ปีที่ 2 ฉบับที่ 635 ประจำวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2542

วิวาทะ

ชายไม่จริงหญิงไม่แท้ วงการ "ประเทือง" เหิม

บัณเฑาะก์จ๊ะจ๋าลบหลู่มส.

สิทธิเสรีภาพบ้านเรามันเกินขอบเขตไปแล้วครับ หนังสือพิมพ์ สื่อทีวี หลงตัวยกหางสำคัญตนเป็นผู้พิพากษา ตัดสินผิด ตัดสินถูก ยัดคุก ยัดตะราง ให้คนโน้น คนนี้

โดยไม่สนใจว่า การนำเสนอข่าวสารแต่ละวัน มีหลักฐาน ข้อมูลความจริง ให้พิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ หากเป็นแต่ เพียงเขา เล่าว่า เขาบอกว่า

เอาเข้าจริงๆ ก็แค่การโกหกคำโตเท่านั้น

สังคมบ้านเมืองเราเปิดโอกาสให้หญิง-ชาย มีสิทธิเท่าเทียมกันตามกฎหมาย เอ้อ เกือบลืมไป สิทธิที่ว่านี้ ไม่ได้จำกัดเจาะจงอยู่แต่ เพศปกติ หญิง-ชายเท่านั้น หากแต่บรรดาพวก คุณประเทือง ตุ๊ด ทอม ดี้ บ้านเราก็ไม่ได้หมิ่น หรือ มองคนจำพวกนี้ เป็นตัวแปลกประหลาดอะไร

เป็นเรื่องที่ดีที่สังคมบ้านเรา เริ่มยอมรับนวกรรมทางเพศแบบใหม่ๆ โดยการไม่ปิดกั้นควาคิด ความสามารถของพวกคุณเธอเหล่านั้น

วันนี้เราจึงเห็นภาพของคนที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เป็นชายไม่จริง หญิงไม่แท้อยู่หลายท่านด้วยกัน

ไม่จำเพาะแต่ในรั้วมหาวิทยาลัยเท่านั้น วงการบันเทิง วงการแพทย์ วงการหมัดๆ มวยๆ และอีกหลายๆ วงการก็มีบุคคลพวกนี้ เป็นผู้มี บทบาทโดดเด่น หลายคนประโดดขึ้นแท่นเป็นมาสเตอร์ให้กับคนรุ่นหลังอย่างสบายๆ ปราศจากเสียงท้วงติง

บทบาทของคุณเธอโดดเด่นขึ้นมา อย่างเห็นได้ชัด โดยที่คนปกติหลายคน แอบอิจฉาพวกเขาเหล่านั้น ช่างมีพรสวรรค์เสียนี่กระไร บางคน ก็เคารพนับถือบุคคลผู้มีเพศผิดปกติไปอย่างสนิทใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

สังคมบ้านเราเปิดกว้าง มีอิสระเสรีภาพเกินร้อย

เห็นได้จาก คุณเสรี วงษ์มณฑา ท่านเป็นถึงอาจารย์ สอนลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง ท่านยืดอกยอมรับประกาศว่า ตนเองเป็นกระเทย

สรุปลงไปว่า เป็นกระเทยผิดตรงไหน ทำไมฉันจะชอบผู้ชายด้วยกันไม่ได้ มันเสียหายตรงไหน หนักหัวกบาลใครหรือไม่...??

คำตอบ ไม่ผิด ไม่เสียหาย และก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่หนักหัวกบาลใครด้วย ตามความรู้สึกเข้าใจของคุณเสรี ถูกต้องแน่ๆ

คุณเสรีถือเป็นผู้นำวงการตุ๊ด ตุ๋ย โดยแท้ ที่กล้าหาญประกาศความรู้สึกชอบพอทางเพศของตนเอง ออกมาเต็มปากเต็มคำ โดยไม่แยแส สายตาคนรอบข้าง

