ปีที่ 2 ฉบับที่ 714 ประจำวันจันทร์ที่ 28 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2542
ปุจฉา - วิสัชนา
คุณ ไอ้ทิด
มีคนบอกผมว่า ถ้าอยากตามข่าวที่ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ให้อ่าน "พิมพ์ไทย" ผมจึงหาซื้อมาอ่านหลายสัปดาห์แล้ว รู้สึกขอคุณ รายงานข่าว ที่จะแจ้งตาม ที่เป็นจริง ไม่งั้นสังคมต้องเป็นบ้าหมด
ผมอยากพูดถึงความผิดปกติ หรือไม่ปกติของสื่อกลุ่มหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมา ผมไม่เคยชอบหรือดูรายการของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เลย แต่ระยะนี้ดูบ่อนหน่อย เพื่อให้ทราบว่า นายคนนี้ จัดรายการกัดพระธัมมชโย และรังแกความรู้สึกของสาธุชนอย่างไร ผมเห็นลายความเหี้ยมโหดในจิตใจของนายคนนี้ รวมทั้งจุดประสงค์ของรายการ ที่ไม่มีใครควบคุม ทั้งๆ ที่เป็น รายการบ่อนทำลาย สร้างความแตกแยก อึดอัดให้กับสังคม ไม่นับการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของคนอื่น ผมได้เห็นชาวบ้านต่างจังหวัด ที่ซื่อ ใสสะอาด แต่ความเห็นไม่ตรง ตามต้อง การของนายเจิมศักดิ์ จึงถูกนายคนนี้ ทำให้กลายเป็นตัวตลกในรายการตามหาแก่นธรรม ที่ออกอากาศเมื่อค่ำวันที่ 6 มิ.ย. และ 9 มิ.ย. ในรายการขอคิดด้วยคน ผมเห็นนายคนนี้ ใช้เทคนิค การพูดเพื่อบิดเบือน สร้างประเด็นให้ร้าย โดยใช้ภาพจากปกหนังสือชื่อ ผ่าแผนพิฆาตธรรมกาย ของพิมพ์ไทย เป็นการจงใจทำความเข้าใจผิดๆ ให้กับผู้ชมรายการ และได้ติดตามฟังความเห็น ทั้งหน้าม้า และเสียงจริงของผู้ชม จึงได้ยินได้ฟังคุณถนอมชี้แจงความจริง เรื่องภาพและการบวชของวัด ซึ่งคุณถนอมชี้แจงได้ชัดเจน เด็ดขาดดีมากๆ หักล้างประเด็นของนายเจิมศักดิ์ แต่ก็ถูก ดี.เจ. ใช้ลีลากวนประสาทตามแบบฉบับของพวกนี้ ผมฟังต่ออีกหน่อยก็สุดจะทนฟังต่อไป เพราะรู้สึกอ่อนใจและนึกถึงดอกบัว 4 เหล่า อย่างช่วยไม่ได้ รายการของนายคนนี้ช่างไร้สาระสิ้นดี แต่ผมเองมองเห็นตัวตนจริงๆ ของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อย่างชัดเจนขึ้นมาทันทีเช่นกัน ดังนี้
1. นายเจิมศักดิ์ ดูเผินๆ เป็นคนหน้าตาดี ภูมิฐาน น่าเชื่อถือ แต่มองพิศให้ดี จะเห็นว่าลูกตาดำของนายคนนี้เล็กนิดเดียว มองเห็นตาขาวล้อมรอบ บอกว่าเป็นคนกลิ้งกลอก เห็นแก่ตัว และโหดลึก ไม่ควรเป็นที่ไว้วางใจของใคร ส่วนจมูก แม้จะโด่ง แต่ฐานจมูกแคบเล็กผิดปกติ และแหลมเรียว เหมือนถูกใครบีบจมูกแล้วดึงขึ้นอย่างแรง เป็นจมูกพินอคคิโอ บอกว่า เป็นคน ใจคอคับแคบอย่างร้าย พูดจาเชื่อถือไม่ได้ เป็นคนทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองชนะ เป็นคนได้แค่ 2 ข้อนี้ ยังไม่ต้องดูปากที่บิดเบี้ยว (ซึ่งดูต่างไปจากรูปปากเมื่อยังหนุ่มที่ดูดีกว่า คงเป็นเพราะ ผลกรรมจากที่ชอบกล่าวลวง ตำหนิใส่ร้าย ใส่ความคนอื่นอย่างไม่แฟร์อยู่เนืองๆ นั่นเอง โหวงเฮ้งจึงเปลี่ยนเป็น "ชั่ว" ตามพฤติกรรม) สรุปได้ว่า คนๆ นี้ไม่ใช่คนดี ซ้ำยังอำมหิตชั่วร้ายนัก
