ปีที่ 2 ฉบับที่ 655 ประจำวันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2542
ปุจฉา - วิสัชนา
หนังสือกรณีธรรมกาย "เน่า"
เรียน "ไอ้ทิด"
จากการที่ ITV นำคำเทศนาของหลวงตามหาบัว ญานสัมปันโน มาเปิดโดยหลวงตามหาบัว ได้กล่าวว่า นิพพาน ก็คือ นิพพาน จะเป็น "อนัตตา" ได้อย่างไร ถ้าเป็น "อนัตตา" นิพพานก็เป็นไตรลักษณ์นะซิ แล้วจะวิเศษวิโสได้อย่างไร
ถ้าหลวงตาบัวพูดถูก ก็แสดงว่า เจ้าคุณพระธรรมปิฎก ผิด โดยเฉพาะหนังสือ "กรณีวัดธรรมกาย" ที่ระบุชัดเจนว่า นิพพาน เป็น "อนัตตา"
เรื่องนี้ เราควรจะเชื่อถือใคร "ไอ้ทิด" ช่วยตอบที
ตามความเห็นของ "ไอ้ทิด" เห็นว่า ควรจะเชื่อหลวงตามหาบัว เพราะว่า ท่านปฏิบัติจริง ถึงจริง จึงรู้สภาพความเป็นจริง
หลวงตามหาบัวท่านพูดไว้ชัดเจนว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันคือ บันไดบ้าน ไม่ใช่ตัวบ้าน เมื่อถึงตัวบ้านแล้ว จึงจะรู้ว่า เราอยู่บนบ้าน บันไดเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้นเอง
คำพูดของหลวงตามหาบัวท่านชัดเจนอยู่แล้ว ตอนนี้ชาวพุทธเราส่วนใหญ่ ยึดถือบันไดเป็นบ้าน มันถึงได้ลงเหวลงคลองกันไปหมด
พอใครพูดถึงนิพพานผิดไปจาก อนัตตา ละก็ จะถูกก่นด่าสาปแช่งว่า เป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนาไปโน่นเชียว ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว คนที่ออกมาด่าคนอื่น ในเรื่องนี้น่ะ เป็นคนทำลายพระพุทธศาสนาด้วยตนเอง แต่ไม่รู้ตัว กลับไปด่าคนอื่นเสียอีก เวรกรรมจริงๆ
ส่วนการที่เจ้าคุณพระธรรมปิฎก "ฟังธง" ว่า พระนิพพานเป็นอนัตตานั้น เท่ากับชี้ให้เห็นภูมิธรรมของท่านเองว่า มีมากน้อยแค่ไหน พระเรียนปริยัติสูงส่งขนาดไหน แต่ถ้าไม่ได้ปฏิบัติด้วยใจแล้ว ก็ไม่ผิดอะไรไปจากปุถุชนคนทั่วไปหรอก
ถ้าเราเชื่อหลวงตามหาบัว ก็แสดงให้เห็นว่า หนังสือกรณีวัดพระธรรมกาย ที่เจ้าคุณธรรมปิฎกเขียนออกมา ผิดทั้งเพ ไม่ใช่สาระสำคัญ ของพระพุทธศาสนา อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ
แต่ "ไอ้ทิด" ว่านะครับ เรื่องนี้เลิกเถียงกัน แล้วมาปฏิบัติให้ได้ดีกว่า เถียงกันไปก็อย่างนั้น ไม่มีใครไปถึงซักคน
ไม่เจอ "แก่นธรรม"
เรียน "ไอ้ทิด" ที่นับถือ
ดิฉันติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับ "กรณีวัดพระธรรมกาย" มาตลอด ตั้งแต่ต้นด้วยใจที่เป็นกลาง และมองอย่างวิเคราะห์ ไม่เข้าข้างใคร การที่ สื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์โหมข่าวในแง่มุมต่างๆ โดยส่วนใหญ่ จะมุ่งให้ข่าวในแง่ลบกับวัดต่อเนื่อง และยาวนาน
โดยเฉพาะรายการโทรทัศน์รายการของ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง รายการ "ตามหาแก่นธรรม" ดิฉันเห็นด้วยที่มีรายการนี้ แต่ลักษณะ การนำ เสนอรายการของ ดร.เจิมศักดิ์ ตอนหลังๆ นี่ ดิฉันมองว่า เจตนาของรายการชักจะไม่ค่อยดี เพราะดูแล้ว เข้าลักษณะ ตามหาเรื่อง แบบอาฆาต เคียดแค้น ชิงชังมากกว่า
