
"
นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ "
พิมพ์เมื่อ
พ.ศ. 2536 ทรงแปลจากหนังสือเรื่อง A Man
Called Intrepid ของ William Stevenson
หนังสือเรื่อง
" นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ "
นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงใช้เวลาว่างวันละเล็กละน้อยแปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษเรื่อง
" A MAN CALLED INTREPID "ของ WILLIAM STEVENSON
เป็นเวลาประมาณ 3 ปี
จึงจบบริบูรณ์
เนื่องในวโรกาสที่ทรงจำเริญพระชนมายุ
66 พรรษา ณ วันที่ 5 ธันวาคม
พุทธศักราช 2536
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้บริษัทอมรินทร์พรินติ้ง
แอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายเพื่อหารายได้สมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา
" ติโต
"
พิมพ์เมื่อ
พ.ศ.2537 จาก Tito ของ Phyllis Auty
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแปล
เรื่อง " ติโต " จากต้นฉบับ
เรื่อง "Tito" ของ Phyllis Auty เมื่อปี พ.ศ.
2519
เพื่อให้ข้าราชบริพารได้ทราบถึงบุคคลที่น่าสนใจคนหนึ่งของโลก
" ติโต
"
เป็นผู้ทำให้ประเทศยูโกสลาเวีย
ซึ่งประกอบด้วยชนชาติที่แตกต่างกันทั้งด้านเชื้อชาติ
ศาสนา วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์
ให้กลับมารวมกันเป็นปึกแผ่นในยามวิกฤติ
สามารถรักษาความอุดมสมบูรณ์
และเพิ่มพูนความเจริญของประเทศตลอดชีวิตของเขา
"
พระมหาชนก "
ฉบับปกแข็ง
พิมพ์เมื่อ มิถุนายน พ.ศ.2539
ฉบับปกอ่อน ราคา 250 บาท พิมพ์เมื่อ
มกราคม พ.ศ.2540
เมื่อ พ.ศ. 2520
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสดับพระธรรมเทศนาของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์
(วิน ธม.มสาโร มหาเถร)
วัดราชผาติการาม
เรื่องพระมหาชนกเสด็จทอดพระเนตรพระราชอุทยานในกรุงมิถิลา
เรื่องมีใจความว่า
ที่ทางเข้าสวนหลวงมีต้นมะม่วงสองต้น
ต้นหนึ่งมีผล
อีกต้นหนึ่งไม่มีผล
ทรงลิ้มรสมะม่วงอันโอชา
แล้วเสด็จเยี่ยมอุทยาน
เมื่อเสด็จกลับออกจากสวนหลวง
ทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงที่มีผลรสดีถูกข้าราชบริพารดึงทึ้งจนโค่นลง
ส่วนต้นที่ไม่มีลูกก็ยังคงตั้งตระหง่าน
แสดงว่าสิ่งใดดี
มีคุณภาพจะเป็นเป้าหมายของการยื้อแย่งและจะเป็นอันตรายในท่ามกลางผู้ขาดปัญญา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัย
จึงทรงค้นเรื่องพระมหาชนกในพระไตรปิฎก
(พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก
เล่มที่ 4 ภาคที่ 2 )
และทรงแปลเป็นภาษาอังกฤษตรงจากมหาชนกชาดก
ตั้งแต่ต้นเรื่อง
โดยทรงดัดแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
ส่วนหนึ่งจาก
พระราชปรารภในการพิมพ์ครั้งแรก
หนังสือพระมหาชนกฉบับนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแปลจากพระไตรปิฎกเป็นภาษาอังกฤษ
