แรด (Rhinoceros sondaicus) : เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ความสูงที่ไหล่ 1.60 - 1.75 เมตร
น้ำหนัก 1,500 - 2,000 ก.ก.
ชอบนอนในปลักโคลนตมหนองน้ำ เพื่อไม่ให้หนังแตกและถูกแมลงรบกวน
มีสายตาไม่ค่อยดีนัก แต่มีประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นดีมาก
แรดมีหนังหนาและมีขนแข็งขึ้นห่างๆสีพื้นเป็นสีเทาออกดำ
ส่วนหลังมีส่วนพับของหนัง 3 รอย บริเวณหัวไหล่ด้านหลังของขาคู่หน้าและด้านหน้าของขาคู่หลัง
แรดตัวผู้มีนอเดียวยาวไม่เกิน 25 เซนติเมตร ส่วนตัวเมียจะเห็นเป็นเพียงปุ่มนูนขึ้นมา
ชอบกินยอดไม้ ใบไม้ และผลไม้ ออกลูกครั้งล ะ 1 ตัว
ตั้งท้องนานประมาณ 16 เดือน มีอายุยืนประมาณ 50 ปี
สถานภาพ : ปัจจุบันแรดจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน 15 ชนิดของประเทศไทย และจัดอยู่ใน Appendix 1 ของอนุสัญญา CITES ทั้งยังเป็นสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ตาม U.S.Endanger Species
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์ : เช่นเดียวกับแรดที่พบบริเวณอื่นๆ ที่พบในประเทศไทยถูกล่าและทำลายอย่างหนัก เพื่อต้องการนอหรือส่วนอื่นๆ เช่น กระดูก เลือด ฯลฯ ซึ่งมีคุณค่าสูงยิ่ง เพื่อใช้ในการบำรุงและยาอื่นๆ นอกจากนี้บริเวณป่าที่ราบที่แรดชอบอาศัยอยู่ก็หมดไป กลายเป็นบ้านเรือนและเกษตรกรรมจนหมด
|
กระซู่ (Dicerorhinus sumatrensis ) : กระซู่เป็นสัตว์จำพวกเดียวกับแรด แต่มีลักษณะลำตัวเล็กกว่า
ความสูงที่ไหล่ 1-1.5 เมตร
น้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม
มีหนังหนาและมีขนขึ้นปกคลุมทั้งตัว โดยเฉพาะในตัวที่มีอายุน้อย ซึ่งขนจะลดน้อยลงเมื่อมีอายุมากขึ้น สีลำตัวโดยทั่วไปออกเป็นสีเทาคล้ายสีขี้เถ้า ด้านหลังลำตัวจะปรากฏรอยพับของหนังเพียงพับเดียวตรงบริเวณด้านหลังของขาคู่หน้า กระซู่ทั้งสองเพศมีนอ 2 นอ นอหน้ามีความยาวประมาณ 25 เซนติเมตร ส่วนนอหลังมีความยาวไม่เกิน 10 เซนติเมตร หรือเป็นเพียงตุ่มนูนขึ้นมาในตัวเมีย
สถานภาพ : ปัจจุบันกระซู่จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน 15 ชนิดของประเทศไทย อนุสัญญา CITES จัดไว้ใน Appendix I และ U.S. Endanger Species Act จัดไว้ในพวกที่ใกล้จะสูญพันธุ์
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์ : กระซู่ปัจจุบันใกล้จะสูญพันธุ์ไปจากโลก เนื่องจากถูกล่าเพื่อเอานอ และอวัยวะทุกส่วนของตัว ซึ่งมีฤทธิ์ในทางเป็นยา กระซู่จึงถูกล่าอยู่เนืองๆ ประกอบกับกระซู่มีอยู่ในธรรมชาติน้อย และประชากรแต่ละกลุ่มและแม้แต่กลุ่มเดียวกันก็อยู่ห่างกันมากไม่มีโอกาสจับคู่ขยายพันธุ์ได้
|
ควายป่า (Bubalus bubalis) : รูปร่างปราดเปรียวและขนาดลำตัวใหญ่กว่าควายบ้าน
ความสูงที่ไหล่ 1.6 - 1.9 เมตร
หนักประมาณ 800 - 1,200 ก.ก.
