ปีที่ 2 ฉบับที่ 642 ประจำวันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2542
สหัสวรรษที่ 3
สายธารแห่งศรัทธาชาวพุทธ
น้ำใจแด่พระภิกษุสามเณรน้อยผู้ยากไร้
ทุกครั้งที่ผมเห็นพระภิกษุในชุดสีทองอร่าม เดินบิณฑบาตตอนเช้า บางครั้งเดินเป็นทิวแถวอย่างสงบงดงาม หัวใจผมจะพองเต็มไปด้วย ความปลื้มปีติที่ยังได้เห็นภาพอันซึ้งใจเช่นนี้ ยังคงอยู่คู่กับเมืองไทย
ภาพเหล่านี้ หาได้ยากในต่างประเทศ แม้ในประเทศที่นับถือพุทธศาสนาเช่นเดียวกับเรา
พุทธศาสนา คือวัฒนธรรมประจำชาติที่อยู่คู่เคียงกับชาติไทยเรากว่า 800 ปี คือประเพณีไทย ที่เรารู้จัก และสัมผัสมาตั้งแต่เกิด
สำหรับเด็กบ้านนอก เสียงระฆังวัดตอนเช้าคือเสียงที่ไพเราะที่สุด และยิ่งวันไหนมีเสียงพระสวดออกลำโพง ผ่านเครื่องขยายเสียง จะเป็นเสียงที่ไพเราะจับใจ และแสดงว่าวันนี้มีการทำบุญที่วัด มีอาหารอย่างดีเพียบ มีขนมที่มีคนมาถวายมากมาย ขนมอร่อยๆ เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง
ถ้าเรารีบวิ่งไปวัด เวลามีงานใหญ่จะมีคนมามากมายทุกคนแต่งตัวสวยเรียบร้อย ฝ่ายทำครัว ก็จะเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านนั่นแหละ ที่หอบอุปกรณ์ มาช่วยกันทำครัวสนุกสนาน ผู้ใหญ่จะหัวเราะกันไปทำกับข้าวกันไป ส่งเสียงดับ เสียงขูดมะพร้าว เสียงกระทะ
ศรัทธาของชาวบ้านต่อพุทธศาสนาในชนบทนั้นยิ่งใหญ่นัก เวลาใครมีงานทำบุญบ้าน ทุกคนก็จะคนละไม้คนละมือ มาช่วยกันทั้งหมู่บ้าน
วัดจึงเป็นศูนย์รวมใจของคนบ้านนอก เวลามีเด็กเกิดใหม่ ก็จะวิ่งไปหาหลวงตาให้ช่วยตั้งชื่อให้ ถ้าเป็นเด็กผู้ชาย โตขึ้นมา ก็จะต้องบวช ให้พ่อแม่ ได้เห็นผ้าเหลือง งานบวชจึงเป็นงานสำคัญที่เป็นหน้าเป็นตาของคนในหมู่บ้าน
จะมีงานรื่นเริงสนุกสนาน ตั้งพิธีทำขวัญนาค พิธีแห่นาค ขบวนกลองยาวที่จะมีคนแก่ในหมู่บ้านรำกันสนุกสนานนำหน้ากลองยาว ไอ้เรื่อง รำสวยนี่ละก็ ยกให้คุณยายแต่ละคน อย่านึกว่าแก่แล้วจะไม่มีทีเด็ดนะ สาวๆ อายเชียวละ
บางงานที่เจ้าภาพมีสตางค์ก็จะมีมหรสพ ไม่ว่าจะเป็นหนังกลางแปลง ลิเกสุดหล่อ ลำตัด หมอลำหรือยุคใหม่นี้ ได้ข่าวว่า ถึงขนาดมีดนตรี ลูกทุ่งวงดังกันเลย
แต่ที่แข่งกันมากที่สุดก็คือ ใครจะเป็นคนร้องทำขวัญนาค ที่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่น้ำหูน้ำตาไหล เพราะน้ำเสียงทั้งออดอ้อน และเล่าความ ลำบากของแม่ตั้งแต่ตั้งท้อง กว่าจะครบกำหนดคลอดออกมาจนเติบใหญ่ มาบวชได้นี่ พ่อแม่ไม่รู้เสียน้ำตาไปเท่าไร
ในบางหมู่บ้าน วัดจะเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้านไปในตัว พระที่วัดก็จะทำหน้าที่เป็นครูไปด้วย เด็กบ้านนอกกับศีลธรรม จึงติดตัวมา ตั้งแต่เด็ก ทำให้เด็กไทยเคารพครู กราบไหว้ครู ถึงครูจะดุอย่างไรก็ไม่ถือ ได้แต่วิ่งหนีไม้เรียวลูกเดียว หนักนักก็ยอมโก่งก้นให้ท่านฟาดสักทีสองที เดี๋ยวหลวงตาก็หายโกรธเองแหละ เพราะยังไงพระท่านก็มีแต่เมตตาลูกเดียว
ไม่มีข้าวกิน ก็ไปวัดกระมิดกระเมี้ยน รอข้าวก้นบาตร เดี๋ยวก็ได้อิ่ม
สถาบันพระภิกษุสงฆ์ในสังคมไทย จึงยืนยงมาจนทุกวันนี้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคนไทยที่ปฏิเสธได้ยาก และมันฝังลึกลงไปในจิตใจ ของทุกคน จนยากจะถอนเสียแล้ว ใครก็ตามที่แสดงอาการไม่ดีต่อพระ คนไทยจะโกรธมาก และถือเป็นเรื่องใหญ่ถ้าพบเห็น
