...หลับไปนานเท่าใดนะ ปริญญ์คิด... เขาลุกขึ้นจากที่นอนอันหนานุ่ม ลุกขึ้นบิดกายไปมา
ก่อนที่จะเดินไปยังอ่างล้างหน้า
ที่สร้างอยู่เป็นสัดเป็นส่วนอยู่ภายในห้องนอน
สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าขนหนู ทุกอย่างมีอยู่อย่างพรักพร้อม
จะเป็นยี่ห้ออะไรนั้น เขาไม่เคยสนใจเลยแม้แต่นิด ...และเขาเองก็
ไม่เคยรู้สึกที่จะสนใจมานานหลายปีแล้วเช่นกัน... ...รวมทั้งที่นอน เสื้อผ้า
ทุกอย่างมีผู้คอยมาทำความสะอาด เปลี่ยนผ้าปูที่นอน
ซักรีดเสื้อผ้า ทุกอย่างสมบูรณ์พูนสุขราวกับตัวเขาเป็นราชา ที่มีชีวิตวันๆ
หนึ่งด้วยการเสวยสุข...
...อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานเสร็จสิ้น ปริญญ์เดินเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ติดๆ
กัน เดี๋ยวนี้ระบบโฮมออฟฟิศกลายเป็นเรื่อง
ที่ทำให้ผู้คนไม่จำเป็นต้องออกไปไหนมาไหนอีกแล้ว และปริญญ์เองก็ไม่เคยได้พบกับผู้คนมานานหลายปีแล้ว
แม้แต่คนมาทำความสะอาดเอง
ก็จะเข้ามาทำความสะอาดในแต่ละห้องขณะที่ปริญญ์ไม่อยู่ ปริญญ์รู้เพียงแต่อุปกรณ์ต่างๆ
ถูกจัดเข้าอย่างเป็นระเบียบทุกครั้งที่ปริญญ์เข้าไปในแต่ละห้อง ผ้าปูที่นอนจะถูกจัดเป็นระเบียบ
ผ้าขนหนูใหม่มาแขวนแทนที่
ผ้าขนหนูเก่าทุกวัน สบู่ ยาสีฟัน ถูกนำมาแทนที่ของเก่าทุกครั้ง ยามที่มันพร่องลงไปจนเกือบหมด
...เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้สุขสบายจนปริญญ์
คิดอยู่ในใจว่า หากปริญญ์ไม่ต้องทำงาน ก็คงแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร...
เก้าอี้ยวบลงรองรับร่างของปริญญ์ เขาเปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้าแล้วเริ่มงานประจำวัน
ปริญญ์เป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัทหลัก
ทรัพย์แห่งหนึ่ง ข้อมูลต่างๆ ถูกส่งเข้ามาที่เครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านสายไฟของคอมพิวเตอร์
อินเตอร์เน็ตกลายเป็นของแถมฟรีจากบริษัท
ไฟฟ้า เมื่อยามที่ผู้ใดเชื่อมคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบไฟฟ้า เขาก็จะสามารถติดต่อกับอินเตอร์เน็ต
และติดต่อกับผู้อื่นทั่วโลกได้อย่างไม่
ยากเย็น ...ปริญญ์เองไม่เคยได้พบผู้คนที่ปริญญ์ติดต่อผ่านทางจอภาพเลย
แต่ทุกคนที่ปริญญ์พบทางอินเตอร์เน็ตนั้น ดูท่าทางมีความสุข และ
พึงพอใจกับการพบกับปริญญ์ทางอินเตอร์เน็ต และตัวปริญญ์เองก็พอใจที่จะพบพวกเขาทางอินเตอร์เน็ตด้วยเช่นกัน
การเดินทางออกไปพบแบบตัวต่อตัวไม่เคยมีอยู่ในความคิดของปริญญ์เลยแม้แต่น้อย...
