ปีที่ 2 ฉบับที่ 614 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2542

หน้า 1

ออนแอร์เชียร์วัด

ปลดบิ๊กเนชั่น

บทพิสูจน์คนข่าว

เหตุความเห็นต่างมุม กรณีวัดพระธรรมกาย

มองต่างมุม วัดพระธรรมกายสื่อน้ำดี เครือเดอะเนชั่น ไอทีวี แตกยับเยิน พี่ด่า น้องเชียร์ ไปด้วยกันไม่ได้ ชำแหละศึกสายเลือด ปมประเด็น ปลดบิ๊กเนชั่น เสนอข่าวออนแอร์วิทยุ หนุนวัด ถูกปลดกลางอากาศพ้นบริษัท

กรณีข้อพิพาทวัดพระธรรมกาย กลายเป็นเหรียญสองด้านไปเสียแล้ว

ไม่เว้นแม้แต่วงการสื่อสารมวลชนอย่างเครือเดอะเนชั่นและไอทีวี บนฐานความคิดเห็นที่มีต่อสถาบันพุทธศาสนา

พนักงานกองบรรณาธิการ เครือเดอะเนชั่นระดับหัวหน้า มีความคิดเห็นในการนำเสนอข่าวเรื่องวัดพระธรรมกายต่างมุมมอง จนเป็นชนวน แห่งการปลดหัวหน้าข่าวการเมือง คอลัมนิสต์ และนักจัดรายการวิทยุเครือเดอะเนชั่น

ก้าวย่างที่น่าจับจ้องที่สุดโฟกัสไปที่ นายพิธาน คลี่ขจาย น้องชายร่วมสายโลหิตหัวหอกไอทีวี นายสุภาพ คลี่ขจาย ตรงประเด็นที่ว่า พี่ด่า น้องเชียร์ มิอาจเดินร่วมทางกันต่อไปได้

คำสั่งปลดนายพิธาน คลี่ขจาย หรือที่น้องๆ คนข่าวรู้จักกันในนาม "พี่ตุ๊" ออกจาก หัวหน้าข่าวการเมืองคอลัมนิสต์ และผู้จัดรายการวิทยุ ซึ่งเป็นมติของคณะกรรมการเครือเดอะเนชั่น มีเหตุผลอ้างว่า นายพิธาน คลี่ขจาย เป็นสื่อมวลชนคนหนึ่ง ซึ่งมีรายชื่อพัวพันอยู่กับ การวิ่งเต้นรับเงิน รับทองฟอกตัวพ่อค้ายาเสพติด อุริค วูล์ฟกัง จึงมีคำสังปลอดนายพิธานพ้นจากหน้าที่ตำแหน่งสำคัญของบริษัท พร้อมกับปรับลดเงินเดือนลงอีก 20% หลังจากที่ถูกลดมากว่า 30-40% ด้วยพิษค่าเงินบาท เศรษฐกิจดิ่งเหว เมื่อปลายปี 2541 ที่ผ่านมา ซึ่งการถอดถอนนายพิธานจากตำแหน่งต่างๆ รวมถึงการปรับลดเงินเดือนดังกล่าว จะยุติลงชี้ชัดถึงความผิดตามกฎหมายอาญาหรือไม่ ก็ต่อเมื่อ ทางคณะกรรมการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว

แต่ "พิมพ์ไทย" ได้รับการเปิดเผยถึงเหตุผลคำสั่งปลดนายพิธานออกจากตำแหน่งสำคัญของบริษัทเครือเดอะเนชั่น มิได้มาจากประเด็น ข้อกล่าวหามีส่วนพักพันกับนักค้ายาเสพติดเป็นปฐมเหตุเท่านั้น หากแต่นายพิธานดำรงตนอยู่ในฐานะสื่อมวลชน ที่ต้องการเสนอข่าวเรื่อง วัดพระธรรมกายสองด้าน สอดประสานรับกับความรู้สึกของคนเดอะเนชั่นอีกหลายคนที่เห็นว่า การมุ่งเสนอข่าวโจมตีวัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องที่ อยุติธรรม นี่คือความจริงที่นายสุภาพ คลี่ขจาย พี่สายร่วมสายโลหิต นายพิธาน คลี่ขจาย รู้ดีที่สุด

ผู้ใกล้ชิดนายพิธานกล่าวอย่างเดือดเนื้อร้อนใจแทนสหายผู้ถูกรังแกจนบอบช้ำว่า การเสนอข่าววัดพระธรรมกายในแง่ดีของนายพิธาน คนระดับบิ๊กบอสของเครือเดอะเนชั่น ก้องกังวานผ่านคลื่นความถี่บนหน้าปัด วิทยุเอฟเอ็มออกอากาศในเครือข่าววิทยุเนชั่น เป็นปมประเด็นสำคัญ ของคำสั่งปลดจากตำแหน่ง และลดเงิน เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้เครือเดอะเนชั่นจะออกมารับลูกกระแสสังคม ที่ตั้งข้อกล่าวหาว่า นายพิธานมีส่วน พัวพันกับคดีระดับประเทศ สิบบนราชาผง แต่ก็ยังเป็นแค่คำกล่าวหา ยังไม่มีเครื่องพิสูจน์ชี้ชัดว่า เขาผิด แต่เหตุผลสำคัญอันใด บริษัทจึงออก บทลงโทษที่รุนแรงเสมือนหนึ่งการบีบให้เขาทนอยู่ไม่ได้ และวันนี้ นายพิธานก็ไม่รั้งรอที่จะสะบัดก้นออกจากเดอะเนชั่น ซึ่งเขารักองค์กรนี้ เสมือนบ้านของเขา ไปอย่างไม่เสียดายต่อหน้าที่ตำแหน่ง จะเสียก็แค่ความรู้สึกของลูกผู้ชาย ศักดิ์ศรีคนข่าวเท่านั้น

