>> >> J o k e C u p 2001 << << |
![]() |
สารพระราชทานพรปีใหม่ 2544 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระที่จะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ ท่านทุกๆ คน ทั้งขอขอบใจท่านเป็นอย่างมาก ที่มีไมตรีจิตร่วมมือสนับสนุนข้าพเจ้าในภาระทั้งปวงด้วยดีตลอดมา ในรอบปีที่ผ่านไป มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น ในบ้านเมืองเรา ที่สำคัญควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษ ก็คือการที่นักกีฬาของเรา ได้เหรียญทองและเหรียญทองแดง ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ตกถึงปลายปี ก็มีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดใจ คือเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ที่ภาคใต้ เป็นผลให้ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ต้องสูญเสียไปมิใช่น้อย แต่ภัยพิบัติครั้งนี้ ก็ทำให้ได้เห็นน้ำใจ และความสามัคคีของคนไทยอย่างเด่นชัดอีกครั้งหนึ่ง เราต่างพร้อมใจและเต็มใจช่วยเหลือกันและกันทันที โดยเต็มกำลังและเสียสละ ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี ถึงความสามัคคีและความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน ที่ยังมีบริบูรณ์อยู่ในจิตใจของคนไทย ทำให้มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าประเทศของเรา จะประสบกับปัญหา หรือภาวะอันไม่ปกติใดๆ คนไทยเราจะหันหน้าเข้าหากัน และร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติแก้ไข ให้ผ่านพ้นปัญหาหรือภาวการณ์ นั้นๆไปได้อย่างแน่นอน ในปีใหม่นี้ ขอให้ท่านทั้งหลาย จงรักษาความสามัคคีและจิตใจอันดีนี้ไว้ให้มั่นคง แล้วพยายามเร่งรัดปฏิบัติสรรพกิจการงาน ให้ประสานสอดคล้องและเกื้อกูลกัน ด้วยความสุจริตบริสุทธิ์ใจ และด้วยความไม่ประมาท โดยยึดเอาประเทศชาติและประโยชน์ของส่วนรวม เป็นจุดหมายสูงสุด ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวไทยเคารพบูชา จงอภิบาลรักษาท่านทุกคน ให้ปราศจากทุกข์ปราศจากภัยทุกเมื่อทุกสถาน บันดาลให้มีกำลังกาย กำลังใจ กำลังปัญญา ที่จะประกอบกรณียกิจน้อยใหญ่ให้บรรลุผลเลิศทุกๆ ด้าน เพื่อยังความเจริญวัฒนา ให้เกิดแก่ประเทศชาติไทย ขอให้มีความสุขกาย สุขใจ และประสบแต่สิ่งพึงปรารถนา ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน |
|
ขอจงมีความสุขความเจริญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง
ด้านบนมีคำว่า
ส.ค.ส. สวัสดีปีใหม่ พ.ศ.2544 และมีคำภาษาอังกฤษว่า บรรทัดต่อมามีข้อความว่า
วันที่ 1 มกราคม ถือกันว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ วันนี้เป็นวาระ
ที่จะทบทวนหาบทเรียนของอดีต และเตรียมฟันฝ่าปัญหาของอนาคต ถัดมามีข้อความภาษาอังกฤษว่า สำหรับรูปนกกระยาง
2 ตัวที่ปรากฏใน ส.ค.ส. ดังกล่าว |
![]() |
คดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายก-รัฐมนตรี ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองครั้งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะในยามที่ประเทศไทยประสบภาวะวิกฤติขาดผู้นำ มีแค่เพียง พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นที่เป็นทางเลือกใหม่ และยังได้รับความไว้วางใจมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่ชีวิตทางการเมืองต้องมาเจออุปสรรคนี้ เริ่มต้นจาก ป.ป.ช. รับหนังสือร้องเรียนจาก ร.ต.เสงี่ยม บุษบาบัน เลขาธิการสถาบันการศึกษาทางสังคมวิทยา การเมืองและกฎหมาย ให้ ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ในช่วงที่เข้า ดำรงตำแหน่งและออกจากตำแหน่งรองนายกฯ จนกระทั่งวันที่ 26 ธ.ค. 2543 ป.ป.ช.มีมติ 8 ต่อ 1 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ มีความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 295 และส่งคำร้องให้ศาล รัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดในวันที่ 16 ม.ค. 2544 ระหว่างการพิจารณาคดี เกิดแรงกดดันศาลรัฐธรรมนูญอย่างมาก ทั้งการปล่อยข่าวรับสินบน การปลุกม็อบกดดัน จนถึงการล็อบบี้ตุลาการชนิดเช้าถึงเย็นถึง ในขณะที่บรรยากาศทางการเมืองทวีความอึมครึม ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่ง วันที่ 18 มิ.ย. พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาแถลงปิดคดีด้วยวลีสุดเฉียบ เปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เป็นความ บกพร่องโดยสุจริต ท่ามกลางประชาชนนับพันคนที่แห่มาปิดถนนหน้าศาลเพื่อให้กำลังใจ ในที่สุด วันที่ 3 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 7 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความผิดตาม รัฐธรรมนูญ จนมีเสียวิพากษ์ วิจารณ์ตามมามากมาย คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับก้อนอิฐไปเต็มๆ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณกลายเป็นนายกฯที่ยิ่งใหญ่.
|