>>>ในเสี้ยวคำนึง<<< "วัฏจักรแห่งนิรันดร์" บทที่สาม

ยานยังคงพุ่งตรงต่อไปด้วยความเร็วสูง   เสียงดังรอบ
ข้างนั้นเริ่มลดลงไปมากแล้ว  นับตั้งแต่สนามพลังแม่เหล็กไฟฟ้า
ถูกเพิ่มขึ้นจนเต็มพิกัด   ...วารินทร์เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
ของสิ่งที่เกิดขึ้น   ...ด้วยความเร็วจุดสามแอลดีที่ยานกำลังพุ่ง
ทะยานไปข้างหน้า    ยานน่าจะใช้เวลาเพียงไม่เกินวินาที  หรือ
อย่างมากก็ไม่ควรเกินสองสามวินาทีเพื่อทะลุผ่านกลุ่มอุกกาบาต...

...อะไรที่ผิดปกติ...

"...กัปตันพอจะตรวจสอบได้หรือไม่ว่าสภาพรอบข้างของยาน
เป็นอย่างไรบ้าง..." วารินทร์ถามออกไป

กัปตันรายงานกลับมาในระบบสื่อสาร
"...ระบบตัวตรวจจับข้อมูลไม่สามารถส่งยื่นออกไปนอกบริเวณสนาม
พลังแม่เหล็กไฟฟ้าได้  เพราะอาจจะเสียหาย    ในขณะเดียวกัน
ก็ไม่สามารถวัดจากหลังม่านพลังแม่เหล็กไฟฟ้าในระดับความ
เข้มขนาดนี้ได้เช่นกัน..."

"...เราไม่อาจจะเสี่ยงส่งตัวตรวจจับข้อมูลออกไปนอกสนามพลัง
ในสภาพเช่นนี้ได้..." กับตันสรุป

รองกับตันกล่าวเสริมขึ้นมาอีกจากข้อมูลบางอย่างที่อยู่บนจอภาพ
ด้านหน้า
"...จากข้อมูลที่เราได้รับจากตัวตรวจจับที่ขณะนี้อยู่หลังม่านพลัง
ไฟฟ้าแม่เหล็ก    พบว่ารอบข้างของเรามีเทหวัตถุฟากฟ้าอยู่จำนวน
มาก   แต่ในแนวด้านข้างพบว่ามีจำนวนน้อยกว่าในระดับหนึ่ง..."

...มันต้องใช่แน่ๆ...

"...ผมมีความเห็นบางอย่าง..." วารินทร์หยุดเล็กน้อย
"...ผมเชื่อว่าตอนนี้เรากำลังเคลื่อนที่อยู่ในทิศทางเดียวกันกับ
กลุ่มอุกกาบาต  หรือดาวหางขนาดใหญ่   และเราโชคร้ายที่กำลัง
บินอยู่ในใจกลางของมัน  และความเร็วสัมพัทธ์ที่ใกล้เคียงกัน
ผมแนะนำให้เราเปลี่ยนทิศทางออกไปด้านข้าง   เพราะถ้าเราบิน
อยู่กลางกลุ่มอุกกาบาตในลักษณะดังกล่าวจริง     วิธีนี้จะเป็น
การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด..."

"...ยานอาจได้รับความเสียหาย   เพราะแรงกระทำกับตัวยานทาง
ด้านข้างจะมีมากกว่าในสภาวะปัจจุบันอย่างมาก   แต่ก็เป็นเรื่อง
ที่น่าเสี่ยงกว่าที่เราจะถูกถล่มอยู่ต่อไปอย่างนี้..."

เสียงของมารีนแทรกขึ้น

"...บางทีเราอาจจะใช้วิธีการร่นระยะทางในช่วงเวลาสั้นมากๆ   ระบบ
คอมพิวเตอร์น่าจะคำนวณให้ได้ภายในสองสามนาที   หรือเราอาจจะ
ประมาณข้อมูล..."

ยังไม่ทันที่มารีนจะพูดอะไรต่อไป   เสียงโครมครามที่เกิดขึ้นรอบตัว
นั้นก็พลันดังขึ้นเรื่อยๆ    ยานเริ่มโคลงและเหวี่ยงอย่างไร้การควบคุม
...แต่แล้วเสียงเหล่านั้นก็พลันหายไปอย่างสิ้นเชิง...

...ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน...