เที่ยงแล้ว ปริญญ์ลุกขึ้นจากโต๊ะคอมพิวเตอร์ เดินไปยังห้องอาหารที่นั่น
อาหารถูกจัดวางไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ควันหอมกรุ่นเต็มไป
ทั่วทั้งห้อง ปริญญ์นั่งลงที่โต๊ะอาหาร หยิบรีโมตทีวีขึ้นเปิดดูข่าวในโทรทัศน์
ด้านหลังของโทรทัศน์เป็นผนังกระจกสีชา อันที่จริงแล้ว ทุกๆ ห้องที่ปริญญ์อยู่
ต่างมีผนังอย่างน้อยหนึ่งด้านเป็นกระจก ในใจของปริญญ์เองก็ชอบกระจกนี้ไม่น้อย
เพราะปริญญ์สามารถมองหน้าตนเองได้ ยามเมื่อเดินเข้าไปใกล้ และปริญญ์ก็คิดว่า
คงจะเป็นสถาปัตยกรรมของตึก
นี้ และตึกที่อยู่อาศัยอื่นๆ ที่ใช้กระจกเพื่อทำให้ห้องดูกว้างขึ้น และมีความงดงาม...
...และทุกๆ วันยามอาบน้ำ ปริญญ์มักจะใช้เวลา
อยู่นานสองนาน ส่องดูเรือนร่างอันปราศจากอาภรณ์ของตนเองในกระจกเป็นร่างที่ปริญญ์คุ้นเคย
และพอใจกับมัน...
...เวลาผ่านไปจนกระทั่งเย็น ปริญญ์ลุกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เดินกลับเข้าไปยังห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดเล่นกีฬา
และเข้าไปยังห้อง
ออกกำลังกายซึ่งสร้างเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ปริญญ์ชอบที่จะยกน้ำหนักพายเรือด้วยเครื่องพาย
และเครื่องวิ่ง อุณหภูมิในห้องนั้นดูจะสูง
กว่าห้องอื่นๆ อีกทั้งความชื้นสัมพัทธ์ก็สูงกว่า ปริญญ์ชอบที่จะให้เหงื่อที่หลั่งไหลออกมา
อาบไปทั่วร่าง ดูมีความสุขไม่น้อยกับการกระทำ
อย่างนั้น ซึ่งปริญญ์ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมปริญญ์จึงมีความรู้สึกเช่นนั้น
เพียงแต่มันเป็นความรู้สึกหนึ่ง ก็เท่านั้นเอง...
....ตกค่ำ หลังอาหารเย็น ปริญญ์จะออกไปยังระเบียงหน้าบ้าน สิ่งที่ปริญญ์ชอบทำมานาน
นับแต่ปริญญ์เป็นเด็ก นั่นก็คือการดูดาว ปริญญ์
จะใช้เวลาเป็นชั่วโมง ส่องกล้องดูดาว และบ่อยครั้งที่ปริญญ์พบดาวดวงใหม่ๆในท้องฟ้า
และปริญญ์จะถ่ายภาพด้วยกล้องที่ติดอยู่กับกล้อง และนำข้อมูลมาตีพิมพ์บนอินเตอร์เน็ต
...ปริญญ์นั้น นับได้ว่าเป็นนักดาราศาสตร์สมัครเล่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว...
...เที่ยงคืนมาถึง ปริญญ์ละสายตาจากกล้อง กลับมาที่ห้องนอน ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ ชำระร่างกาย และเปลี่ยนเป็นชุดนอน เพื่อที่จะล้มตัวลงนอนเป็นการสิ้นสุดของวันของปริญญ์ในวันนั้น...