2. นายเจิมศักดิ์ เป็นคนที่มีความกดดันในใจสูง โกรธ เกลียด อะไรบางอย่างลึกๆ อยู่ในใจ จึงแสดงออกในรูปแบบที่เห็น ผมดูการแสดงออกของเขาทั้งจากวิธีตั้งกระทู้ วิธีคิด วิธีตอบ อยากจะสรุปว่า คนๆ นี้ได้ตกเป็นเหยื่อแรงกดดันในใจตัวเอง จนมีอาการเข้าขั้นเป็นโรคจิตใจไม่ปกติ ที่ยังไม่แสดงอาการเป็นบ้าทางสมอง เขาจึงพอใจกับวิธีการทำรายการ และบทบาท ของตัวเองในการชี้นำ ปลุกกระแสสังคม โดยขาดสำนึกความรับผิดชอบสังคม และไม่มีความละอายใจต่อตนเอง คนอย่างนี้อันตรายต่อสังคมครับ
3. บางทีอาจมีสำนึกที่ถูกต้องผ่านแวบเข้ามาในความคิด และจิตใจของเขา เรียกว่าพอรู้ดีรู้ชั่วบ้าง ทำให้เกิดความชัดแจ้งกับสิ่งที่เขาทำอยู่ จนกลายเป็นความเครียด นายเจิมศักดิ์และ ทีมงาน จึงออกอาการ "ถ่อย" สุดกู่ อย่างที่เราเห็นกัน เช่น จะกลายเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง ชวนทะเลาะทันที หรือตอกกลับ ยอกย้อนอย่างไม่มีมารยาททันที ใช้สสรรพนามเรียกอีกฝ่าย อย่าง ไม่ให้เกียรติทันที เมื่อเห็นว่า อีกฝ่ายสามารถหักล้าง การใส่ความคิดแก่ผู้ชม ทำให้เสียแผนของพวกเขาได้ ดังนั้นประชาชนที่มีสติดี มีวุฒิภาวะ มีความรู้ จึงไม่ดูรายการของนายคนนี้ มีแต่ ประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะความเชื่อ ใจบริสุทธิ์ จึงตกเป็นเหยื่อทุกรูปแบบ่ของนายคนนี้ และพวก และหลังรายการทุกครั้ง คนพวกนี้อาจจะนั่งสรวลเสชอบใจกับผลงานของตัวเอง ที่ทำให้ผู้ชมรายการของพวกเขาบางคนหลงเชื่อ และพวกเขาคงจะพูด คิดว่า "ช่วยไม่ได้ อยากโง่เอง" หรือ "ช่วยไม่ได้ คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด" เพื่อปลอมใจ กลบเกลื่อนสำนึกที่ดี ที่อาจมีขึ้น คนกลุ่มนี้ แม้ได้ร่ำเรียนมีความรู้ แต่ก็ได้ทำตัวเป็นขยะสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง คนมีความรู้ ฉลาด แต่ขาดคุณธรรม เมื่อใช้ความรู้ ความฉลาดในการเบียดเบียนผู้อื่น ก็ดูไม่จืด แบบนี้แหละ
4. เมื่อวิเคาระห์แนวคิด การกระทำของนายเจิมศักดิ์ จะเห็นได้ชัดว่า นายเจิมศักดิ์ มีความคิดเบี่ยงเบนจากความดี และพระพุทธศาสนา (รวมทั้งอาจเบี่ยงเบนจากอะไรอีกเยอะ แต่ยังไม่กล้าแสดงออกมาก) นายเจิมศักดิ์จึงไม่เชื่อเรื่องความดี ไม่ศรัทธาการทำดีของคนอื่น ซึ่งคงเพราะใช้ความคิดและจิตใจของตนเองที่พิกลพิการอยู่แล้วเป็นมาตรฐานนั่นเอง คนๆ นี้จึงไม่ใช่เป็นเพียงคนไม่มีค่าอะไร แต่ยังเป็นคนน่าสงสารด้วยครับ น่าสงสารที่ไม่รู้ตัวว่า ตนเองนั้น แท้จริงเป็นเหยื่อของแนวคิดรุนแรง เป็นผลพวงที่ติดลบ ของขบวนการปลุกปั่น สร้าง ปัญหาทางสังคมนั่นเอง