==============================================

...วารินทร์รู้สึกตื่นขึ้นจากที่นอนอันหนานุ่มของที่นอนในบ้านอันแสน
สุขของเขา   เขาเอนกายไปข้างๆ  และลุกขึ้นเดินไปยังหน้าต่างบานหนึ่ง
เปิดหน้าต่างมองออกไปข้างนอก...

...พระอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องแสงเข้ามาในห้องนอนอย่างเต็มที่
อากาศสดชื่นที่พัดโชยเข้ามา   ทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้น    จากหน้าต่าง
บ้านที่เขายืนอยู่     เขาสามารถมองเห็นบ้านอื่นๆ อีกหลายหลัง  ปลูก
เรียงรายลดหลั่นกันลงไปตามเนินเขา    บนยอดเนินเป็นทุ่งหญ้ากว้าง
ใหญ่    มีต้นไม้ปลูกเป็นแนวบนสันเนิน    เขาสามารถมองเห็นเพื่อนบ้าน
ของเขาบางคน   กำลังเดินออกกำลังกายยามเช้าอยู่บนทุ่งหญ้านั้น...

...เสียงหนึ่งที่เขาคุ้นเคยอย่างดี    ดังขึ้นจากภายในบ้าน...

"...วารินทร์คะ   ได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่ะ..."

...วารินทร์หันกลับ   เดินผ่านประตูห้องนอน    ลงบันใดไปชั้น
ล่างของตัวบ้าน    แสงแดดอันอบอุ่นส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง
ขนาดใหญ่ของห้องโถง      เขาเดินไปยังห้องอาหารซึ่งอยู่ถัดไป...

...มารีนอยู่ที่นั่น   พร้อมกับเด็กผู้หญิงน่ารักน่าชังอีกสองคน...

"...หนูน่ารักจังเลยนะ..."  วารินทร์อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหาเด็ก
น้อยสองคนนั้น

"...ตาเหมือนมารีน   สวยจริงๆ..."  เขาชมอย่างจริงใจ

"...ถ้าตาไม่เหมือนมารีน  แล้วจะให้เหมือนใครล่ะคะ  วารินทร์..."
มารีนเดินเข้ามาหาเขา   ผมยาวสวยถูกรวบเอาไว้ทางด้านหลัง
...ดูๆ  ไปแล้ว   มารีนเข้ากันได้ดีกับผมยาว   และผ้ากันเปื้อน
ที่มารีนสวมอยู่นั้นเสียจริงๆ...

"...เดี๋ยวๆ  คุณกำลังจะบอกว่า..."  วารินทร์รู้สึกงุนงงต่อสิ่งต่างๆ
ที่อยู่ตรงหน้า

"...เมื่อวานงานยุ่งมากน่ะสิคะ   เห็นกลับมาดึกเชียว   นี่ใข้ขึ้นรึเปล่า
ล่ะเนี่ย  ถึงจำมาเรียกับแคธีไม่ได้นี่..."

...มารีนหันไปทางเด็กหญิงสองคนนั้น...

"...ดูสิจ๊ะ   แด็ดดี้ทำงานหนักจนลืมคนในบ้านไปหมดแล้ว..."

...อะไรกันเนี่ย     เขามีลูกสาวน่ารักถึงสองคนแล้วรึ   แล้วมารีน
ก็มาเป็นแม่บ้านแม่ศรีเรือนให้เขาเสียแล้วหรือ...

"...เอ่อ..." วารินทร์ตะกุกตะกัก   พลางนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งข้าง
โต๊ะอาหาร

"...สงสัยแด็ดดี้จะทำงานหนักไปจริงๆ   หึๆ  ของขวัญวันเกิด
เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ   ชอบกันบ้างมั้ย..."  ...เขาสุ่มเรื่องราวพูด
ออกไป...

...แต่ดูราวกับว่าเรื่องที่ถูกสุ่มออกไปนั้น    เข้าตรงล็อคพอดี...