...เช้าวันนี้ดูแปลกออกไป ปริญญ์รู้สึกปวดหัว และร่างกายดูมีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าวันก่อน
อันที่จริง ปริญญ์ก็รู้สึกอย่างนี้มาหลายวันแล้ว และ
ตัวปริญญ์เองก็ไม่ทราบเลยว่า เกิดจากสิ่งใด... ...สิ่งที่ปริญญ์จำได้ก่อนที่ปริญญ์จะมีอาการเช่นนี้ก็คือ
ในคืนหนึ่ง ปริญญ์เผลอทำกล้อง
ส่องดูดาวหล่นลงไปจากระเบียง เสียงกล้องดูดาวกระทบกับพื้นด้านล่างที่ดำมืดเป็นเสียง
...เพล้ง... ราวกับตัวกล้องหล่นลงไปกระทบกับ
หน้าต่างกระจกของชั้นล่าง ปริญญ์คิดว่าวันรุ่งขึ้น จะลองลงไปชั้นล่างผ่านทางประตูใหญ่ของบ้าน
...เป็นประตูที่ปริญญ์ไม่เคยได้ก้าวย่างผ่าน
ไปนานมากแล้ว... แต่ปริญญ์ก็ได้เพียงแต่คิด เพราะรุ่งเช้าวันถัดมาปริญญ์ก็เห็นกล้องดูดาวตัวใหม่
วางสงบนิ่งอยู่ที่นอกชาน สิ่งหนึ่งที่ปริญญ์
สังเกตได้จากกล้องดูดาวตัวใหม่ก็คือ ขาตั้งกล้องถูกยึดเอาไว้กับพื้นอย่างแข็งแรง
ความคิดที่เกิดขึ้นในสมองก็คือ ...ดีเหมือนกัน จะได้
ไม่ต้องเผลอเรอทำตกลงไปอีกครั้งหนึ่ง...
...ปริญญ์ทำงานในตอนเช้าไปได้เพียงครึ่งชั่วโมง ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะก็เพิ่มมากขึ้นจนสุดที่ปริญญ์จะทานทนได้
...ความรู้สึกราวกับหัว
จะแยกเป็นเสี่ยงๆ เหงื่อกาฬแตกพลั่กขึ้นทั้งร่างกาย ความรู้สึกสุดท้ายที่ปริญญ์มีอยู่ก็คือ
ปริญญ์ต้องการไปหาหมอ แต่เขาจะทำอย่างไรดี บางที
อาจจะมีใครเข้ามาพบปริญญ์ และนำปริญญ์ส่งโรงพยาบาล อย่างที่มีคนมาทำความสะอาด
และเตรียมอาหารให้ปริญญ์ทุกๆ วัน...
...ปริญญ์ฟุบหน้าลงกับแป้นคีย์บอร์ด เสียงร้องตี๊ดๆ ดังต่อเนื่องออกมาจากเรื่องคอมพิวเตอร์ บางทีหมอคงจะมาในไม่ช้ากระมัง...
...ในความรู้สึกอันเรือนราง ปริญญ์รู้สึกราวกับร่างของปริญญ์ นอนอยู่บนเตียงที่ราบ
และแข็งกว่าเตียงนอนของปริญญ์ สภาพรอบข้าง
ขาวโพลน มีมือมากมายจากรายรอบโผล่เข้ามาจากความขาวนั้น ทุกมือมีถุงมือสวมจนปริญญ์ไม่อาจจะเห็นได้ว่า
ผิวหนังด้านในถุงมือนั้นเป็น
อย่างไร... สายไฟ และสายต่างๆ ระโยงระยางจากร่างของปริญญ์ต่อออกไปยังช่องหนึ่งในสภาพอันขาวโพลนที่รายรอบนั้น
ด้านบนของปริญญ์เป็นจอภาพเล็กๆ ดูเด่นขึ้นมาจากสภาพขาวโพลน...
...ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นบนจอภาพ เป็นใบหน้าอีกอันหนึ่งที่ปริญญ์ไม่เคยคุ้นเคย
ดูแปลกออกไป ...รึบางทีอาจเป็นเพราะพิษไข้ที่กำลังรายล้อม
ตัวปริญญ์อยู่เป็นได้นะ...
...เสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ สอดคล้องกับการขยับของใบหน้านั้น ปริญญ์พยายามตั้งสติที่มีน้อยอยู่เต็มที ฟังเสียงนั้น...
"...เราได้พาคุณมาที่โรงพยาบาลแล้ว คุณเป็นไข้หวัด แต่อาการนั้นดูสาหัสกว่าที่พวกเราคิด..."