ผู้ใกล้ชิดนายพิธาน เปิดเผยว่า ขณะนี้นายพิธานอยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะกลับไปรังเก่า คือ "แนวหน้า" หรือรั้งรอโปรเจคยักษ์ นายทุนใจดีทุ่มเงินให้เขาและทีมงานออกหนังสือพิมพ์รายวันชนกับความอยุติธรรมในโลกนี้

นอกจานี้ยังมีผู้สื่อข่าวเครือเนชั่นคนหนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วยกับการโจมตีวัด ได้โทรศัพท์มาหา "ไอ้ทิด" คอลัมนิสต์ของพิมพ์ไทย และให้ความ เห็นในเรื่องการปาระเบิดบ้านของ นายเสถียรพงษ์ วรรณปก ว่า วันที่เกิดเหตุระเบิดเป็นวันมาฆบูชา เป็นวันที่ลูกศิษย์วัดต่างรอคอย เพื่อจะทำบุญ ครั้งยิ่งใหญ่ในรอบปี จึงไม่เชื่อว่า จะมีใครในวัดจะไปปาระเบิดในวันดังกล่าว

มีการคาดการณ์กันในเครือเดอะเนชั่นว่า น่าจะมีการพยายามของกลุ่มที่โจมตีวัดพระธรรมกาย หาทางออกข่าวใหญ่ เพื่อมากลบกระแส ทำบุญของชาววัด ซึ่งไม่มีอะไรดีกว่าการขว้างระเบิดดังกล่าว ซึ่งก็เป็นไปตามที่ได้วางแผนการณ์กันไว้

โดยหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้นำรูปวันมาฆบูชา ที่วัดพระธรรมกายมาลงปก แต่ปรากฏว่า ในรูปมีคนมาทำบุญโหรงเหรง ซึ่งขัดกับ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะว่าในวันดังกล่าวมีคนมาทำบุญที่วัดมากกว่า 2 แสนคน

ถ้าใครดูทีวีช่อง 3 เมื่อวานนี้ ตอนที่ออกสังภาษณ์สด นายอาคม เอ่งฉ้วน จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า

มีคนมากมายกว่าที่หนังสือพิมพ์ลง

นักข่าวเดอะเนชั่นกล่าวว่า ตนเองเป็นสื่อมวลชน ยังรู้สึกงงเพราะไม่เชื่อว่า นักข่าวจะบิดเบือนความจริงมากมายขนาดนี้ ไม่ทราบว่า จรรยาบรรณไปอยู่ที่ไหนกันหมด ตนไปที่วัดนี้หลาย เห็นแต่สิ่งดีๆ มาตลอด ไม่เคยเห็นแบบที่สื่อมวลชนลงในด้านลบแต่อย่างใด

สำหรับความคืบหน้า กรณีคดีระเบิดบ้านนายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิตและนักเขียน นสพ.ข่าวสด และมติชน ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ส่งกำลังอารักขา เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นกับเขาแล้ว

ขณะเดียวกัน หลังจากเหตุการณ์ระเบิดผ่านไปเพียงชั่วข้ามคืน ก็มีมือมืดออกใบปลิวเด็ดหัว 12 จอมมาร มีเนื้อหาโยงใยไปถึง ท่านเจ้าคุณ พระธรรมปิฎก จนนายกฯชวน หลีกภัย มีคำสั่งให้กำลังเจ้าหน้าที่อารักขาพระธรรมปิฎก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยนายเสฐียรพงษ์

ด้านความคืบหน้าของกระทรวงศึกษาธิการ กรมการศาสนา นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เรื่องของวัดพระธรรมกาย ได้ใช้เวลาพิจารณามาพอสมควรแล้ว ขณะนี้ใกล้ได้ข้อยุติ และเชื่อว่า จะสามารถหาทางออกที่ดีได้

ขณะเดียวกัน เราต้องมองส่วนดีของวัดนี้ก็มีอยู่มาก เป็นวัดที่ใหญ่สุดในโลกก็ว่าได้ มีพระสงฆ์ถึง 900 รูป มีพระภิกษุ สามเณร ร่ำเรียนปริยัติ จบปธ.9 เป็นจำนวนมาก

แต่จุดเสียเรื่องคำสอนที่ผิดเพี้ยน จะต้องได้รับการแก้ไข อีกทั้งการเข้าไปหาผลประโยชน์ของผู้ปฏิบัติธรรมก็มีมาก

"พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ซึ่งได้รับมอบหมายจากมหาเถรสมาคม (มส.) ให้คำมั่นกับผมว่า จะสามารถสรุปข้อมูลต่างๆ ของวัด พระธรรมกาย เพื่อเสนอ มส.วินิจฉัย ภายใน 30 วัน" นายอาคมกล่าว

[หน้าหลัก] [หน้า1] [เจาะคน] [ปุจฉา] [สหัสวรรษ]

1