ปีที่ 2 ฉบับที่ 615 ประจำวันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2542

หน้า 1

ชี้ "ธรรมกาย" นิพพาน

ศิษย์หลวงปู่มั่น ยันพุทธแท้

บรรลุถึงอัตตาบริสุทธิ์

เรื่อง ปัญหาวัดพระธรรมกาย หรือวิชชาธรรม ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเบ่งบาน ให้สื่อมวลชนและสังคม ขบคิด ถึงความไม่ชอบมาพากล หรือ คำสอนที่ผิดเพี้ยน หากแต่เป็นเรื่องเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมากว่า 50 ปีแล้ว

เพื่อความกระจ่างชัด "พิมพ์ไทย" ได้นำบทพิสูจน์ กรณีวิชชาธรรมกาย ซึ่งวินาทีนี้ ถูกสังคมตัดสินว่า เป็นวิชชาพื้นๆ ไม่มีค่าราคาถึงขึ้น มีการเสนอให้ลบ วิชชาธรรมกาย ออกจากสารบบพระพุทธศาสนาทีเดียว เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องต่อพระพุทธศาสนา "พิมพ์ไทย" จึงได้นำเนื้อหา ในหนังสือ เรื่องทิพย์อำนาจ เรียบเรียงโดย พระอริยคุณาธาร (ปุสโส เส็ง ป.ธ.6) ลูกศิษย์เอกสายอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผู้ชำนาญกรรมฐาน 40 และ เคยเป็นผู้ตัดสินวิชชาธรรมกายว่า ถูกต้องตามพุทธบัญญัติ สมัยที่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ยังมีชีวิตอยู่ โดยทั้งสองท่าน ได้ไล่กรรมฐานกัน จนครบทุกบท ปรากฏว่า มาจบที่พระธรรมกาย ซึ่งถือว่า เป็นกายที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า โดยหนังสือดังกล่าวจัดพิมพ์โดย   มหามกุฏราชวิทยาลัย ทำให้เห็นได้ว่า พระผู้ปฏิบัติกับพระปริยัติต่างกันอย่างไร มีเนื้อหาสาระสำคัญกว่า 500 หน้า

สรุปความได้ดังนี้ ส่วนปกรณ์ของฝ่ายทักษิณนิกาย หรือเถรวาท ท่านโบราณจารย์ก็แบ่งพระกายของพระพุทธเจ้าเป็น 3 ภาค เช่นเดียวกัน แต่เรียงลำดับ จากต่ำไปหาสูง เมื่อเทียบดูแล้ว ก็จะเห็นว่า คล้ายคลึงกันคือ

1.พระรูปกาย เป็นพระกายซึ่งเอากำเนิดจากพระพุทธบิดา พระพุทธมารดา ที่เป็นมนุษย์ธรรมดา ประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 เหมือนกายของ สามัญมนุษย์ แต่บริสุทธิ์สะอาด สวยงาม พระฉวีวรรณเปล่งปลั่ง เกลี้ยงเกลากว่ากายมนุษย์สามัญ เป็นวิบากขันธ์ สำเร็จแต่พระบุญญาบารมี

2.พระนามกาย ได้แก่กายชั้นใน ปราชญ์บางท่านเรียกว่า กายทิพย์และว่าเป็นกายที่มีรูปร่างสัญฐานเหมือนกายชั้นนอก เป็นแต่ว่องไวกว่า และสามารถกว่ากายชั้นนอก หลายร้อยเท่า สามารถอออกจากร่างหยาบไปในที่ไหนๆ ได้ตามต้องการ เมื่อกายหยาบสบายแล้ว กายชั้นนี้ ยังไม่สลาย จึงออกจากร่างไปหาที่เกิดใหม่ต่อไป นามกายเป็นของมีทั่วไป แม้แต่สามัญมนุษย์ แต่ดีเลวกว่ากัน ด้วยอำนาจกุศลที่ตนทำไว้ก่อน

ส่วนพระนามกายของพระพุทธเจ้า ท่านดีวิเศษยิ่งกว่า ของสามัญมนุษย์ ด้วยอำนาจพระบุญญาบารมี ที่ทรงบำเพ็ญมา เป็นเวลาอสงไขยกัปป์

3.พระธรรมกายได้แก่ พระกายธรรมอันบริสุทธิ์ ไม่สาธารณะทั่วไป แต่เทวาและมนุษย์ หมายถึง พระจิตที่พ้นจากอาสวะแล้ว เป็นพระจิต ผุดผ่อง มีพระรัศมี แจ่มจ้า เปรียบเหมือนดวงอาทิตย์ไขแสงในอากาศ ฉะนั้นพระธรรมกายนี้เป็นพระพุทธเจ้าที่แท้จริง เป็นพระกายที่พ้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย และทุกข์โศกทั้งหลายได้จริง เป็นพระกายที่เที่ยงแท้ ถาวร ไม่สูญสลาย เป็นอยู่ชั่วนิรันดร์ เป็นที่รวมแห่งธรรมทั้งปวง แต่ท่านมิได้บอก ให้แจ้งชัดว่า พระธรรมกายนี้ มีรูปพรรณสัณฐานเช่นไร

ความเชื่อว่า พระอรหันต์นิพพานแล้ว ยังมีอยู่อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นพระอรหันต์แท้ไม่สลายไปตามกาย คือ ความเป็นพระอรหันต์ไม่สูญ ความเป็นพระอรหันต์นี้ ท่านก็จัดเป็นอินทรีย์ชนิดหนึ่ง เรียกว่าอัญญินทรีย์ พระผู้มีพระภาคเจ้าคงหมายเอาอินทรีย์นี้เอง บัญญัติเรียกว่า วิสุทธิเทพ เป็นสภาพที่คล้ายคลึง วิสุทธาพรหมในสุทธาวาสชั้นสูง เป็นแต่บริสุทธิ์ยิ่งกว่านั้น เมื่อมีอินทรีย์อยู่ก็ย่อมจะบำเพ็ญประโยชน์ได้

พระยมกะ เมื่อยังไม่บรรลุอรหัตตผล ได้แสดงความเห็นว่า พระอรหันต์ตายสูญ ถูกพระสารีบุตรสอบสวน เมื่อบรรลุ พระอรหัตตผลแล้ว จึงเห็นเป็นตามความจริงว่า "สิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่ง ย่อมเป็นไปตามปัจจัย" คือ สลายไป ส่วนพระอรหันต์มิใช่สิ่งที่ปัจจุบันปรุงแต่ง จึงไม่สลายไป แปลว่า ไม่ตาย

ประโยชน์จากท่านได้ ก็จะต้องมีอินทรีย์ผ่องแผ้ว เพียงพอที่จะรับรู้รับเห็นได้ เพราะอินทรีย์ของพระอรหันต์ประณีต สุขุมที่สุด แม้แต่ ตาทิพย์ของเทวดาสามัญ ก็มองไม่เห็น มนุษย์สามัญซึ่งมีตาหยาบๆ จะเห็นได้อย่างไร อินทรีย์ของพระอรหันต์นั้นแหละ เรียกว่า อินทรีย์แก้ว ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ของท่านเป็นแก้ว คือ ใสบริสุทธิ์ ดุจแก้วมณีโชติ ผู้บรรลุภูมิแก้วแล้ว ย่อมสามารถพบเห็นพระแก้วคือ พระอรหันต์ที่นิพพาน แล้วได้..

[หน้าหลัก] [หน้า1] [วิวาทะ] [ปุจฉา] [สหัสวรรษ]

1