5. การทำรายการของนายคนนี้ จะใช้เทคนิคยั่วยุผู้ฟังผู้ชมทุกรูปแบบ เพื่อกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา ทำให้รายการของเขาดัง มีชีวิตชีวา เป็นการสร้างการโจษจัน ความ สนใจ เรียกผู้ชมผู้ฟัง วิธีง่ายๆ ที่เห็นคือ การสร้างความคับแค้นใจแก่ผู้ถูกกระทำ ทำให้เกิดขบวนการปกป้องตนเอง ต้องการแก้ข่าว พูดข้อเท็จจริง หรือตั้งประเด็น ให้มีชวนการแสดง ความ คิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ เกิดการตอแย ต่อความยาวสาวความยืด และนี่คือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า ความสำเร็จของพวกเขา การจัดรายการของคนกลุ่มนี้ จึงเป็นการอาศัยจุดอ่อนของสังคม ในการ แทรกซึม และแพร่แนวคิดที่เสมือนยาพิษให้แก่ประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
บางที การที่ประเทศไทยของเราต้องยุ่งยากไม่ก้าวหน้าในทางที่ดีที่ควรเช่นทุกวันนี้ เพราะมีคนกลุ่มนี้คอยกวนเมือง ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองหรือสังคม แต่ทำไม จึงไม่มีหน่วยงานใด ของรัฐที่จะคอยควบคุมการแผ่อิทธิพลของพวกเขา ปล่อยให้เป็นมะเร็งร้ายอยู่ได้นานถึงขนาดนี้ แม้ว่าจะมีนโยบายสื่อเสรี ก็ใช่ว่าจะริดรอนอำนาจรัฐในการเลือกจัดการกับสื่อที่เบี่ยงเบน เป็นภัยต่อสังคมอย่างชัดเจนเช่นนี้ได้ หากความคิดของประชาชนเพี้ยน คิดผิดคิดถูก เพราะไม่รู้จริง เพราะถูกชักจูงกระตุ้น จนเกิดเป็นกระแสที่ผิดๆ ไม่เป็นธรรมอยู่เนื่องๆ ย่อมไม่เกิดการ พัฒนา ในด้านสร้างสรรค์ได้ นอกจากวนเวียนอยู่กับความเขลา ความวุ่นวาย และความกล้าที่ผิดๆ หรือว่าบ้านเมืองไทยนี้ แท้จริงไม่มีผู้ดูแล ไม่มีผู้ที่มีความตั้งใจจริงใจในการแก้ปัญหา ไม่มีผู้นำที่มีความคิด ความรู้สึกที่ดีต่อประชาชนและรักประชาชน
ถูกแล้วครับ ผมมีความเห็นว่า กลุ่มนายเจิมศักดิ์และพวก ได้กระทำตัวมีอิทธิพลชี้นำประชาชนอย่างผิดๆ และสร้างความแตกแยกให้กับสังคมอย่างสนุก ลำพองใจมานานแล้ว เป็น พฤติกรรมบ่อนทำลายสังคม คนกลุ่มนี้ควรจะหรือน่าจะถูกควบคุม จัดการมากกว่าการพยายามหาความผิดให้พระธัมมชโย และวัดพระธรรมกายหลายร้อยหลายพันเท่า หรือว่ารัฐบาลนี้ ก็กลัวนายเจิมศักดิ์และพวก ถ้าเช่นนั้นประชาชนอย่างพวกผมจะไปพึ่งใครได้ คุณไอ้ทิดช่วยตอบผมผ่านหน้า นสพ.พิมพ์ไทยด้วยนะครับ และช่วยตอบผมด้วยว่า หากประชาชน ที่ไม่พอใจ นายเจิมศักดิ์ จะสามารถทำอย่างไรบ้างตามขบวนของกฎหมายขอบคุณครับ
นับถือครับ
ชำนาญ พิชิตเจิมศักดิ์
เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย
ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณท่าน ที่ให้ความเป็ฯธรรมกับวัดพระธรรมกาย ขณะนี้ มีสื่อจำนวนมากมีอคติกับวัด ผมมั่นใจว่า ได้สัมผัสและรู้จักวัดอย่างแท้จริง จะเห็นว่า วัดนี้เหมาะสม เป็นวัด เพราะสะอาด ร่มรื่น (ยกเว้นบริเวณก่อสร้าง) ถึงจะมีพระมาก แต่ละองค์ก็มีความสำรวม การสวดมนต์ก็พร้อมเพรียงกัน อาสาสมัครที่ช่วยกิจการของวัด ส่วนใหญ่เป็นนิสิต-นักศึกษา