ปีที่ 2 ฉบับที่ 698 ประจำวันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2542

หน้า 1

กฎหมู่พ่ายกฎหมาย

ตูมตามเบลอ บีบ "ธัมมชโย"

เพิ่งงัดกฎหมายถล่ม ศิษย์วัดธรรมกายสั่งสอน

ระบุ "โมฆียะ" ตั้งแต่เริ่ม

ยุคคนกราบหมา ฆราวาสด่าพระ ในที่สุดปัญหาวัดพระธรรมกาย กฎหมู่ก็ไม่อาจอยู่เหนือกฎหมายไปได้ ล่าสุด "อาคม" เบลอหนัก เพิ่งงัด กฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 157 เล่นงานพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ด้านกรมการศาสนา ยันรอผลชี้ผิด-ถูกจากอัยการสูงสุดพิจารณา ขณะที่มือ กฎหมายธรรมกาย โต้ "โมฆียะ" ตั้งแต่เริ่ม ทั้งเรื่องการบีบให้โอนที่ และสิทธิ์การถือครองที่ดินของภิกษุสงฆ์โต้แหลก

ปัญหาวัดพระธรรมกายยังเป็นที่สนใจของบรรดาสื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะประเด็นเรื่องที่ดิน ซึ่งเจ้าอาวาสวัด พระธรรมกาย   ได้รับบริจาคมาจากผู้มีจิตศรัทธา และนำมาสู่ประเด็นของ การหยิบยกเรื่องข้อกฎหมาย มาพิจารณาถึงความผิด-ถูก กรณีพระภิกษุ ถือครองที่ดินผิดกฎหมายหรือไม่ ขณะเดียวกัน ก็มีความพยายามของสื่อมวลชน ที่จะเร่งรัดให้กรมการศาสนา และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ลงกฎนิคหกรรม ปรับอาบัติปาราชิก พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย อย่างเร่งด่วน

ร่อนหนังสือส่งอัยการ - สส.

ความคืบหน้าเกี่ยวกับปัญหาวัดพระธรรมกาย และเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. เวลา 10.50 น. นายสุทธิวงศ์ ตันตยา พิศาลสุทธิ์ แถลงข่าวหน้าห้องทำงานอธิบดีกรมการศาสนาว่า ได้ทำหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด 3 ประเด็นคือ 1) เกี่ยวกับรายงานแจ้ง การต่อเจ้าพนักงานตามเจตนาเดิม ถ้าไม่ดำเนินการโอนที่ดินนั้น จะเป็นการแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานหรือไม่ 2) การครอบครองที่ดินของเจ้าอาวาส เข้าข่ายยักยอกหรือไม่ และ 3) กรมการศาสนามีมูลเพียงพอ ที่จะฟ้องร้องกล่าวโทษเจ้าอาวาสต่อเจ้าพนักงานหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คงจะต้อง ใช้เวลาในการพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก

เดตไลน์ตูมตามใช้ไม่ได้

สำหรับกรณีที่นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดขีดเส้นตาย ให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์ โอนที่ดินให้กับวัด ภายในวันที่ 10 มิ.ย. จะมีความเป็นไปได้เพียงใดนั้น รองอธิบดีกรมการศาสนาเห็นว่า เป็นคนละส่วนกัน กรณีกรมการศาสนา มีหนังสือถึง เจ้าอาวาส ให้โอนที่ดินให้เสร็จสิ้นในวันที่ 10 มิ.ย. หมายถึง วันที่ 11 มิ.ย. จึงจะครบกำหนดว่า ท่านจะโอนหรือไม่ ถ้าไม่โอนในช่วงเวลาดังกล่าว กรมการศาสนาจะพิจารณาต่อไป จะเป็นช่วงเวลาต่อเนื่อง 11 มิ.ย. หรือ 13 มิ.ย. ก็ได้ ทั้งนี้ แล้วแต่หลักฐานจะครบมูล เพียงพอ ที่จะกล่าวหา เจ้าอาวาส หรือไม่