"...แต่ไม่ต้องห่วง ทีมของแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ และพยาบาลทุกคนในที่นี้จะคอยช่วยให้คุณดีขึ้น
ด้วยทุกวิถีทางที่พวกเราจะทำได้ ...เพราะคุณ
เป็นมนุษย์ที่มีค่ายิ่งของพวกเรา..."
...ปริญญ์รู้สึกสบายใจ ที่ทุกคนกำลังช่วยเหลือปริญญ์อย่างเต็มความสามารถแต่สิ่งหนึ่งที่ดูแปลกๆ
แต่ทำให้ปริญญ์รู้สึกสุขใจอย่างประหลาดก็คือ...ปริญญ์เป็นมนุษย์ที่มีค่ายิ่งของพวกเขา...
...ปริญญ์โด่งดังถึงขนาดนี้
เชียวหรือเนี่ย... ...คงเป็นเพราะผลการทำงาน ผลของการตอบกระทู้ในพันธ์ทิพย์ดอทคอม
หรือผลของการสำรวจดวงดาวและแกแล็คซี่ใหม่ๆ ของปริญญ์ในฐานะนักดาราศาสตร์สมัครเล่นกระมัง...
...ปริญญ์รู้สึกง่วง และนอนหลับไปอีกครั้งหนึ่ง...
...ความรู้สึกที่เรือนราง เริ่มจะแจ่มชัดขึ้นในสมอง...
...ปริญญ์ตื่นขึ้นมาในห้องนอนของตัวเอง ความรู้สึกอ่อนล้าจากพิษไข้ยังคงอยู่ ขอบตายังคงร้อนผ่าว แต่รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว...
...ปริญญ์ลุกขึ้น ล้างหน้าแปรงฟัน เหมือนกับกิจวัตรประจำวันที่เคยทำมา
ก่อนที่จะเดินออกไปที่ห้องอาหาร เพื่อรับประทาน
อาหารเช้า...
...อาหารวันนี้เปลี่ยนไปจากที่เคย ทุกอย่างมีรสจืดลง และราวกับจะละลายไปในทันทีเมื่อกระทบกับภายในปากของปริญญ์
ปริญญ์ลุกขึ้น เหลืออาหารไว้มากมายบนโต๊ะ ความรู้สึกอยากอาหารจนทานหมดนั้น
ไม่มีเหลือในวันนี้ ...คงเป็นเพราะพิษไข้
ที่ยังอยู่ในร่างกายกระมัง...
...ปริญญ์เดินไปยังห้องทำงาน จอภาพบนเครื่องแสดงให้ปริญญ์ทราบว่า วันนี้บริษัทอนุญาตให้ปริญญ์หยุดทำงานได้
จนกว่าปริญญ์
จะหายดี ...กิจวัตรยามเช้าถูกเปลี่ยนไปแล้ว ปริญญ์ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อฆ่าเวลายามเช้า
...ปริญญ์นั่งลงที่คอมพิวเตอร์
อย่างเคย แต่เปิดเว็ปไซต์พันธ์ทิพย์ดอทคอมขึ้นมาแทนที่...
...กระทู้ต่างๆ ในพันธ์ทิพย์ดอทคอมในวันนี้ ดูราวกับจะอุทิศให้กับปริญญ์ทั้งหมด
ทุกกระทู้พูดถึงเรื่องความเจ็บป่วยของปริญญ์ และ
กว่าครึ่งเขียนถึงปริญญ์ ถามถึงอาการป่วย รวมทั้งอวยพรให้ปริญญ์หายป่วยโดยไว...
ปริญญ์มองดูกระทู้เหล่านั้นด้วยความจนใจ ...
เพราะปริญญ์คงใช้เวลาทั้งวันนั่งตอบกระทู้เหล่านั้นไม่ได้แน่ๆ ...ที่สุดปริญญตัดสินใจที่จะเปิดกระทู้ใหม่ขึ้นมา
"...ขอบคุณเพื่อนๆ ในพันธ์ทิพย์ดอทคอมทุกท่านครับ ปริญญ์รู้สึกดีขึ้น
มากแล้ว ขอให้เพื่อนๆ สบายใจกับอาการป่วยของปริญญ์ได้ครับ ขอบคุณ
เพื่อนๆ อีกครั้งครับ..."