บางครั้ง ดร.เจิมศักดิ์ ก็แสดงอารมณ์ และใช้คำพูดไม่เหมาะสม โดยเฉพาะผู้ร่วมรายการทั้งพระและฆราวาส ดูเหมือนจะคัดเลือก หรือ ตัดตอน เอาเฉพาะพวกที่ด่า หรือวิพากษ์วิจารณ์วัด ในทางไม่ดี มาโผล่ออกหน้าจอ เป็นส่วนใหญ่
ยิ่ง คุณ ส.ศิวลักษณ์ อะไรนั่น ยิ่งน่าเกลียดมาก พูดจาไม่น่าฟัง ทำตัวประหลาดๆ พระก็ไม่ใช่ ฆราวาส ก็ไม่เชิง ไม่ทราบว่า แกมีอาชีพอะไร เห็นแนะนำกันว่า เป็นนักคิด อาชีพนี้อันตรายนะคะ ถ้าคิดไม่ดีต่อผู้อื่น ดิฉันเห็นแกเที่ยวโผล่ไปรายการโน้นรายการนี้ ให้วุ่นไปหมด ทำเป็นรู้ ไปซะหมด พวกนี้น่ากลัวนะคะ เท่าที่รู้ แกเคยหนีไปกบดานเมืองนอก เรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อหลายปีก่อนใช่ไหมคะ
มีปัญหาวัดพระธรรมกายนี่ก็ดีเหมือนกัน ทำให้ประชาชนได้ดูเนื้อแท้ของคนที่อ้างตน หรือตั้งตนเป็นนักไอ้นั่น นักไอ้นี่ ได้โผล่หน้า ออกมาแสดงตัวกันให้สลอน แต่ละคนก็แสดงภูมิปัญญาของตนออกมา ฉลาดน้อยบ้าง ฉลาดมากบ้าง บางคนก็แสดงธาตุแท้ออกมาให้ได้เห็นว่า จริงแล้วเป็นคนยังไร ไร้สติปัญญาขนาดไหน
แต่ที่ดิฉันรู้สึกแปลกใจมากๆ ก็คือ ท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกับลูกศิษย์วัดนี่ซิ ทำไมไม่เห็นออกมาแสดงอะไรกันเลย ทั้งๆ ที่ถูกด่า ถูกโจมตีทุกวันทุกสื่อ ท่านวางเฉยได้ดีเยี่ยมจริงๆ ทีแรกดิฉันก็คือว่าท่านน่าจะออกมาชี้แจง แต่ตอนหลังๆ มานี่ ก็ชักเห็นด้วยที่คนวัดพระธรรมกาย ไม่ออกมาโต้ตอบ ทำให้บรรยากาศในบ้านเมืองไม่รุ่มร้อน เพราะถ้าพระกับพระทะเลาะกัน ลูกศิษย์วัดกับลูกศิษย์วัดทะเลาะกัน ประเทศไทย คงสิ้นชาติเหมือนเขมร
ฝ่ายหาเรื่องก็หาเรื่องไป ฝ่ายนิ่งก็นิ่งไป แต่ฝ่ายหาเรื่องนี่เสียเปรียบนะ เพราะโผล่ตัวออกมาหมดแล้ว ทุกสื่อ กิริยาอาการเป็นอย่างไร ก็ แสดงออกมาหมดแล้ว ก็แสดงวนไปวนมา ไม่มีอะไรใหม่
ส่วนฝ่ายนิ่งนี่ซิน่ากลัวไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่เพราะเฉยลูกเดียว มองไม่ออก ฝ่ายหาเรื่องก็พยายามแหย่ให้ออกมาทะเลาะกัน เขายังนิ่ง เหมือนเดิม จะออกมาก็ออกมาซะทีเถอะ ฝ่ายหาเรื่องเขาทุรนทุรายแย่แล้ว น่าสงสารเขานา
เอ .. หรือจะเข้าตำราสุภาษิต "แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร" ก็ไม่รู้นะ แต่งานนี้ภาพมันก็ชัดขึ้นมาเรื่อยว่า ใครเป็นพระใครเป็นมาร เอาเถอะ บุญใครใครก็สร้างกันเอาเอง ก็แล้วกัน ใครสร้างบุญสุคติก็เป็นที่ไป (สวรรค์) ใครสร้างบาป ก็มีทุคติเป็นที่ไป (นรก) เลือกเอาเองตามใจชอบนะคะ
หวังว่า วันสงกรานต์ปีนี้ "ไอ้ทิด" คงสุขทั้งกายทั้งใจ แล้วจะเขียนมาคุยใหม่นะคะ
ปรียาภา/คนชอบอ่าน