นายสุทธิวงศ์ระบุว่า อย่างไรก็ตามหากพ้นกำหนดวันที่ 10 มิ.ย.แล้ว ไม่มีการโอนที่ดิน กรมการศาสนาก็จะรอคำตอบจากอัยการสูงสุดว่า ใน 3 ประเด็นที่เสนอไปนั้น กรมการศาสนาสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง

เมื่อถามว่า ในส่วนของหลักฐานที่มีอยู่นั้น มีน้ำหนักที่จะกล่าวโทษเอาผิดพระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้หรือไม่ นายสุทธิ์วงศ์ กล่าวว่า หลักฐาน นั้นมีพอสมควร หากทางอัยการสูงสุด มีข้อข้องใจต้องการหลักฐานประเด็นใด กรมการศาสนาก็พร้อมที่จะส่งมาให้กรมการศาสนาได้ ซึ่งกรมการ ศาสนาจะรวบรวมเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาต่อไป

ให้รอเจ้าคณะจว.ปทุมฯ

สำหรับความผิดด้านพระธรรมวินัยนั้น ทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พระสุเมธาภรณ์ มีความคืบหน้าไปอย่างไรนั้น รองอธิบดีกรมการ ศาสนา กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมการศาสตาได้ส่งเจ้าหน้าที่ ฝ่ายสังฆการไปประสานงานกับเจ้าคณะจังหวัดอยู่ตลอดเวลา ส่วนจะประทับรับฟ้อง เมื่อไร ก็เป็นสิทธิ์ของท่านที่จะดำเนินการตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม เจ้าคณะจังหวัดสามารถพิจารณาในส่วนของพระธรรมวินัยได้เลย โดยไม่ต้องรอกระบวนการพิจารณาคดีทางโลก

ที่ผ่านมากรมการศาสนาได้ส่งข้อมูลให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีไปพิจารณา 2 ประเด็นใหญ่ โดยนายมานพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญ กรมการศาสนา เรื่องปาราชิกในการถือครองที่ดินและเรื่องคำสอนที่ผิดเพี้ยน ทั้งนี้ต้องให้เป็นไปตามการพิจารณาของคณะสงฆ์ ซึ่งมีแบ่งเขต อำนาจการปกครองตั้งแต่ระดับเจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด และคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ที่เจ้าคณะจังหวัด ซึ่งกรมการ ศาสนาได้ส่งเจตนาการยกที่ดินให้กับวัด ไปพิจารณาแล้ว

"อาคม" สติแตกควันขึ้นหัว

ทางด้านนายอาคม เอ่งฉ้วน ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อท่าทีของวัดพระธรรมกาย โดยแถลงต่อสื่อมวลชนว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มีผู้ยื่นข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม ต่อเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีไปแล้วหลายราย ซึ่งต้องให้เป็นไปตาม กระบวนการพิจารณาของ คณะผู้ปกครอง สงฆ์ จะช้าหรือเร็ว กำหนดไม่ได้ แต่ข้อหารุนแรงถึงขั้นปาราชิก

งัดกฎหมายอาญาขู่

ถามว่า ถ้ากรมการศาสนากล่าวโทษเจ้าอาวาสในความผิดอาญาแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147และ 157 ฐานยักยอกทรัพย์ และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การพิจารณาโทษในทางสงฆ์ ต้องระงับไปก่อนหรือไม่นั้น ก็มีความเห็นว่า ไม่น่าจะระงับ เพราะ การกล่าวโทษมีหลายกระทงความผิดกรณีที่ดิน กล่าวหาว่า ยักยอกเป็น 1 ในหลายข้อหา เป็นอำนาจของเจ้าคณะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะพิจารณา

กรมการศาสนามีภาระต้องดำเนินการตามมติมส. และคำแนะนำของครม. เรื่องการโอนที่ดินจากเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาเป็นของ วัดพระธรรมกาย บัดนี้ได้ให้เวลากับเจ้าอาวาสพอสมควรแล้ว และกรณีมีตัวแทนวัดมาชี้แจงแทน ใคร่ขอร้องว่า ให้คำนึงถึงเจ้าอาวาสเป็นสำคัญ เพราะเจ้าอาวาสจะเป็นผู้ได้รับความเสียหาย ถ้าถูกดำเนินคดีอาญา เจ้าอาวาสก็จะตกเป็นผู้ต้องหา และได้รับผลกระทบโดยตรง

นายอาคมตั้งข้อสังเกตว่า 1) ทำไมต้องยื่นหนังสือคำชี้ขาดให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์โอนที่ดินภายใน 7 วัน เหตุผลการที่ให้กรมการศาสนา ยื่นคำขาด เพื่อชี้เจตนาเบียดยักยอกของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ให้ชัดแจ้ง หากครบกำหนด 7 วัน ไม่ส่งมอบโฉนดที่ดิน ย่อมแสดงเจตนาชัดว่า มี เจตนาเบียดบังเอาที่ดินเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต อันเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 157

เนื่องจากเท่าที่ผ่านมา กรมการศาสนายังไม่ได้แจ้งคำขาดและพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ก็รับว่าจะโอนทีดินให้ เมื่อเสร็จการพิจารณานิคหกรรม จึงทำให้เจตนาเบียดบังจึงยังไม่ชัดแจ้ง มีลักษณะยืดเวลา ด้วยเหตุนี้ กรมการศาสนาจึงต้องยื่นคำขาด กับพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เพื่อยืนยันเจตนา ให้ชัดแจ้งและ มีผลต่อการใช้เป็นพยานหลักฐานในทางคดีว่า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ มีเจตนาโอนที่ดินให้วัดพระธรรมกายหรือไม่ มิใช่โอนหรือ มอบอำนาจให้คณะกรรมการธรรมกาย ซึ่งเป็นบุคคลอื่น เพราะอำนาจในการโอนที่ดินอยู่ที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ จึงต้องยึดถือเจตนาของ ผู้มีชื่อ ในโฉนดที่ดินเป็นหลัก บุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นเจ้าของที่ดินเดิม หรือกรรมการวัด ไม่มีอำนาจโอนที่ดิน อีกทั้งกรรมการวัด อาจเป็นผู้สนับสนุนการ กระทำผิดได้ตามกฎหมาย

2) กรมการศาสนามีอำนาจดำเนินการได้หรือ? เหตุผลความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดย มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 157 ถือว่าเป็น "ความผิดอาญาแผ่นดิน" (ไม่ใช่ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวล กฎหมาย อาญา มาตรา 352 ซึ่งเป็นความผิดยอมความได้ ที่ต้องมีผู้เสียหายร้องทุกข์)

กรณีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ถูกกล่าวหาฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ฐานเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 157 เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งยอมความไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหายร้องทุกข์ กล่าวคือ กรมการศาสนา กล่าวโทษ ต่อเจ้าพนักงานตำรวจได้ และพนักงานสอบสวนสอบสวน สามารถดำเนินคดีอาญาแทนแผ่นดินได้ เพราะคดีอาญาแผ่นดิน ถือว่า กระทบ กระเทือน ความสงบเรียบร้อยสังคมโดยรวม เป็นความผิดอาญาที่ประโยชน์ส่วนได้เสียของสาธารณะ ถูกกระทบกระเทือน รัฐเสียหายด้วย พนักงาน สอบสวนเมื่อได้รับคำกล่าวโทษ ดำเนินการ่ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (8), 122

นายอาคม ระบุด้วยว่า ดังนั้น หากครบ 7 วัน ไม่โอนที่ดิน ย่อมชี้เจตนาชัดแจ้งว่า มีเจตนาเบียดบังยักยอกที่ดินดังกล่าว กรมการศาสนา กล่าวโทษต่อพนักงาน สอบสวนในท้องที่ความผิดเกิดขึ้นได้เลย ฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 157

