ปีที่ 2 ฉบับที่ 693 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2542
วิวาทะ
มองต่างมุมพระธรรมปิฎกกรณีวัดพระธรรมกาย (4)
วิจารณ์กรณีธรรมกาย ฉบับสมบูรณ์ ของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) อ่านหนังสือกรณีธรรมกาย ฉบับสมบูรณ์ ผมชักจะเริ่มเง็ง... โดยเฉพาะ พระนิพพานเป็น "อนัตตา-อัตตา"
เออ.. หรือผมจะบ้าไปแล้ว หรือว่า ...ไม่บ้า เอ.. แต่สงสัยจะบ้า.. บ้าก็บ้าให้มันสุดๆ ไปเลยดีกว่า...
ผมมาสะดุดจนหัวคะมำ ที่หน้า 43 ท่านเจ้าคุณเขียนว่า พูดกันไป พูดกันมา ระวังอย่าหลงคำว่า "อนัตตา"
เรื่องนิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตานี้ ได้พูดมาเป็นมากแล้ว ขอแถมท้ายเป็นการทบทวนไว้อีกหน่อย
ได้พูดไว้ตั้งแต่ต้นให้กำหนดไว้ให้ชัดเจนว่า คำว่า "อนัตตา" นี้ เราพูดทับศัพท์ภาษาบาลี เพื่อความสะดวกเท่านั้น จะต้องระลึกไว้ว่า อนัตตา เป็นคำปฏิเสธความเป็นอัตตา ไม่ใชว่า มีอะไรอย่างหนึ่งหรือสภาวะอย่างหนึ่งที่เรียกว่า อนัตตาที่ตรงกันข้ามกับ อัตตา..???
แต่หลายคนก็อดไม่ได้ ถ้าไม่คอยเตือนให้ระวังไว้ ก็ชักจะเพลินไปหรือโน้มเอียงไปโดยไม่รู้ตัว ที่จะรู้สึกเหมือนว่า อนัตตาเป็นอะไร อย่างหนึ่ง ที่ตรงข้ามกับอัตตา
เพราะฉะนั้น สำหรับคนไทยทั่วไปแทนที่จะพูดว่า นิพพานเป็นอัตตา หรือเป็นอนัตตา ซึ่งชวนให้หลง ก็สามารถพูดเป็นคำภาษาไทยง่ายๆ ว่า
"พระพุทธเจ้าสอนว่า นิพพานเป็นอัตตาหรือไม่?"
แล้วก็ตอบง่ายๆ ว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนว่านิพพานเป็นอัตตา
หรืออาจจะพูดให้กว้างไปเลยก็ได้ว่า "พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ยึดเอาอะไรเป็นอัตตาทั้งสิ้น"
พูดกันไป พูดกันมา ระวังอย่าหลงประเด็น
พูดกันไปพูดกันมา บางที่ก็เพลินหลงไปว่า เป็นการมาเถียงกันว่า นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา
ถ้าใครจะมาแสดงความคิดว่า เขาเห็นว่า พระนิพพานเป็นอัตตา ก็เป็นเรื่องความคิดเห็นส่วนตัวของเขา ใครสนใจจะร่วมวง ถกเถียงกับเขา ก็ได้ แต่เราทั้งหลายส่วนมากคงไม่สนใจจะเถียงเรื่องนี้ ก็ให้เป็นความเห็นส่วนตัวของคนนั้นๆ ไป
ท่านเจ้าคุณเกรงว่า จะถูกแย้งกลับว่า พระคุณเจ้าก็ออกมาเถียงเรื่องพระนิพพานมาโดยตลอด ความเห็นแตกต่างดังกล่าว
จึงออกตัวว่า แต่ขณะนี้เกิดปัญหามีผู้เอาความเห็นส่วนตัว (หรือแม้แต่ประสบการณ์ หรือผลการปฏิบัติของเขา) มาอ้างให้กลายเป็นว่า พระพุทธเจ้าสอนว่า นิพพานเป็นอัตตา หรือว่าพระไตรปิฎกสอนว่า นิพพานเป็นอัตตา ทำให้เกิดความสับสนปะปนต่างๆ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ไม่ซื่อตรงต่อพระพุทธศาสนา
ถึงตอนนี้ จึงกลายเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัท ที่จะชี้แจงสร้างความรู้ความเข้าใจ ที่ตรงความเป็นจริงว่า พระพุทธเจ้าสอนว่าอย่างไร หลักการ ของพระพุทธศาสนาสอนเถรวาทว่าอย่างไร อะไรเป็นมาตรฐานที่จะถือร่วมกันว่า เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
พระคุณเจ้าสรุปลงเอาดื้อ ๆ ว่า .. เป็นอันว่า ปัญหาไม่ใช่การเถียงกันว่า นิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตา
บางท่านตอบว่า นิพพานเป็นเรื่องสูงมาก ฉันยังไม่รู้ ฉันยังไม่บรรลุ ฉันตอบไม่ได้ อย่างนี้ก็ไปสุดโต่งข้างหนึ่ง
บางท่านว่า ฉันปฏิบัติมาแล้ว รู้ว่า นิพพานเป็น (หรือไม่เป็น) "อัตตา" ก็ไปสุดโต่งอีกข้างหนึ่ง
บางท่านว่า "พระไตรปิฎกบอกว่านิพพานเป็นอัตตา" ก็กลายเป็นกล่าวตู่ บิดเบือน หรือปลอมปนพระธรรมวินัยไปเลย
ก็ต้องถามกลับ ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎกว่า
แล้วคนที่ออกมายืนยันว่า พระนิพพานเป็นอนัตตา อย่างนี้สุดโต่งข้างหนึ่งหรือไม่?
บางท่านก็ออกมาพูดว่า พระไตรปิฎกยืนยันชัดเจน "พระนิพพานเป็นอนัตตา" อย่างนี้กลายเป็นการกล่าวตู่ บิดเบือน หรือ ปลอมปน พระธรรมวินัยไปเลยหรือไม่
เห็นวิจารณ์ไปวิจารณ์มาจะหลงประเด็น อย่างท่านเจ้าคุณกล่าวเตือนไว้ข้างต้นกระมัง
จะไม่เป็นการสรุปตามความเข้าใจของตนเองมากไปหรือ กรณีให้จำไว้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนว่า พระนิพพานเป็นอัตตา ท่านเจ้าคุณ ชี้ชัดลงไปว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้ติด ยึดอะไรเป็นอัตตาทั้งสิ้น
และต้องเพิ่มเติมเข้าไปอีกว่า
แม้แต่พระนิพพาน แก่นยอดของพระพุทธศาสนา
ทรงสอนให้พระนิพพานไม่เที่ยง ยังมีทุกข์เจือปนอยู่ เป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน ฟันธงลงไปว่า พระนิพพาน ก็เป็น ไตรลักษณ์ มีอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นสรณะอาศัยแห่งนิพพาน
พูดให้ชัดๆ อีกที สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา นิพพานัง ปรมัง ทุกขัง นั่นเอง เออ.. เอากันให้เลอะเทอะ ไปเลยดีไหมล่ะทีเนี้ย สงสัยผมจะบ้าแน่ๆ ไม่ใช่บ้าธรรมดา ต้องเรียกผมว่า "มหาบ้า" จึงจะถูกต้อง
(วิจารณ์ต่อฉบับหน้า)
โซตัส