การประกาศจุดยืนทางเพศของคุณเสรี ครั้งนั้น ถือเป็นปฐมเหตุของการลบล้าง พฤติกรรมกลุ่ม "อีแอบจิต" อย่างสิ้นเชิง เขาคือผู้นำกลุ่ม "สว่างจิต" โดยแท้ ซึ่งคุณเสรีมีเหตุผลดีมารองรับต่อท่าทีครั้งนั้น จนทำให้สังคมยอมรับคุณเสรี ในฐานะนักวิชาการในเวลาต่อมา จวบจนทุกวันนี้

เสียงเพลงจาก หมุ่มไท ธนาวุฒิ เร้าร้อนไปทุกระดับชนชั้น เทปซีดีขายดีชนิดเทน้ำเทท่า "ว๊ายๆๆ นี่มันไอ้เทืองนี่หว่า" ดังระเบิดเถิดเทิง วิ่งฝ่าตัวเลขหลักล้านไป อย่างสบายมือ เมื่อเพลงไอ้คุรประเทือง เข้าไปดังตามผับ บาร์ ต่างๆ อย่างรวดเร็ว สามารถครองใจแฟนเพลง ได้เกือบทั่ว ประเทศ

ย่อมเป็นพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างของสังคมบ้านเราในห้วงเวลานี้ได้ว่า เรามองผู้ที่มีความผิดแผกทางเพศ เป็นเรื่องที่น่ารัก น่าเอ็นดู ไม่ใช่ดูถูก ลบหลู่ หมิ่นหยาม เหมือนสังคมสมัยโบราณที่พ่อแม่บางครอบครัว

ถึงกลับไล่ลูกผู้มีนิสัยหญิงออกจากบ้าน ตัดความเป็นพ่อเป็นลูกกัน ร้ายหนักถึงขั้น ห้ามใช้นามสกุลให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลทีเดียว

ทว่าความรู้สึกดังกล่าวได้ถูกกาลเวลาเผาผลาญไปจนแทบไม่เหลือเชื้อแห่งการเหยียดหยามเสียแล้ว

ผมดีใจกับความหาญกล้าของคุณเสรี ที่ปฏิวัตินวกรรมทางเพศในเมืองไทย ได้สำเร็จ

แต่ผมอดเสียใจไม่ได้ ที่คุณเสรีออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการวินิจฉัยของคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ที่มีสมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นองค์ ประธาน ตัดสินปัญหาวัดพระธรรมกาย

มีข้อความจ้วงจาบพระเถระในมหาเถรสมาคม ทำงานล่าช้า อืดอาด แก่ชราแล้ว คำลบหลู่ของคนที่เป็นอาจารย์คน มิได้หยุดอยู่เพียงนี้ หากนังสนับสนุนความคิด ของพระบางรูป ที่พยายามคว่ำมติมส. องค์กรปกครองสูงสุดสงฆ์ ด้วยการนำม๊อบเรือนหมื่น คัดค้านคำวินิจฉัย ที่มีต่อ วัดพระธรรมกาย

..สิทธิเสรีภาพของคุณเสรีเกินขอบเขตไปแล้วครับ...

สังคมไม่มีใครประณามหรือดูหมิ่นอาจารย์ว่า เป็นตุ๊ด เป็นเกย์ เป็นไอ้คุณประเทือง ซ้ำยังยกย่องให้ท่านเป็นผู้ที่มี ความสามารถหลายๆ ด้าน เป็นบุคคลที่สามารถสร้างคุณูปการให้กับสังคมได้มากมาย

วันนี้ท่านทำไมจึงสร้างความแปดเปื้อนให้กับตนเองได้ถึงเพียงนี้ ผมว่า คุณเสรีต้องพูดจากความรู้สึกนึกคิด ที่ไม่เข้าใจใน พระพุทธศาสนา เพียงพอ

ผมไม่ปรารถนาทะเลาะวิวาทะใดกับคุณเสรี เพราะรู้ดีว่า ฝีปากผมคงไม่ทันคนจำพวกท่าน หรือคุณเธอทั้งหลาย

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าท่านประกาศพระวินัยไว้อย่างไร.?