อ้างพบความผิดอาญาจะจะ

3) ทำไมปล่อยวเลากรณีวัดพระธรรมกายนานหลายเดือน ไม่ดำเนินการทางอาญา เหตุผล ตลอดเวลา ที่ผ่านมาไม่ปรากฎมูลความผิด ทาง อาญา โดยชัดแจ้ง คงเป็นกรณีกล่าวหาเรื่องพระธรรมวินัย ซึ่งต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสงฆ์ ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ และกฎมหา เถรสมาคม

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ กรณีปรากฏชัดว่า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ซึ่งได้แสดงเจตนาด้วยวาจา และเป็นหนังสือโอนที่ดินให้วัดพระธรรมกาย ต่อพระพรหมโมลี และมหาเถรสมาคม มีมติให้โอนที่ดินตามหนังสือดังกล่าวแล้ว หากปรากฏว่า ครบ 7 วัน ตามกรมการศาสนายื่นคำขาดแล้ว ยังไม่ปฏิบัติตามย่อมแสดงว่า ละเมิดพระธรรมวินัยกล่าวเท็จโดยชัดแจ้ง เท่ากับเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งมส. อันเป็นองค์กรปกครองคณะสงฆ์ การแสดง เจตนาของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ไม่ใช่เรื่องทางแพ่ง แต่เป็นเรื่องไม่ปฏิบัติหน้าที่ทางปกครอง ฝ่าฝืนคำสั่งทางปกครองของมส. รวมทั้งยังเป็นการ ชี้เจตนา เบียดบังยักยอกที่ดิน และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นความผิดอาญาด้วย

เมื่อปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้กรมการศาสนา สามารถดำเนินการกล่าวโทษ ทางอาญากับพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ได้ตามประมวล กฎหมายอาญา วิธีพิจารณาความอาญา และกล่าวโทษเรื่องละเมิดพระธรรมวินัย แจ้งเท็จและฝ่าฝืนคำสั่งมส. ต่อ มส. ได้อีกทางหนึ่งด้วย

มือกฎหมายโต้ตูมตามโมฆียะ

ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า เรื่องการโอนที่ดินของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แม้จะมีหนังสือเจตนายกที่ดิน ให้กับวัดแล้ว แต่จะต้องดูที่ต้นเหตุที่มาที่ไปของการยกหรือโอนที่ดิน ให้กับวัดนั้น มีสาเหตุมาจากอะไรเป็นสำคัญ อีกทั้งการถือครองที่ดินของ พระภิกษุ ก็คือเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมา กรมการศาสนาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ที่ดินซึ่งมีชื่อของ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ครอบครอบอยู่นั้น ยักยอกประชาชนหรือได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ดังนั้น คำสั่งที่เสนอให้เจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ดำเนินการโอนที่ดินภายใน 7 วัน จึงถือเป็นโมฆียะตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว

ชำแหละผิดตั้งแต่เริ่ม

กรณีของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ต้องพิจารณาตามหลักของกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายคณะสงฆ์ ตลอดจนมติมส. และพระธรรมวินัย ซึ่งการถือครองที่ดินของพระภิกษุที่ได้มาโดยชอบนั้น ไม่สามารถปรับอาบัติปาราชิกได้ เพราะเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ การตั้งสมมติฐานกับเจ้าอาวาส มีเจตนาคิดว่า เจ้าอาวาสกระทำผิด ตามข้อกล่าวหา โดยไม่มีการตรวจสอบตาม กระบวนการของ กฎหมาย แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐเอง ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ หากเจ้าอาวาสโอนที่ดินให้แล้ว ก็คงจะมีการดำเนินการทางอาญากับ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ในฐานยักยอกทรัพย์ประชาชน มาเป็นสมบัติส่วนตัวอย่างแน่นอน

