ปีที่ 2 ฉบับที่ 623 ประจำวันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2542
วิวาทะ
สูงสุดคืนสู่สามัญ ปธ.9 นกแก้วนกขุนทอง |
กว่า 3 เดือน ข่าวร้อนทางพุทธศาสนา ก่อกำเนิดจากวัดพระธรรมกาย โดยมีสื่อมวลชนบางคน บางกลุ่ม ถ่อสังขารไปถึงคลองสาม จังหวัดปทุมธานี หวังหยิบขนมจากวัดกินฟรีๆ อย่างไม่ละอายต่อบาป
สุดท้ายก็มาลงเรื่องใต้สะดือ 6 นารีพิฆาต จนเสนาบดี คุณอาคม เอ่งฉ้วน ออกมารับลูกข้อมูลฉาว 6 สีกา มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจ้าอาวาส
สุดท้าย ก็แค่นิยายน้ำเน่าของคนบาปขายข่าว
คุณอาคมก็ควรสำรวมให้มากกว่านี้ อย่าทำงานแบบจับแพะชนแกะ อ่านรายงานแล้วก็ให้สัมภาษณ์ ตามเหตุผลความเชื่อของคนนั้น คนนี้ โดยเฉพาะ คุณเสฐียรพงษ์ วรรณปก ยืนยัน "พระนิพพาน เป็นอนัตตา" ถูกต้อง เป็นเอกอุ ถูกต้อง สุดยอด
ผมหลับตานึกภาพไปเมื่อหลายสิบปีก่อน เด็กบ้านนอกคอกนาคนหนึ่ง ตัวผอมเหมือนกุ้งฝอย จนพ่อใหญ่แม่ใหญ่ต่างเรียกว่า "บักเปี๊ยก" มีใจใฝ่เรียนรู้บวชเป็นสามเณร เรียนรู้ธรรมะบาลี จนแตกฉาน สามารถสอบปธ.9 ได้ตั้งแต่เป็นสามเณร
ชีวิตเด็กหนึ่ง ผู้ชาญฉลาดในเพศบรรพชิตเป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดโยมผู้ใจบุญสุนทาน เข้าสรรเสริญ ศรัทธาในตัว สามเณรเปี๊ยก เป็นอย่าง มาก หลายคนลงขันส่งเสียให้สามเณรผู้นี้ เดินทางไปศึกษาถึงต่างประเทศ
มองว่า เด็กหนุ่มผู้นี้ จะเป็นเรี่ยวแรงสำคัญให้กับพระพุทธศาสนา
เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุ ก็วาดหวังว่า พระรูปนี้จะต้องได้ดิบได้ดีในวงการสงฆ์ เป็นถึงท่านเจ้าคุณ
แต่แล้ว จู่ๆ พระเสฐียรพงษ์ เกิดเบื่อหน่ายในเพศบรรพชิต จึงสึกหาลาเพศจากเพศสมณะ ทั้งที่เพิ่งเดินทางกลับจาก การศึกษาต่างประเทศ เหตุการณ์ครั้งนั้น ญาติโยมผู้ศรัทธา พระเสฐียรพงษ์ หลายคนต่างอาลัย เสียดายถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่
สาเหตุการสึกหาลาเพศดังกล่าว ผู้ที่รู้ดีที่สุด น่าจะเป็นตัวคุณเสฐียรพงษ์เอง ท่านอาจมีเหตุผลว่า เพศสมณะ ที่ท่านดำรงอยู่นั้น ไม่อาจสร้าง คุณประโยชน์ให้กับคนหมู่มากได้ สู้เป็นฆราวาส จะยังประโยชน์ได้มากกว่า
บทบาทของคุณเสฐียรพงษ์วันนี้ จึงไม่ใช่พระ แต่เป็นผู้ชำนาญการศาสนา นักคิด นักเขียน อาจารย์ ฯลฯ