และทุกครั้งที่เห็นพระมีจริยวัตรไม่ดี เช่นเดินสูบบุหรี่กลางตลาด หรือเข้าคิวรอรับบาตรแล้วเวียนเทียน แบบในกรุงเทพตามตลาดบางแห่ง แล้วก็รับเงินกลับวัด จิตใจคนไทยจะรับไม่ได้
ครับก็ต้องยอมรับกันว่า พระที่มีการศึกษาก็มีมาก แต่พระส่วนใหญ่จะมีการศึกษาน้อย ซึ่งจะโทษท่านก็ไม่ได้ เพราะสภาพเศรษฐกิจ ของบ้านเมือง ที่คนไทยส่วนใหญ่กว่า 80 % ยังยากจนอยู่ นี่ไม่ต้องโทษรัฐบาลหรอก เพราะก็เป็นอย่างนี้ทุกรัฐบาลนั่นแหละ
ด้วยความยากจนในบางครั้ง หลายครอบครัวก็ตัดสินใจพึ่งพระพุทธศาสนา ให้ลูกบวช เมื่อเห็นว่าบวชแล้ว ก็ได้ดีมีความประพฤติเรียบร้อย ก็เป็นการส่งเข้าโรงเรียน อบรมความประพฤติให้กับลูก แถมยังได้เห็นผ้าเหลืองชื่นใจ หลายคนก็บวชเป็นเณรแล้วก็อยู่มาเรื่อยๆ ไม่สึก บางคน แววดี พระอาจารย์ก็จะเคี่ยวเข็ญให้เรียนบาลี สอบนักธรรม จนทำชื่อเสียงให้กับวัด
หลายคนได้ดิบได้ดี ได้เปรียญ 9 ตั้งแต่ยังเป็นเณร หลายคนก้าวไกลมาเป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศ
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายก็คือ ด้วยความแร้นแค้นของครอบครัวที่ให้การศึกษาทางโลกได้น้อย เมื่อพระภิกษุสามเณรเหล่านี้ เข้ามาใน พระพุทธศาสนา หลายคนก็พยายามขวนขวาย หาทางเรียนวิชาทางโลกควบคู่กันไปด้วย
เรียกว่า การศึกษาสายสามัญของพระเณร เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้กับท่าน น่าเสียดายที่รัฐบาลปัจจุบันให้ความสนใจน้อยมาก ทั้งที่ใช้งบ ไม่มากเท่าไหร่ เนื่องจากพระ เณร เหล่านี้อยู่กับวัด ฉัน 2 มื้อ มีแต่ค่าหนังสือตำราเรียนเท่านั้น
ในทุกปีจะมีพระภิกษุ และสามเณร ที่เป็นนักเรียนสายสามัญ ประมาณ 70,000 รูป กระจัดกระจายเรียนตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ บางวัด ก็สอนได้เป็นร้อยรูป บางวัดก็ได้ไม่กี่สิบรูป ครูสอนก็ใช้คนในหมู่บ้านที่มีจิตศรัทธาบ้าง พระในวัดบ้าง
ก็ช่วยกันตามมีตามเกิดแบบไทยๆ นั่นแหละครับ ลองคิดดู พระอยากเรียน แต่ไม่มีเงินเรียน พระ เณร เหล่านี้ ก็อยากจะมีความรู้ เท่าเทียม กับคนอื่น ไม่งั้นก็จะว่าพระได้ว่า ไม่มีความรู้ สู้ชาวบ้านไม่ได้ จะสอนชาวบ้านได้อย่างไร ก็ท่านไม่มีเงินเรียนนี่ครับ
หลังจากที่ ปีนี้รู้ว่ารัฐบาลไม่ให้ความสนใจ เพราะถังแตก งบที่รัฐบาลเคยบอกว่า จะตั้งให้ ปรากฏว่า ปีนี้พระเณร ทุกรูปผิดหวัง ต้องวิ่งเต้น หาทุนเรียนเอง
22 เมษายน นี้ พระภิกษุ และสามเณรส่วนใหญ่ จะมาปฏิบัติธรรม และร่วมตอบปัญหาธรรมะ เพื่อชิงทุนการศึกษา ที่สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย ส่วนทุกการศึกษา ทุนละเพียง 500 บาท ต่อทุน สำหรับหนึ่งองค์ ซึ่งเป็นแค่ช่วยท่านได้ส่วนหนึ่งในขั้นต้นนี้
ชาววัดพระธรรมกาย ซึ่งผ่านความทุกข์ยากของสงครามสื่อมาแล้ว จะร่วมกันแสดงพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ ทำบุญมหากุศล ช่วยการศึกษา ของพระภิกษุสามเณรเหล่านี้ ได้คนละกี่ทุน
จาก 70,000 รูป โดยประมาณ เราจะช่วยท่านได้กี่รูป 22 เมษายน นี้มาช่วยกันเถอะครับ
กาขาว