"...ชอบมากค่ะ  แด็ดดี้..."  เด็กหญิงคนทางซ้ายตอบ   พลาง
หยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม

"...มามี้ชอบเอาของหนูไปอยู่เรื่อยเลย    ของมามี้เองก็มี..."
อีกคนหนึ่งพูดขึ้นบ้าง

"...คืนนี้อากาศคงจะดีอีกคืน   คุณกลับมาเร็วๆ หน่อย  มาส่อง
กล้องดูดาวกันทั้งครอบครัวดีมั้ยคะ..."  มารีนเอ่ยขึ้น    สอง
เด็กน้อยได้ยินก็ร้องขึ้นพร้อมกัน

"...แด็ดดี้ต้องมาสอนใช้กล้องดูดาวที่แด็ดดี้ให้เป็นของขวัญ
ให้หนูด้วยนะคะ..."
"...คืนนี้ดูดาวด้วยกันนะคะ..."

"...ได้จ๊ะ   มาเรียกะแคธีของแด็ดดี้..."

เขามองเด็กน้อยทั้งสอง    ซึ่งยิ้มกว้างตอบเขา    ...การมี
ครอบครัวช่างน่าอบอุ่นเสียจริง...   เขาละสายตามามองตาม
มารีน   ซึ่งเดินกลับเข้าไปในครัว   และกลับออกมาพร้อมกับ
หม้อใบใหญ่

"...เอ่อ...  อาหารเช้าผมขอเป็นไข่ดาวกับแฮมก็พอจ๊ะ..."
วารินทร์มองไปยังหม้อใบนั้นที่อยู่ในมือของมารีน

"...อ้าว...   เห็นคุณต้องการเนื้อวัวตุ๋นเป็นอาหารเช้าไม่ใช่รึคะ
คุณบอกมารีนให้ทำตั้งแต่เมื่อเช้าวานนี้  มารีนก็อุตส่าห์..."

วารินทร์รีบชิงพูดขึ้น    ก่อนที่เสียงน้อยใจของมารีนจะเพิ่มขึ้น
ไปมากกว่านี้
 
"...เปล่าๆ  จ้ะ   พอดีวันนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ   ...ก็คุณเอง
ยังทักผมเลยไม่ใช่รึว่า   ผมลืมแม้กระทั่งลูกสาวน่ารักของเรา..."

วารินทร์รีบรับหม้อใบนั้นมาจากมารีน  วางลงตรงหน้า

"...มารีนทำมาแล้ว    ผมขอทานล่ะครับ..."

เขามองลงไปในหม้อ   แล้วก็สะดุ้งลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง    เก้าอี้
ที่เขานั่งกระเด็นออกไปทางด้านหลัง    เขาจ้องมองอย่างตกตะลึง

"...นี่  นี่  อะไรกันนี่..."   วารินทร์เค้นเสียงออกมาได้แค่นั้น

"...พ่อจ๋า...    ...พ่อจ๋า...    ...พ่ออย่ากินหนู..."

เสียงนั้นครวญครางออกมาจากในหม้อ   เขามองเห็นหัวของลูกวัว
ตัวหนึ่ง   ตั้งอยู่กลางหม้อ   ท่ามกลางน้ำซุบสีแดงข้นที่กำลังเดือดปุดๆ
ปากที่กำลังร้องขยับ    มีไอควันกรุ่นปะปนออกมาด้วย   น้ำตาไหล
พรากออกจากตาของลูกวัว    แววตาร้องขอวิงวอน   ตรึงร่างกาย
ของเขาให้นิ่งอยู่กับที่   ...ดวงตาคู่นั้น    ช่างเหมือนดวงตา  ที่เขา
คุ้นเคย    ยามส่องในกระจกเสียเหลือเกิน...

...แล้วเขาก็ร้องออกมาจนได้.....

"....อ้า...า....า....า....า....า....ก..."

============================================
 

"...ทุกระบบเป็นปกติ    ระบบอัตโนมัติฉุกเฉินทำงานอย่างเรียบร้อย..."
เสียงสังเคราะห์นั้นกำลังรายงานถึงสภาพของยาน

วารินทร์พยายามมองไปรอบๆ   แต่ก็รู้สึกเกะกะหมวกอวกาศที่กำลังสวมอยู่
...ทุกอย่างดูเรียบร้อย   ข้อมูลบนจอแสดงผลพิเศษในหมวกของเขา
  ซึ่งถูกสร้างเป็นส่วนเดียวกันกับกระจกด้านหน้าของหมวก    แสดง
ข้อมูลบรรยากาศภายนอกหมวก  มีความดันเท่ากับภายในหมวก
...อากาศในยานยังคงอยู่ตามปกติ...