ซึ่งอยู่ในวัยน่าจะรักความสนุกสนาน กลับมาป็นผู้ที่มีกิริยามารยาท เรียบร้อย น่ารัก แบบประเพณีไทย ช่วยงานวัดด้วยใจศรัทธา ต่อพระพุทธศาสนา ความจริงอีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับการทำบุญ ด้วยเงินนั้น จริงๆ แล้วจะทำด้วยข้าว อาหาร หรือสิ่งของก็ได้ ตามกำลังความสามารถของแต่ละคน (มักจะทำกันในวันธรรมดาที่ศาลาหลังเก่า) แต่คนส่วนมาก ก็นิยมทำบุญด้วยเงิน เพราะ สะดวกและทางวัดเอง ็ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ไม่เหมือนข้าวปลาอาหาร ที่มักเหลือเป็นขยะ เกิดปัญหากับสภาพสิ่งแวดล้อม อย่างที่เห็นทั่วไป
หวังว่า คุณจะยอมรับข้อที่ว่า ผู้เข้าวัดหรือผู้ทำบุญ ก็หวังจะได้บุญ การทำบุญกับวัดนี้ ทำแล้ว รู้สึกมั่นใจว่า ได้บุญจริง เพราะมีการทำสมาธิ ก่อนการอุทิศแผ่บุญกุศลที่ได้ทำ มีความเชื่อ ในเรื่องพลังจิตมีจริง ประกอบกับความศรัทธาต่อการปฏิบัติศาสนกิจ ของพระสงฆ์ วัดนี้อย่างเคร่งครัด
ผมไม่เข้าใจที่มีหลายท่านกล่าวหาท่าน เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย รวมกับว่า ท่านเป็นอาชญากร ที่มีโทษมหันต์เหลือหลาย ทำไมไม่หันมามองผลงานที่ท่านได้เสียสละ อุทิศทั้ง แรงกาย แรงใจ เพื่อประเทศชาติ และศาสนาอย่างมากมาย เช่นโครงการบวชภาคฤดูร้อน โครงการธรรมทายาท ฯลฯ การที่ประชาชนสนใจพุทธศาสนา น่าจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติ และ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้ความสำคัญกับเยาวชน ให้มาสนใจเกี่ยวกับพุทธศาสนา เรื่องนี้เป็นหัวใจของวัดพระธรรมกาย ผมอยากให้ช่วยพิจารณา ระหว่างเยาชนกับผู้สูงอายุ ให้หันมา สนใจ เกี่ยวกับพุทธศาสนา อย่างไหนจะยากและมีประโยนชน์ต่อประเทศชาติมากกว่ากัน อาสาสมัครที่ช่วยงานวัด จะเป็นบุคลากรที่มีคุณค่ายิ่ง เพราะนอกจาก จะได้รับการอบรมเกี่ยวกับ คุณธรรม จริยธรรมแล้ว ยังเป็นสิ่งที่สังคมกำลังต้องการผู้ที่มีประสบการณ์ด้านนี้อยู่มาก และสิ่งนี้ไม่สามารถหาได้จากสถานศึกษา และหาได้ที่วัดพระธรรมกาย โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ ของรัฐบาล แม้แต่บาทเดียว จึงนับว่าวัดนี้มีคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยปณิธานที่ท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องการที่จะเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า กับความใจใหญ่ของเจ้าอาวาส ที่ได้ทำการสร้างเจดีย์ย์ เพื่อหวังที่จะเปิดโอกาสให้ประเทศ ต่างๆ อย่างจริงจัง ผมเชื่อว่า ถ้าท่านเจ้าอาวาสไม่ทำสองสิ่งนี้ ก็สุขสบายแล้ว จึงอยากให้วิเคราะห์ให้ดีๆ สักหน่อยว่า ใครกันแน่ที่ทำให้เกิดความแตกแยก ในระหว่างชาวพุทธด้วยกัน และ ใครกันแน่ที่รัก และส่งเสริม พระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง
ขอบคุณ
จากข้าราชการบำนาญกระทรวงศึกษาธิการ
ไอ้ทิด