นอกจากนี้
ยังทรงแปลเป็นภาษาสันสกฤตประกอบอีกภาษา
รวมทั้งแผนที่ฝีพระหัตถ์
แสดงสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเมืองโบราณบางแห่งและข้อมูลอุตุนิยมวิทยาเกี่ยวกับทิศทางลม
กับกำหนดวันเดินทะเลตลอดจนจุดอัปปางของเรืออับโชค
ทรงคาดคะเนโดยอาศัยข้อมูลทางโหราศาสตร์
แสดงถึงพระปรีชาในด้านอักษรศาสตร์
ภูมิศาสตร์และโหราศาสตร์ไทย
เมื่อหนังสือพระมหาชนกฉบับปกแข็งได้รับความนิยม
ทรงเล็งเห็นว่า
ฉบับปกแข็งมีราคาแพง
จึงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้พิมพ์พระมหาชนกฉบับปกอ่อน
ในราคาย่อมเยา
เพื่อให้ประชาชนทั่วไปมีโอกาสได้อ่านทั่วหน้ากัน
แก่นแท้ของพระราชนิพนธ์พระมหาชนกได้แก่เรื่องความเพียร
อันจะเห็นได้จากพระราชปรารภตอนหนึ่งที่ว่า
ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์
ปัญญาที่เฉียบแหลม
กำลังกายที่สมบูรณ์
รายชื่อ
จิตรกรที่วาดภาพประกอบพระราชนิพนธ์
ปัญญา
วิจินธนสาร,เนติกรชินโย,จินตนา
เปี่ยมศิริ,เฉลิมชัย
โฆษิตพิพัฒน์,ประหยัด
พงษ์ดำ,พิชัย
นิรันดร์,ธีระวัฒน์
คะนะมะ,ปรีชาเถาทอง,นนทิวรรธน์
จันทนะผะลิน,พิษณุ ศุภนิมิตร
"
พระมหาชนก "
ฉบับการ์ตูน
พิมพ์เมื่อ พ.ศ.2542 ราคา 35 บาท

ในโอกาสเฉลิมฉลองกาญจนาภิเษกแห่งรัชกาล
(พ.ศ.2539) พระราชนิพนธ์ เรื่อง
พระมหาชนกก็ออกถึงมือผู้อ่าน
และเป็นที่ชื่นชมโดยทั่วไป
แต่หนังสือพระราชนิพนธ์นี้ก็ยังอ่านค่อนข้างยาก
ด้วยความซับซ้อนของข้อความและของภาพ
ทำให้มีการวิจารณ์และตีความกันในทางต่างๆ
นานา
ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ
6 รอบ (พ.ศ.2542)
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พิมพ์
พระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก
ฉบับการ์ตูน โดยโปรดเกล้าฯ
ให้ศิลปินผู้ชำนาญการที่สุดเป็นผู้วาดรูป
และโปรดฯ ให้พิมพ์ด้วยกระดาษไทย
เพื่อความประหยัด
และทุกคนมีโอกาสได้อ่าน
ปรากฏว่า
เด็กอายุเก้าขวบพูดออกมาว่าอย่างนี้อ่านรู้เรื่อง
และผู้ใหญ่วัยเจ็ดสิบปีก็อุทานออกมาว่าอ่านสบายไม่ต้องแบกหนังสือที่หนัก
นอกจากนี้ราคานับว่าย่อมเยา
พระราชนิพนธ์เรื่อง
พระมหาชนกก็จะช่วยให้ทุกคนสามารถพิจารณาแนวดำเนินชีวิตที่เป็นมงคล
ส่วนหนึ่งจากพระราชปรารภ
พระมหาชนกฉบับการ์ตูน
พระมหาชนกฉบับการ์ตูนนี้
ีผู้เขียนการ์ตูนประกอบ ได้แก่
ชัย ราชวัตร ซึ่งจะเห็นได้ว่า
ทรงมีพระราชดำริในการให้ใช้ลายเส้นแบบไทยๆ
แทนที่จะใช้ลายเส้นแบบการ์ตูนญี่ปุนซึ่งเป็นที่นิยม
แสดงถึงพระราชดำริที่ทรงภาคภูมิใจในความเป็นไทย
เช่นเดียวกันกับเมื่อทรงพระราชทานพระราชดำรัสแก่ข้าราชการและพสกนิกร
ในวโรกาสต่าง ๆ เมื่อเสด็จกลับ
ก็ทรงใช้รถยนต์ โตโยต้า โซลูน่า
ซึ่งผลิตในประเทศไทย
แทนรถยนต์ยุโรปยี่ห้ออื่น ๆ
สมควรที่ข้าชบริพารและพสกนิกรควรถือเป็นแบบอย่าง
 |
|
 |
|