ปีที่ 7 ฉบับที่ 662 ประจำวันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

ข้อเท็จจริงกรณีวัดพระธรรมกาย

กับความอยู่รอดของคณะสงฆ์ไทย (2)

อนุสนธิ (ภาคผนวก)

1. กลุ่มนอกศาสนา ใช้อิทธิพลแทรกตัวเข้าสู่วงการต่างๆ และรู้อยู่แล้วว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 จะไม่มีการบัญญัติให้ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาประจำชาติ จึงได้จัดตั้ง "ศูนย์ศาสนศึกษา" โดยมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดหลักสูตรในวันที่ 1 มกราคม 2540 ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ถึง ปริญญาเอก โดยมีปรัชญาการสอนว่า "พิธีกรรมใด ๆ ในศาสนาพุทธ ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้ โดยวิธีวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องงมงาย เชื่อถือไม่ได้" ได้รับการสนับสนุน โดย "กองทุนมูลนิธิน้ำทอง" (ไม่มีใครทราบว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร)

จุดประสงค์ เพื่อสร้างบุคลากรให้มีคุณสมบัติตรงตามกฎหมายลูก ประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อใช้ในการควบคุมคณะสงฆ์ไทย และมีศักดิ์ สูงกว่า  "มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย" หรือ พระผู้จบเปรียญธรรม ผู้จบจากสถาบันนี้ จะเป็นผู้เข้าควบคุม และบริหารวัด และคณะสงฆ์ตาม กฎหมายลูก ประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ (มี.ค.2542) กำลังรอผ่านสภา

อาจารย์ผู้สอนซึ่งเป็นสงฆ์คือ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต)

อาจารย์ผู้สอนในศูนย์ศาสนศึกษานี้ ได้กล่าวต่อสาธารณชน มีการถ่ายทอดทั่วประเทศ โดยสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย ในวันที่ 12 มีนาคม 2542 ความว่า

"ศาสนาพุทธไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นหรือไม่ และไม่ว่ามนุษย์ในโลกนี้ จะรู้จักพระพุทธศาสนาหรือไม่ก็ตาม เขาเหล่านั้น ก็มีสิทธิค้นพบหลักธรรมนี้ได้อยู่แล้ว หลักธรรมนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ใครๆ เอาไปใช้ก็ได้ และไม่จำเป็นต้องรู้จักพระพุทธเจ้า ด้วยซ้ำไป"

ท่านที่เป็นพุทธศาสนิกชนโปรดไตร่ตรองความหมายด้วย นี่หมายความว่า ต่อแต่นี้ไป การนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไปดัดแปลง ใช้กับศาสนาอื่นก็ย่อมทำได้ อย่ามาห้าม เพราะไม่มีเจ้าของใช่หรือไม่?

การที่คณะสงฆ์ไทย ต่อต้านศาสนาอื่น บิดเบือนคำสอนพุทธศาสนามาตลอด ต่อไปนี้ห้ามทำใช่ไหม? (ความเต็มปรากฏในเทป งาน วันครบรอบ 60 ปี พระธรรมปิฎก)

2. ระบบคณะสงฆ์ไทย โดยเฉพาะมหาเถรสมาคม จะไม่ใช่การปกครองโดยคณะสงฆ์ การบริหารการจัดการ ถูกควบคุมโดยบุคคลที่เป็น คฤหัสถ์ หรือผู้ที่จบจาก "ศูนย์ศาสนศึกษา" โดยคุณสมบัติตามกฎหมาย

ส่วนผู้จบจากมหาจุฬาลงกรณ์ หรือเปรียญธรรม ก็เป็นได้แค่ พระราชาคณะ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลที่จบจากศูนย์นี้เท่านั้น