สีลำตัวโดยทั่วไปเป็นสีเทาหรือสีน้ำตาลดำ ขาทั้ง 4 สีขาวแก่หรือสีเทาคล้ายใส่ถุงเท้าสีขาว ด้านล่างของลำตัวเป็นลายสีขาวรูปตัววี ( V )ควายป่ามีเขาทั้ง 2 เพศ เขามีขนาดใหญ่กว่าควายเลี้ยง วงเขากางออกกว้างโค้งไปทางด้านหลัง ด้านตัดขวางเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายเขาเรียวแหลม
ชอบนอนแช่ปลักให้ดินโคลนพอกลำตัว เพื่อป้องกันแมลงรบกวน มีนิสัยชอบอยู่เป็นฝูง จะดุร้ายมากถ้าบาดเจ็บ
กินใบไม้ หญ้า และหน่อไม้ ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องประมาณ 10 เดือน อายุยืน 20-25 ปี
สถานภาพ : ปัจจุบันควายป่าที่เหลืออยู่ในประเทศไทยมีจำนวนน้อยมาก จนน่ากลัวว่าอีกไม่นานจะหมดไปจากประเทศ ควายป่าจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน 15 ชนิดของประเทศไทย และอนุสัญญา CITES จัดควายป่าไว้ใน Appendix III
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์ : เนื่องจากการถูกล่าเพื่อเอาเนื้อและเอาเขาที่สวยงาม และการสูญเชื้อพันธุ์ เนื่องจากไปผสมกับควายบ้านที่มีผู้เอาไปเลี้ยงปล่อยเป็นควายปละในป่า ในกรณีหลังนี้บางครั้งควายป่าจะติดโรคต่างๆจากควายบ้าน ทำให้จำนวนลดลงมากยิ่งขึ้น
|
ละองหรือละมั่ง เป็นกวางที่มีขนาดโตกว่าเนื้อทรายแต่เล็กกว่ากวางป่า
ความสูงที่ไหล่ 1.2 - 1.3 เมตร
หนักประมาณ 95 - 150 ก.ก.
ขนตามตัวทั่วไปมีสีน้ำตาลแดง ตัวอายุน้อยจะมีจุดสีขาวตามตัว ซึ่งจะเลือนกลายเป็นจุดจางๆเมื่อโตเต็มที่ในตัวเมีย แต่จุดขาวเหล่านี้จะหายไปจนหมดในตัวผู้ตัวผู้จะมีขนที่บริเวณคอยาวและมีเขาและเขาของละอง จะมีลักษณะต่างจากเขากวางชนิดอื่นๆในประเทศไทย ซึ่งที่กิ่งรับหมาที่ยื่นออกมาทางด้านหน้า จะทำมุมโค่งต่อไปทางด้านหลังและลำเขาไม่ทำมุมหักเช่นที่พบในกวางชนิดอื่นๆ
ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง เล็ก ๆ ออกหากินทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน กินใบหญ้าใบไม้และผลไม้เป็นอาหาร ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนานประมาณ 7 - 8 เดือน
สถานภาพ : มีรายงานพบเพียง 3 ตัว ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี ละอง ละมั่งจัดเป็นป่าสงวนชนิดหนึ่งใน 15 ชนิดของประเทศไทย และอนุสัญญา CITES จัดอยู่ใน Appendix
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์ : ปัจจุบัน ละอง ละมั่งกำลังใกล้จะสูญพันธุ์หมดไปจากประเทศไทย เนื่องจากสภาพป่าโปร่งซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยถูกบุกรุกทำลายเป็นไร่นาและที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ทั้งยังถูกล่าอย่างหนักนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
|
กวางผา (Naemorhedus griseus) กวางผาเป็นสัตว์จำพวกแพะแกะเช่นเดียวกับเลียงผา แต่มีขนาดเล็กกว่า
ความสูงที่ไหล่ 50 - 70 ซ.ม.
หนักประมาณ 22 - 32 ก.ก.
ขนบนลำตัวสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลปนเทา มีแนวสีดำตามสันหลงไปจนจดหาง
ด้านใต้ท้องสีจางกว่าด้านหลัง หางสั้นสีดำ
เขาสีดำมีลักษณะเป็นวงแหวนรอบโคนเขา และปลายเรียวโค้งไปทางด้านหลัง
มีขาที่แข็งแรง สามารถกระโดดตามชะง่อนผาได้อย่างว่องไว
พบตามยอดเขาสูงชันจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,000 เมตร
ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดปี อาหารได้แก่ พืชตามสันเขาและหน้าผาหิน
ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนาน 6 - 8 เดือน มีอายุประมาณ 8 - 10 ปี
สถานภาพ : กวางผาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน 15 ชนิดของประเทศไทยและอนุสัญญา CITES จัดไว้ใน Appendix I
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์ : เนื่องจากการบุกรุกถางป่าที่ทำไร่เลื่อนลอยของชาวเขาในระยะเริ่มแรกและชาวบ้านในระยะหลัง ทำให้ที่อาศัยของกวางผาลดน้อยลง เหลืออยู่เพียงตามยอดเขาที่สูงชัน ประกอบกับการล่ากวางผาเพื่อเอาน้ำมันมาใช้ในการสมานกระดูกที่หักเช่นเดียวกับเลียงผา จำนวนกวางผาในธรรมชาติจึงลดลงเหลืออยู่น้อยมาก
|
เลียงผา เป็นสัตว์กีบคู่มีเขาจำพวกแพะ
ความสูงที่ไหล่ 85 - 94 ซ.ม.
หนักประมาณ 85 - 140 ก.ก.