วันนี้คุณเสฐียรพงษ์ กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง ด้วยบทบาทการโจมตีล้มล้างวัดพระธรรมกาย ยืนยันพระนิพพานเป็นอนัตตา พวกอัตตา ให้ไปตั้งลัทธิใหม่
ผมก็ไม่ทราบว่า คุณเสฐียรพงษ์เอาอะไรมาวัด ปธ.9 ที่ท่านร่ำเรียนมาสอนนิพพานเป็นอนัตตา พระไตรปิฎกเล่มไหนกัน
บอกตรง ๆ คนอย่างคุณเสฐียรพงษ์อมพระองค์โตมาพูด ผมก็ไม่เชื่อ เพราะเป็นสิทธิของผมที่จะไม่เชื่อคนอย่างคุณเสฐียรพงษ์
เพราะอาจารย์ของผม ท่านมากมีทรัพย์สมบัติเงินทอง ครอบครัวอันมีความสุข หน้าที่การงานอันมั่นคง ฐานะทางสังคม ก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร ท่านกลับประกาศอุทิศตนบวชเป็นพระ รับใช้พระพุทธศาสนา จนกว่าชีวิตจะหาไม่
ความพร้อมดังว่า ไม่อาจหยุดรั้งให้ท่านมุ่งมั่นค้นหาพระนิพพานอย่างไม่ต้องสงสัย อาจารย์ของผม ผิดกับคุณเสฐียรพงษ์ ชนิดหนัง คนละ ม้วน จะเหมือนกันก็แต่เพียง อาจารย์ของผมกับคุณเสฐียรพงษ์ เป็นเด็กบ้านนอกคอกนา เลือดอีสาน
ที่ตรงข้ามก็คือ อาจารย์ของผม ปฏิบัติศึกษาธรรมมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ได้บวชเรียนเป็นเณรเป็นพระ เพียงแต่บวชใจก็สามารถดำรงตน ควบคู่ไปกับความเจริญทางโลก จนได้มาซึ่ง สมบัติ ทรัพย์สิน ชื่อเสียง แต่อาจารย์ของผมปฏิเสธความสุขทางโลกอย่างไม่เสียดาย ประกาศบวช เป็นพระตลอดชีวิต ก็เกือบวัยกลางคนไปแล้ว ด้วยคติที่ว่า ...
ในนาทีที่ กาย วาจา ใจ ห่มครองด้วยผ้ากาสาวพัสตร์
ในนาทีที่ กาย วาจา ใจ สำรวมอยู่ในศีล 227 ข้อ
ในนาทีที่ กาย วาจา ใจ กำหนดให้เป็นหนึ่ง เพื่อเข้าให้ถึงพุทธิปัญญา
นาทีนั้น คือการก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งมรรคผล นิพพาน
ดังนั้น คนอย่างคุณเสฐียรพงษ์ มาพูดเรื่องพระนิพพาน ผมจึงทำใจรับเชื่อถือไม่ได้จริงๆ ซึ่งมันเป็นสิทธิของผม ที่เห็นว่า ปธ.9 ไม่ได้ทำให้ คนบรรลุพระนิพพาน หากเป็นแนวทางน้อมนำไปปฏิบัติเท่านั้น คนที่ความจำดี ท่องตำราพระไตรปิฎกดังนกแก้ว นกขุนทอง ไปไม่ถึง นิพพาน ดอกครับ
พระพุทธศาสนาไม่ใช่ลัทธิ ไม่ใช่ความเชื่อ ไม่ใช่พระไตรปิฎก ถ้าพระไตรปิฎกเป็นเครื่องมือไปสู่นิพพานแล้ว คนอย่างคุณเสฐียรพงษ์ จบถึง ปธ.9 ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องมาพูด นิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตา ให้พระสุปฏิปันโน ที่รู้จริง นึกถึงบัว 4 เหล่า อัน 1 ในนั้น คือ บัวใต้น้ำ ที่รอวัน เป็นอาหารเต่าปลา งั้นหรือท่านราชบัณฑิต
โซตัส