วยไล่ตีเจ้างูร้าย ทั้งที่สุทธิชัยหยุ่นเอง เป็นเจ้าของวิกเมียงู เปิดบริการให้ ประชาชนดูรายการตื่นหูตื่นตามาโดยตลอด

วกกลับมาที่ บุญเลิศ ช้างใหญ่ ไล่บี้ช้างเล็กรับเงินนักการเมือง งัดหลักการหนังสือเรื่องซองขาว มาวิพากษ์วิจารณ์ในไอทีวี ภาพที่เห็นไม่ต่างอะไรไปจาก ละครน้ำเน่าทั่วไป

ย้อนไปสมัยที่ บุญเลิศ ช้างใหญ่ เป็นนักข่าวเดินต๊อกๆ อยู่ที่รัฐสภา สัญลักษณ์ของเขาก็คือ สมุดบัญชีคู่ฝากธนาคาร

วันหนึ่งๆ ทำข่าวไปก็เห็นบุญเลิศ ช้างใหญ่ ดูยอดเงินฝากด้วยความภาคภูมิยิ่ง

นี่แหละคือสภาพของผีเน่ากับโลงผุ!

ยิ่งเห็นบุญเลิศ ช้างใหญ่ เขียนถึงเหตุผลการใช้ระดับภาษา โดยเฉพาะสรรพนามเรียกนำหน้าพระภิกษุ ยิ่งทำให้ผมคิดถึงช้างใหญ่ตัวนี้ขึ้นมาจับใจทีเดียว

โลกมนุษย์คือมายา มีทั้งตัวโกง ตัวดี ตัวเลว ตัวแรด ตัวแสบ ตัวปลอม และตัวจริง เป็นมหรสพโรงใหญ่ที่ประกอบไปด้วยอารมณ์ แห่งกองกิเลสตัณหา

พูดถึงตัณหแล้วสองสามวันก่อน "ปู่โอม" หยิบยกเรื่อง ตัณหาของพระธัมมชโย กับตัณหของผู้ชำนาญการศาสนา ขึ้นมาเปรียบเทียบ ทำให้มองทะลุโปร่ง ถึงการทำงาน และพฤติกรรม ของกลุ่มนี้เป็นเช่นไร

อย่าเพิ่งร้อนท้อง หรือหนีเงาตัวเอง…

บทบาทของกรมศาสนาใครคือ "ไอ้โม่" กันแน่?

มาณพ พลไพรินทร์ หรือพิภพ กาญจนะ ช่วยกันตามล่าไอ้โม่งในกรมการศาสนา กระฉากหน้ากากออกมาตีแผ่ ประณามให้สังคมได้ตื่นจากฝันร้ายกันได้แล้ว

สมัยที่ผมบวชนวกะที่วัดบวรฯ วัดแห่งนี้เป็นอารามหลวงที่มีการจัดรูปแบบการเรียนการสอนที่ดี แม้แต่ผู้ที่บวชเพียง 15 วัน ก็มีหลักสูตรจัดอบรมสั่งสอนพระใหม่ ส่วนพวกที่บวช เอาพรรษา ก็ได้รับความรู้ ทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติอย่างเต็มที่

เรียกได้ว่า วันหนึ่งๆ แทบไม่มีเวลาว่างให้คิดถึงเรื่องทางโลก

ผมจำได้ว่า ในตำราเรียน ได้เชิญวิทยากจากกรมการศาสนา

ที่สุดผลพระร้อยรูปรอเก้อ เจ้าหน้าที่ผู้นั้นเบี้ยว ไม่มาตามนัด

พระอาจารย์ของผม ท่านเลยต้องทำหน้าที่แทน และเปรยขึ้นมาว่า เขาคงกลัวพวกท่านพระใหม่ มีความรู้ ความสามารถหลายท่าน จะต่อความยาวสาวความยืดกับท่าน

กรมการศาสนาก็เป็นอย่างนี้แหละ

เรื่อง "ไอ้โม่ง" ในกรมการศาสนาเห็นมีคนจุดพลุกันมานานแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการ เพื่อกระฉากหน้ากาก ไอ้โม่งกันเสียที

มาณพ พลไพรินทร์ และ พิภพ กาญจนะ มาช่วยผมตามล่าไอ้โม่งกันดีกว่า

ข้าราชการระดับสูงกรมการศาสนาผู้นี้ ต่อไปนี้ผมจะเรียกว่า "ไอ้โม่ง" ภาพภายนอกของไอ้โม่ง ดูเป็นผู้ปกป้องพระศาสนา ที่เข้มแข็งเอางานทีเดียว

แต่แท้จริงแล้ว ในกระมลสันดานของไอ้โม่ง เป็นแค่นักรีดไถเงินจากพระตัวฉกาจ ชนิดไม่เกรงกลัวนรกทีเดียว

ไอ้โม่งใจบาปเคยคุมการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการศึกษาสงฆ์ ซึ่งมีโควต้า โรงเรียนละไม่เกิน 5 ล้านบาท

ตามประสาคนใจบาป แต่กลับไปมีอำนาจอยู่องค์กรที่จักต้องทำงานเพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่อง

เฉกเช่นสุนัขอดเสพอาจมไม่ได้

ปรากฏว่ามีหลายโรงเรียนแสดงเจตจำนงร่วมโครงการไอ้โม่งหลายโรงด้วยกัน

ดีดลูกคิด 10 % จาก 5 ล้าน ตกแล้วโรงละ 5 แสน เนื้อๆ เข้ากระเป๋า

แล้วที่ออกตัวให้เมียน้อยกู้ไปนั้น ปรากฏว่าได้คืนบ้างไม่ได้คืนบ้าง ไอ้โม่งอ่านเกมขาดรู้อยู่แก่ใจว่า พระท่านไม่อยากมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล

คนที่จะเป็นเสนาบดี เป็นอธิบดี ต้องขาวสะอาดครับ และต้องสะอาดทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังด้วย

ถ้าคิดการใหญ่ มักใหญ่ใฝ่สูงจะนั่งในตำแหน่งใหญ่ๆ เลยคิดจะล้มของใหญ่ๆ ระวังจะสะดุดขาตัวเองล้มไม่เป็นท่า

นี่แค่เรื่งงบการศึกษาสงฆ์ ยังมีเรื่องเหม็นในพุทธมณฑลอีก เอาไว้โอกาสดีๆ ค่อยว่ากันใหม่

วัวสันหลังหวะ แค่แมลงวัน แมลงหวี่บินผ่านก็ผวาแล้ว…..

โซตัส

[หน้าหลัก] [หน้า1][วิวาทะ][ปุจฉา]

1