วารินทร์กดปุ่มปลดหมวกออก   หมวกถูกถอดออกมา     อย่างไม่ได้
ระมัดระวัง   หมวกลอยหลุดจากมือของเขาไปทางด้านบนของยาน  เขา
รีบคว้ามันไว้ก่อนที่จะลอยไปกระทบกับเพดาน  และอาจจะลอยไปกระทบ
อุปกรณ์อื่นๆอีก...  ...ระบบฉุกเฉินไม่ได้เปิดให้แรงโน้มถ่วงเทียมทำงาน...

ทุกคนยังคงนิ่งสงบอยู่ในที่นั่ง   เขามองผ่านกระจกหมวกนักบินอวกาศ
ของมารีน    ดวงตาคู่นั้นปิดสนิท...

...วารินทร์คงเป็นคนแรกที่เพิ่งตื่นขึ้นจากฝัน...

...ความฝันที่เริ่มต้นอย่างสวยสดงดงาม   และลงท้ายกลายเป็นฝันร้าย
อันน่าสยดสยอง...

วารินทร์ถือหมวกของเขาไว้ด้วยมือหนึ่ง   เขาเอื้อมมือที่เหลืออยู่
สะกิดมารีนเบาๆ

"...มารีน...  ...มารีน..."
...นึกขึ้นได้ว่า   มารีนคงไม่ได้ยินเสียงของเขาแน่ๆ  เพราะเขาไม่ได้พูด
ผ่านไมโครโฟนในหมวก...

วารินทร์พยายามใช้มือข้างนั้น  กดปุ่มปลดหมวก   และรีบจับขอบหมวก
เลื่อนออกอย่างช้าๆ

เขาใช้ด้านบนของหมวกดันร่างมารีนไปมา   พลางปลุกมารีน

"...มารีน... ...มารีน..."

...มารีนยังคงไม่ได้สติ...

วารินทร์พยายามประคองหมวกนักบินอวกาศทั้งสองเอาไว้ด้วยมือเดียว
ใช้มือที่เหลือกดปุ่มปลดล็อคจากที่นั่ง     ร่างของวารินทร์ลอยขึ้นอย่างช้าๆ
เหนือที่นั่ง

เขาพยายามวางหมวกทั้งสองลงไปบนที่นั่ง    หมวกใบหนึ่งถูกตรึงติดกับที่นั่ง
ด้วยระบบล็อก      แต่หมวกอีกใบหนึ่งที่เหลืออยู่   เขายังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

เขาถือหมวกใบที่เหลืออยู่นั้น   ไว้ในมือซ้าย  และใช้มือขวาจับพนัก
ที่นั่งแถวหน้า  ซึ่งเป็นที่นั่งของรองกัปตัน    ตัวของเขาค่อยๆ ลอยข้าม
หัวรองกัปตันไปอยู่เหนือแผงควบคุม   เขามองกลับมายังลูกเรือทั้งหมด
อีกครั้ง

ทั้งกัปตัน  รองกัปตัน  และลูกเรือที่เหลืออยู่คนอื่นๆ กำลังหลับสนิท...

==============================================

...นี่มันยังคงเป็นความฝันอยู่อีกรึเปล่านะ... วารินทร์คิดกับตัวเอง
แล้วเมื่อสักครู่นี้ที่ยานอยู่ท่ามกลางกลุ่มอุกกาบาต   เป็นเรื่องจริงหรือ
เป็นความฝันที่ต่อเนื่องมาจากการร่นระยะทาง....

...รึว่า  เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น  นับตั้งแต่เขาเดินทางมากับยาน
อวกาศจะเป็นความฝันทั้งหมด...

...บางทีเขาอาจจะหลับไป   แล้วตื่นขึ้นมาในตอนเช้า    และพบ
กับมารีน   ส่วนเวลานี้เขาคงจะหลับไปด้วยพิษใข้ในเช้าวันนั้น...

...แต่ถ้าจะคิดให้เช้าวันนั้นเป็นเรื่องจริง  ไม่ใช่ความฝัน   เขาหวังว่า
เวลาที่เขาอยู่ในขณะนี้   เป็นความจริงจะดีเสียกว่า   ...เพราะเขา
คงจะกินอาหารมื้อเช้า  ที่มีหัวลูกวัวตุ๋นร้องเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้แน่ๆ...

...ในเมื่อทุกคนยังคงหลับกันอยู่   เขาควรจะทำอะไรเท่าที่จะทำได้
เพื่อช่วยสถานการณ์ในขณะนี้ดีกว่า...