รายการ "ตามหาแก่นธรรม" นี่ดูไปเถอะครับ มันส์ดี แม้จะไม่เป็นสาระอะไรมากนัก แต่ก็ถือได้ว่า ทำให้เรารู้จักตัวละครฝ่ายมารเพิ่มขึ้น อีกมาก ใครมีนิสัยใจคอเป็นยังไง ออกมาให้เราดูหมด สนุกดีออก เพียงแต่รู้สึกเสียดายไปอย่างหนึ่งก็คือ
เขาหาไม่เจอ "แก่นธรรม" เสียที
เท่าที่ดูการดำเนินรายการอย่างต่อเนื่องมาตลอด พอจะมองออกว่า ผู้ดำเนินรายการ เขาต้องการอย่างอื่น ไม่ใช่ "แก่นธรรม" เหมือนชื่อ รายการ เพราะกระทู้แต่ละกระทู้ที่ตั้งขึ้นมา เป็นกระทู้ที่ชวนให้ทะเลาะกัน ไม่ใช่กระทู้ที่นำไปสู่ความสงบใจ ถามเอามันส์เข้าว่า
สไตล์ ดร.เจิมศักดิ์ ท่านเป็นอย่างนี้แหละครับ ต้องทำใจเอาไว้ก่อน จะได้ไม่รู้สึกผิดหวัง
ส่วน อาจารย์ ส.ศิวลักษณ์ ที่คุณปรียาภา บอกว่า พระก็ไม่ใช่ ฆราวาสก็ไม่เชิง ก็คงเป็นแบบที่คุณเห็นจริง ๆ น่ะแหละ "ไอ้ทิด" ว่า ท่าน แต่งตัว เหมือนพราหมณ์มากกว่าพระ สงสัยจะเป็นพราหมณ์
แต่จะบูชา โอม.. นาร๊าย นาราย หรือไม่นั้น ไม่กล้าไปถามท่าน กลัวถูกเตะ
อาชีพนักคิดน่ะดีครับ เพราะเป็นอาชีพที่ให้ความคิดเห็นแก่ประชาชน คิดผิดคิดถูก ถ้านำเสนออย่างเป็นกลาง ไม่ไปด่าทอใคร คนฟังเขา รู้จักวินิจฉัย มันก็จะเกิดประโยชน์แก่คนฟังเอง แต่ถ้าคนที่เป็นนักคิด แล้วด่าคนอื่นนี่ มันผิดกติกาของอาชีพนักคิดครับ
สำหรับเรื่องที่หนีไปกบดานเมืองนอกนั้น เป็นความจริง ตอนนี้ คดีจบลงไปแล้ว อาจารย์ ส.ศิวลักษณ์ ท่านจวกชาวบ้านไปเรื่อย ขนาด "บิ๊กสุ" ที่ตอนนั้น มีอำนาจมาก ท่านยังกล้าจวกจนเป็นคดีขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาแล้ว นายกฯชวน หลีกภัย ฉายา "มีดโกนอาบน้ำผึ้ง" ยังเคย ประฝีปากกับอาจารย์ ส.ศิวลักษณ์ สุดท้ายเลยโกรธกันมาจนกระทั่งบัดนี้แหละ
การที่พระและลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ไม่มีความเคลื่อนไหว ตอบโต้สื่อมวลชนนั้น ถือเป็นเรื่องถูกต้องแล้วครับ เพราะถ้าตอบโต้ มีหวังเละ สื่อเขาจะเอาคำพูดของท่านเจ้าอาวาสมายำ จนถึงขนาดท่านเจ้าอาวาสยังมึน ไม่รู้ว่า ตัวเองพูดอะไรเชียวแหละ "ไอ้ทิด" เห็นมา หลายรายแล้ว ที่พูดอย่าง สื่อนำไปลงอีกอย่าง ขนาดเจ้าตัวยังเมาหมัด สุดท้ายก็เละเป็นเนื้อเปื่อย
วิธีสู้กับสื่อที่ดีที่สุด ก็คือ "นิ่ง" ถ้าเขาต่อข่าวไม่ได้ เดี๋ยวก็หมดมุขไปเอง
ตอนนี้สังคมเริ่มรู้แล้วละครับว่า ใครเป็นพระ ใครเป็นมาร คนไทยเรามีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งคือ "ขี้สงสาร" หรือ "ชอบเชียร์มวยรอง" เห็นใคร โดนรังแกมากๆ คนไทยจะเปลี่ยนข้างมาถือหางคนถูกรังแกทันที ดูละครน้ำเน่าเป็นตัวอย่างก็ได้ นางเอกถูกตัวอิจฉา ทำร้ายต่างๆ นานา โดย ไม่โต้ตอบ ท้ายที่สุด นังตัวอิจฉา ไม่กล้าออกมาเดินตลาด เพราะกลัวแม่ค้าเอาทุเรียนปาหน้า
คนไทยเรามีนิสัยอย่างนี้แหละครับ ขอให้อดทนอีกหน่อย อีกไม่นานเรื่องก็จบ
ไอ้ทิด