ขายาวและแข็งแรง ใบหูยาวคล้ายใบหูลา ขนตามลำตัวค่อนข้างยาว หยาบและมีสีดำ ด้านท้องขนสีจางกว่า มีขนเป็นแผงยาวบนสันคอและสันหลัง มีเขาทั้งในตัวผู้และตัวเมีย เขามีลักษณะตอนโคนกลม หยักเป็นวงแหวนโดยรอบค่อยๆเรียวไปทางปลายเขาโค้งไปทางด้านหลังเล็กน้อย
อาศัยอยู่ตามภูเขาที่มีหน้าผา หรือถ้ำตื้น ว่องไวและปราดเปรียวมาก สามารถว่ายน้ำข้ามระหว่างเกาะ และแผ่นดินได้ มีประสาทตา หู และรับกลิ่นได้ดีมาก
ชอบกินพืชต่างๆ ออ กลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนาน 7 - 8 เดือน
สถานภาพ : เลียงผาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน 15 ชนิดของประเทศไทย และอนุสัญญา CITES จัดเรียงผาไว้ใน Appendix I
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์ : ในระยะหลังเลียงผามีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากการล่าอย่างหนักเพื่อเอาเขา กระดูก และน้ำมันมาใช้ทำยาสมานกระดูก และพื้นที่หากินของเลียงผาลดลงอย่างรวดเร็วจากการทำการเกษตรตามลาดเขา และบนพื้นที่ที่ไม่ชันจนเกินไป
|
สมเสร็จ (Tapirus indicus ) สมเสร็จเป็นสัตว์กีบคี่ เท้าหน้ามี 4 เล็บ และเท้าหลังมี 3 เล็บ จมูกและริมฝีปากบนยื่นออกมาคล้ายงวง ตามีขนาดเล็ก ใบหูรูปไข่ หางสั้น
น้ำหนัก 250-300 กิโลกรัม
ส่วนหัวและลำตัวเป็นสีขาวสลับดำ ตั้งแต่ปลายจมูกตลอดท่อนหัวจนถึงลำตัวบริเวณระดับหลังของขาคู่หน้ามีสีดำ ท่อนกลางตัวเป็นแผ่นขาว ส่วนบริเวณโคนหางลงไปตลอดขาคู่หลังจะเป็นสีดำ ขอบปลายหูและริมฝีปากขาว ลูกสมเสร็จลำตัวมีลายเป็นแถบ ดูลายพร้อยคล้ายลูกแตงไทย
มีประสาทสัมผัสทางกลิ่นและเสียงดีมาก ชอบออกหากินในเวลากลางคืน
มักมุดหากินตามที่รกทึบ ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนาน 13 เดือน
สถานภาพ : ปัจจุบันสมเสร็จจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน 15 ชนิดของประเทศไทย และจัดโดยอนุสัญญา CITES ไว้ใน Appendix I และจัดเป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ตาม U.S. Endanger Species Act.
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์ : การล่าสมเสร็จเพื่อเอาหนังและเนื้อ การทำลายป่าดงดิบที่อยู่อาศัยและหากิน โดยการตัดไม้ การสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำและถนน ทำให้จำนวนสมเสร็จลดปริมาณลงจนหาได้ยาก
|
สมันหรือเนื้อสมัน (Cervus schomburki) : เป็นกวางขนาดกลาง และได้ชื่อว่ามีเขาสวยงามที่สุดในประเทศไทย
ความสูงที่ไหล่ 1 เมตร
สีขนบนลำตัวมีสีน้ำตาลเข้มและเรียบเป็นมัน หางค่อนข้างสั้นและมีสีขางทางตอนล่างสมันมีเขาเฉพาะตัวผู้ลักษณะเขาของสมันมีขนาดใหญ่และแตกกิ่งก้านออกหลายแขนง
การแตกแขนงของเขา แขนงทั้ง 2 จะทำมุมแยกออกไปเท่ากับลำกิ่งเดิม คล้ายสุ่ม ชาวบ้านจึงเรียกว่า "กวางเขาสุ่ม" ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก ๆ
และอยู่เฉพาะในทุ่งโล่ง ไม่อยู่ตามป่าทึบ เพราะเขาจะเกี่ยวพันเถาวัลย์ได้ง่าย ชอบกินยอดหญ้าอ่อน ผลไม้และใบไม้
สถานภาพ : สมันได้สูญพันธุ์ไปจากโลกและจากประเทศไทยเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว สมันยังจัดเป็นป่าสงวนชนิดหนึ่งใน 15 ชนิดของประเทศไทยโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมซาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาของสมันไม่ให้มีการส่งออกนอกราชอาณาจักร
สาเหตุของการสูญพันธุ์ : เนื่องจากแหล่งที่อยู่อาศัยได้ถูกเปลี่ยนเป็นนาข้าวเกือบทั้งหมด และสมันที่เหลืออยู่ตามที่ห่างไกลจะถูกล่าอย่างหนักในฤดูน้ำหลากท่วมท้องทุ่ง ในเวลานั้นสมันจะหนีน้ำขึ้นไปอยู่รวมกันบนที่ดอนทำให้พวกพรานล้อมไล่ฆ่าอย่างง่ายดาย
|