ประชุมมส.บ่าย 2 วันนี้

พระสะท้าน จิตตวโร พระเจ้าหน้าที่สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (9 มิ.ย.) ได้มีการกำหนดพระศาสนกิจ ของ สมเด็จพระสังฆราชไว้อย่างไม่เป็นทางการ ว่าเวลา 07.30 น.คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าถวายสักการะ ตำหนักคอยท่าปราโมช คณะเหลืองรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร และพระครูอุดมพันท์นการ เจ้าอาวาสวัดธาตุทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี เข้าเฝ้า จากนั้นเวลา 08.00 น. สมเด็จ พระสังฆราช เสวยพระกระยาหาร บริเวณพระตำหนักที่ประทับคอยท่าปราโมช ทั้งนี้ มีข้อแม้ว่า หากเช้าวันพรุ่งนี้ สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีอาการ ประชวรหรืออ่อนเพลียพระศาสนกิจก็เป็นอันงดไป จนกว่าแพทย์จะมีความเห็นให้มีพระศาสนกิจได้

สำหรับการประชุมมหาเถรสมาคม ที่จะมีขึ้นในเวลา 14.00 น. สมเด็จพระสังฆราช จะไม่ทรงเข้าร่วมประชุม เนื่องจากพระอาการประชวร ยังไม่หายดี

ยังคงมีประชาชนเดินทางมาลงนามถวายพระพรสมเด็จพระสังฆราช

สำหรับบรรยากาศที่ตึก สว ธรรมนิเวศ ยังคงมีประชาชนทุกหมู่เหล่าเดินทางมาลงนามถวาย พระพร รวมทั้งมีกลุ่มเกษตรกรแห่ง ประเทศ ไทย จำนวน 800 คน ที่เดินทางเข้ากรุงเทพมหานครวันนี้( 8 มิ.ย.) เพื่อเสนอร่าง กฏหมายขอจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรระดับชาติ ที่รัฐสภา ได้ติดต่อมาว่า จะมาร่วมลงนามถวายพระพร ด้วย

ผู้บริจาคเงินขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความ

ที่สภาทนายความ เวลา 13.00 น. วันนี้ นางกนกวรรณ เลิศตระกูลพิทักษ์ พร้อม ด.ญ.กัลยา และ ด.ญ.นันทิยา หรือน้องจ๊ะเอ๋กับน้องจ๊ะจ๋า เข้ามาหารือกับสภาทนายความ กรณีที่ถูกนางนิภา ผ่อนผัน ผู้นำบุญ หลอกให้ทำบุญเสียเงินกว่า 200,000 บาท ขณะที่ตอนนี้ครอบครัว เดือดร้อน มาก จึงขอเงินคืน ซึ่งนายอุดม ศุภสินธุ์ กรรมการสำนักงานคณะกรรมการ ช่วยเหลือทางกฎหมายของ สภาทนายความ เป็นผู้รับเรื่องไว้ และสอบ ถาม ข้อมูลจาก นางกนกวรรณ โดยนายอุดมให้สัมภาษณ์ว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเ ข้าที่ประชุมสภาทนายความ ภายในวันนี้(8 มิ.ย.) หลังจาก 7 วันจึง จะได้ข้อสรุปว่า สภาทนายความจะช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นางกนกวรรณ และบุตร ได้เดินทางไปร้องทุกข์กับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีว่า ถูกวัดพระธรรมกาย หลอก ให้ทำบุญ แต่เจ้าคณะจังหวัดปฏิเสธที่จะรับเรื่องร้องทุกข์ โดยให้เหตุผลว่า การทำบุญดังกล่าวของนางกนกวรรณ เป็นไปด้วยความเต็มใจ ทั้งนี้ ยังได้รับใบอนุโมทนาบัตรจากวัดพระธรรมด้วย

[หน้าหลัก] [หน้า1][วิวาทะ][ปุจฉา]

1