หากไม่รีบป้องกันให้ทัน ก่อนที่กฎหมายลูกจะผ่านสภา กรณีวัดพระธรรมกาย จึงเป็นข้ออ้างในการออกกฎหมาย เข้าควบคุม ความมี ระเบียบ ในคณะสงฆ์นั่นเอง ซึ่งจะเห็นว่า มีการชี้แนะ และโจมตีว่า มหาเถรสมาคม ไม่มีประสิทธิภาพ เฉื่อยชา ล่าช้า ฯลฯ เพื่อทำลายภาพพจน์ และเก็บไว้เป็นหลักฐานประกอบ ในการออกมาตราในกฎหมาย

3. กลุ่มอิสลาม เนื่องจากกลุ่มอิสลาม ครองพื้นที่ภาคใต้ มีอิทธิพลทางด้านฐานเสียง ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ดังนั้น จึงมีการต่อรอง ในการใช้คะแนนเสียง แลกกับการขอขยายพื้นที่ในการประกาศ ศาสนาอิสลาม ซึ่งเดิมจำกัดเฉพาะ 4 จังหวัดภาคใต้ พรรคการเมืองดังกล่าว ได้แต่งตั้งให้นายเด่น โต๊ะมีนา เป็นประธานกรรมาธิการทางศาสนา ควบคุมดูแลพุทธศาสนาด้วย ภายใต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอาคม เอ่งฉ้วน (สส.ภาคใต้)

ในวันที่ 10 พ.ย.2540 ได้มีการประกาศใช้ พรบ.ขยายพื้นที่จังหวัดที่เปิดสอนศาสนาอิสลาม โดยสามารถสอนได้ในทุกภาค และทุก มหาวิทยาลัย

ในปี 2541 ได้มีการอนุมัติงบประมาณ 118 ล้านบาท (แต่เมื่อเทียบกับงบประมาณที่ให้กับวัด ในพุทธศาสนา ต่างกันหรือไม่?) เพื่อใช้ใน การขยายขอบเขตการศึกษา ศาสนาอิสลาม พร้อมกับกำหนดหลักสูตรให้กระทรวงศึกษาธิการ บรรจุศาสนาอิสลาม เข้าเป็นหลักสูตร ประจำในทุกโรงเรียน (ในขณะที่ถอดวิชาศีลธรรม และศาสนาพุทธ ออกให้เหลือเพียงเป็นวิชาเลือก) พร้อมกับบรรจุ ตำราเรียนศาสนาอิสลาม เข้าไปด้วย

ในวันพุธที่ 14 มีนาคม นายอาคม เอ่งฉ้วน ได้แถลงต่อสภาผู้แทนฯ ว่า ได้มีคำสั่งไปยังโรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศ ให้เปิดสอนวิชาศาสนา อิสลาม และหากโรงเรียนใดสอนวิชาศาสนาอิสลาม จะมีงบพิเศษให้ (ปรากฏเป็นหลักฐาน สามารถขอบันทึกการประชุมสภาฯ ได้) และจะเพิ่ม งบประมาณขยายการศึกษาศาสนาอิสลาม ในสถานศึกษาให้เป็น 127 ล้านบาท

4. ผู้ควบคุมด้านเศรษฐกิจ และการเงินของชาติ เป็นคริสเตียน (กรณีนี้คงไม่ต้องอธิบาย) เป็นผู้กำหนดจ่ายงบประมาณของประเทศ

5. ส.ส. ในสภา 9 ใน 10 เป็นอดีตผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทุกพรรคการเมือง ต่างเห็นด้วยในการให้ยกเลิก พระราชบัญญัติ คอมมิวนิสต์ (พรบ.นี้ระบุไว้ชัดแจ้ง เป็นลายลักษณ์อักษรว่า ป้องกันศาสนาพุทธ โดยเฉพาะมีแผนปฏิบัติการร่วม ระหว่างคณะสงฆ์ไทย และ กอ.รมน.)

เบ็ญจ์ บาระกุล (แทน)

[หน้าหลัก] [ปุจฉา] [สหัสวรรษ]

1