วารินทร์หันตัวกลับอย่างช้าๆ   ตัวของเขาลอยอยู่เหนือร่างของ
รองกัปตัน   เขาใช้มือและขา   ค่อยๆ ดันกับพนักพิง  และผนังของ
ยาน    แผงควบคุมมาอยู่ตรงหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง

จอภาพ  ปุ่มควบคุม   และไฟสัญญาณมากมายตรงหน้า   ดูช่าง
วุ่นวายเสียยิ่งกว่ากลุ่มดาวที่เขาศึกษาเสียอีก  ...บางทีถ้าให้กัปตัน
หรือมารีนสอนใช้แผงควบคุมนี้เสียก่อนจะออกเดินทาง    ก็คงจะ
เป็นประโยชน์ในตอนนี้ไม่น้อยเลย...

เสียงสังเคราะห์รายงานดาวเคราะห์ที่อยู่ในวิถีการเดินทางของยานด้านหน้า

"...ดาวเคราะห์ด้านหน้า   สภาพบรรยากาศ   ไนโตรเจนเจ็ดสิบเปอร์เซนต์
ออกซิเจนยี่สิบเปอร์เซนต์  คาร์บอนไดออกไซต์เก้าเปอร์เซนต์  อุณหภูมิ
พื้นผิวคาดว่าประมาณสิบถึงหกสิบองศาเซลเซียส   ประเมินความกด
อากาศได้ประมาณศูนย์จุดแปดความดันบรรยากาศโลก..."

"...สภาพความเป็นพิษ  อยู่ในขอบเขตจำกัด   มีกัมมันตภาพรังสีจำนวณ
มากอยู่เป็นกลุ่ม   แต่มีบริเวณที่ปลอดภัยพอเพียง..."

"...สภาพอากาศทั่วไป   คาดว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิตประเภทสารประกอบ
คาร์บอนอยู่   หรืออย่างน้อย   สิ่งมีชีวิตประเภทสารประกอบ
คาร์บอนน่าจะมีชีวิตอยู่ได้..."

"...มีดาวฤกษ์หนึ่งดวงอยู่ห่างออกไปสี่ร้อยเจ็ดสิบเก้าแอลดี   ไม่มี
เทหวัตถุฟากฟ้าขนาดใหญ่ใดๆ  ประกอบเป็นวงโคจรย่อย  มีแต่เพียง
เทหวัตถุฟากฟ้าขนาดเล็กโคจรอยู่โดยรอบเป็นวงแหวน..."

เสียงสังเคราะห์บรรยายต่อไปเรื่อยๆ   ...ข้อมูลที่ยานกำลังแสดงออกมา
นั้น   ช่างคุ้นเคยในความรู้สึกของเขาในหลายๆ อย่างทีเดียว    ข้อมูล
ต่างๆ  เหมือนกับของดาวเอ็กซ์-1999 ที่เขาค้นพบนั่นเอง...

...รึบางที   ดาวเคราะห์ข้างหน้านี้คือดาวเอ็กซ์-1999...

ข้อมูลอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงตำแหน่งของดวงดาว   ตอนนี้ไม่ได้แสดงบนจอภาพ
แล้ว   กัปตันและรองกัปตันคงจะเลื่อนไป  หรือปิดไป   เพื่อเปิดข้อมูลอื่นๆ
ขึ้นมาดู   หรืออาจจะเกิดความขัดข้องขึ้นในระบบนำร่อง    วารินทร์เองก็สุด
จะคาดเดาได้    ...แต่ตอนนี้   เขาอยากจะเดินมากกว่าลอยไปลอยมาอย่างนี้...

...ปุ่มเปิดระบบแรงโน้มถ่วงเทียมอยู่ตรงไหนกันนะ...

วารินทร์พยายามไล่นิ้วไปเรื่อยๆ  บนแป้นควบคุม    ...บางทีปุ่มอาจจะอยู่ในรูป
ของสวิทช์สัมผัส หรือต้องแสดงภาพบางอย่างก่อน  แล้วเขาจึงจะสั่งงาน
ได้นะ...

"...เตรียมเข้าสู่วงโคจรส่งถ่ายเพื่อลงจอด..."

"...สิบ...เก้า...แปด...เจ็ด...หก..."