ผมจะพูดเฉพาะคุณสมบัติของผู้ที่สามารถบวชเป็นภิกษุสงฆ์ ในบวชพุทธศาสนาได้นั้น เป็นอย่างไร จะสรุปสั้นๆ เพื่อเป็นแนวทางให้ คุณเสรีทราบเฉพาะคุณสมบัติใหญ่นะจ๊ะ

1) บุคคลนั้นต้องไม่เป็นผู้วิกลจริต พิกลพิการ สติปัญญาต้องไม่เอ๋อ สมบูรณ์เต็มร้อย และต้องเป็นมนุษยื ไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว

2) อายุ 20 ปีบริบูรณ์

3) ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง อาทิ โรคเรื้อน ฝี ไทกอ (สมัยนี้น่าจะมีโรคเอดส์รวมอยู่ด้วยกระมัง)

4) ที่สำคัญพระพุทธเจ้าเจาะจงเฉพาะสุภาพบุรุษเท่านั้น จึงจะสามารถอุปสมบทได้

งานนี้ ผมว่า คุณเสรีพลาดแล้วครับ ที่ออกมาวิจารณ์มหาเถรสมาคม เพราะคุณสมบัติของท่าน บวชเป็นพระห่มเหลืองไม่ได้นะจ๊ะ

ทำไมหรือครับ ก็อย่างที่ผมเรียนไว้ในเรื่องคุณสมบัติใหญ่ 4 ข้อ โดยเฉพาะข้อ 4 ท่านขาดกระจุยเลยครับ เพราะท่านไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษ

เวลาบวชอุปัชฌาย์ท่านจะขานว่า "ปุริโส สิ" แปลว่า ท่านเป็นชายหรือไม่ ถ้าผู้บวชเป็นชายอกสามศอก ก็จะขานรับทันทีว่า "อามะ ภันเต" แปลว่าใช้แล้ว อย่างคุณเสรีถ้าคิดจะบวช คงไม่ได้ เมื่อท่านอุปัชฌาย์ถามว่า "ปุริโส สิ" คุณเสรี น่าจะตอบท่านว่า นัตถิ ภันเต "บัณเฑาะโสสิ"

เป็นอันว่า พิธีบวชจบกันเลยครับ จบจริงๆ เพราะพระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้อย่างนั้น และมีเหตุผลเพียงพอเสียด้วย ที่พระพุทธเจ้าท่าน จะบัญญัติไว้ใน พระธรรมวินัยอย่างนั้น ในที่นี้ ผมไม่ขอบรรยายถึงเหตุผลดังว่า

ผมพูดถึงท่านด้วยจิตคารวะจริงๆ นะจ๊ะตัวเอง เพราะไม่อยากให้ท่านก่อบาปก่อกรรม ด้วยการจ้วงจาบพระเถระผู้บริสุทธิ์

โอกาสนี้ ผมอยากแนะนำท่านอาจารย์เสรี ด้วยว่า ไม่ควรออกมาพูดเรื่องพระสงฆ์ในทำนองนี้อีก ขอย้ำว่า เป็นบาป อาจารย์ควรใช้ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ส่วนตัว พัฒนาบุคคล สังคมให้เจริญก้าวหน้า เพื่อประเทศชาติของเรา จะมีประโยชน์ มากกว่า มาพูดในสิ่งที่ เหมาะสมกับจริตของตัวเอง

หรือไม่ก็ช่วยแนะนำคนในวงการ อาจารย์น่าจะพูดถึงเรื่องความพร้อมของจิตใจ จากชายเป็นหญิงเทียม (กระเทียม) หรือคุณประเทือง มากกว่า หรือเปิดชมรมส่งเสริมชาวตุ๊ดชาวเกย์ ให้เป็นทรัพยากร อันทรงคุณค่าของสังคม

หรือไม่ก็ช่วยบอกนักการเมืองที่บริหารบ้านเมือง เปิดเผยฐานะตัวเอง อย่างอาจารย์ด้วยเถิด จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ชาวบ้านเขาจะได้รู้ว่า ท่านนักเมืองเหล่านั้น มีรสนิยมทางเพศอย่างไร เวลาหาเสียงชาวบ้านแม่ค้าเขากระโดดหอมแก้มท่าน จะได้ไม่ต้องเขินอายไงจ๊ะตัว..

โซตัส

[หน้าหลัก] [หน้า1] [วิวาทะ] [ปุจฉา]

1