...นั่น  อยู่ตรงนั้น  พบแล้ว    เป็นปุ่มคำสั่งอยู่ริมสุดบนแป้นควบคุมของ
รองกับตันนั่นเอง    เขามัวหาแต่บริเวณของกัปตัน   จนลืมไปว่ารองกัปตัน
เป็นผู้รับคำสั่งเพื่อทำงาน    ดังนั้นปุ่มนั้นน่าจะอยู่ตรงส่วนควบคุมของรอง
กับตัน...

"...ห้า...สี่...สาม...สอง...หนึ่ง...เข้าวงโคจรส่งถ่าย..."

ยานอวกาศเกิดแรงหมุนเล็กน้อย     นิ้วที่กำลังจะกด   เลื่อนออกไปจากตำแหน่ง
เขาพยายามกดปุ่มอีกครั้ง  แต่ก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงสังเคราะห์รายงาน...

"...ระบบลงจอดฉุกเฉินปฏิบัติการ   ลูกเรือทุกคนเตรียมตัวลงจอดให้พร้อม..."

วารินทร์ยังจำได้ดีถึงสภาพที่เกิดขึ้นเวลายานทะยานขึ้นสู่ฟ้า    เวลาลงจอดคงไม่
แตกต่างกันสักเท่าไร...

วารินทร์รีบดึงตัวกลับมายังที่นั่งของเขา    มือขวาจับอยู่บนพนักที่นั่ง  มือซ้าย
ที่ถือหมวกเอื้อมไปยังมารีน   หมวกถูกสวมลงอย่างช้าๆ  จนกระทั่งสนิทกับศีรษะ
เขากดเบาๆ   หมวกติดสนิทกับชุด

"...เตรียมลงจอด   ยานเปลี่ยนมุมเพื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ..."

"...ระบบเบรคอากาศเริ่มทำงาน..."

วารินทร์ปลดหมวกออกจากที่นั่ง    ในขณะเดียวกันยานเกิดแรงเหวี่ยงขึ้นอีกครั้ง
หนึ่ง   เขาเริ่มรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
อุณหภูมิของยานก็ดู
จะสูงขึ้น   ตัวของเขาเริ่มลอยไปมาอย่างไร้ทิศทาง  เขาพยายามดึงตัวกลับมายังที่นั่ง
ด้วยมือเพียงข้างเดียว   แรงต้านของยานเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   ยานกำลังลดความ
เร็วเมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ...

...เหงื่อกาฬของวารินทร์เริ่มแตกพลั่ก     อาจจะเป็นเพราะความร้อน  แต่ที่แน่ๆ
...ถ้าเขาไม่ตรึงตัวเองกับเก้าอี้เดี๋ยวนี้   ตัวของเขาอาจจะลอยไปกระทบกับจอ
แสดงภาพและแผงควบคุมด้านหน้าเป็นแน่...

...ด้วยแรงเฮือกสุดท้าย  เขาดึงตัวมานั่งได้ในที่สุด...

ร่างของวารินทร์ถูกล็อกเข้ากับที่นั่ง   เขารีบสวมหมวกนักบินอวกาศเข้าที่ศีรษะ
ของตนเอง

"...ทรัสเตอร์เหวี่ยงยานกลับสองร้อยยี่สิบองศา..."
"...ระบบใบพัดหน่วงความเร็วทำงาน..."

วารินทร์รู้สึกได้ถึงแรงเหวี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง   หมวกของเขาหลุดออกจาก
ศีรษะ  กระแทกเข้ากับผนังของยานและกระเด็นออกไปทางด้านหลัง    เขามอง
กลับไปทางมารีน   หมวกของมารีนหลุดออกจากศรีษะมารีน   ตรงเข้าหาเขาด้วย
ความเร็วสูง...

...หมวกนั้นเฉี่ยวหัวของเขาไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด...

หมวกทั้งสองใบกลิ้งผ่านไปมารอบๆ ยาน  จนในที่สุดก็ตกลงไปติดอยู่ใต้
แผงควบคุมด้านหน้า   แต่หมวกใบหนึ่งก็หลุดออกมา  และกระทบเข้ากับศีรษะ
ของวารินทร์อย่างจัง...

...ความรู้สึกทั้งหลายของวารินทร์วูบลงไปสู่ความเงียบงันอีกครั้ง...

(จบบทที่สาม)

  
 คลิกที่นี่ เพื่ออ่านบทต่อไป

กลับไปสู่เมนูหลัก
  1