ปริญญ์กดส่งข้อความลงไป ก่อนที่จะลุกขึ้น เดินออกไปยังระเบียง
...แสงแดดฉายส่องเหมือนกับทุกวัน อากาศที่สดชื่นช่วยทำให้ปริญญ์รู้สึกดีขึ้นอีกมาก ปริญญ์มองไปรอบๆ หมู่อาคารเรียงรายไปตามถนน ปริญญ์เองกำลังยืนอยู่บนชั้นหนึ่งของอาคารหนึ่งในถนนนั้น ...ไม่น่าเชื่อเลยว่ายามค่ำคืนมาถึง ทุกๆ ตึกนั้นพากันปิดไฟมืดสนิท จนปริญญ์สามารถส่องดูดาวได้ในเวลาค่ำคืน ...แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน ก็ทำให้ความคิดสงสัยนั้นจางหายไปจากสมองในเวลาไม่นาน...
...ถนนด้านล่างมีการเคลื่อนไหวมากมาย รถราขวั่กไขว่ คนมากมายเดินอยู่ข้างล่าง
สังคมยังเดินต่อไปด้วยความวุ่นวาย ในขณะที่ปริญญ์
นั้น นานมาแล้วที่ยังไม่เคยออกไปข้างนอกด้วยตัวเองสักที บางทีถ้าปริญญ์หายจากอาการไข้เมื่อไร
ปริญญ์คงจะได้ออกไปเดินเล่นข้างล่าง
บ้าง...
...ปริญญ์กลับมายังห้องทำงาน และคอมพิวเตอร์คู่ใจตัวเก่า ปริญญ์กดปุ่ม
Reload ในเว็ปไซต์พันธ์ทิพย์ ...ข้อความของปริญญ์ถูกถึงขึ้นมา
บนสุด มีคำเขียนกำกับไว้ด้านข้างว่า ...กระทู้พิเศษ... และเมื่อปริญญ์เปิดเข้าไปอ่าน
มีข้อความมากมายตอบเข้ามา ให้กำลังใจต่อปริญญ์
อย่างมากมาย...
...หลังจากที่พยายามอ่านข้อความทั้งหมด ความรู้สึกวิงเวียนเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง
ปริญญ์พยายามใช้สติที่ค่อยๆ ถูกกัดกร่อน
เขียนตอบข้อความสั้นๆ ก่อนกดส่งข้อความ ...ปริญญ์เงยหน้าขึ้นจากจอภาพ
ขอบตาร้อนผ่าว เหงื่อชุ่มโชกไปทั้งร่าง พยายามกวาดสาย
ตาไปรอบๆ นาฬิกาที่ฝาห้องบอกเวลาหกโมงเย็นพอดี...
...ปริญญ์ลุกขึ้น แต่อาการใข้ฉุดให้ปริญญ์หน้ามืด ล้มลงไปกับพื้นหมดสติไปในที่สุด...
...ความรู้สึกจางๆ กลับเข้ามาในห้วงความคิดและความรู้สึก...
...ปริญญ์กลับมายังโรงพยาบาลอีกครั้ง สายต่างๆ ระโยงระยางออกไปจากตัวปริญญ์
คราวนี้ไม่มีผนังสีขาวๆ อีกต่อไปแล้ว แต่
ปริญญ์สามารถเห็นผนังห้องรายรอบมากขึ้น...
...ตรงหน้าของปริญญ์คือเพดาน มีจอภาพอยู่ตรงหน้า ข่าวมากมายกำลังรายงานถึงข่าวการป่วยของปริญญ์อย่างต่อเนื่อง
มีคนมากมาย
ออกมาสัมภาษณ์ ปริญญ์พอจะจำได้ว่า บางภาพเป็นภาพภายในบ้านของเขาเอง ...แต่ที่ปริญญ์จำไม่ได้เลยนั่นคือ
คนที่กำลังสัมภาษณ์
บนจอทีวี ปริญญ์จำไม่ได้แม้แต่โครงร่าง หน้าตานั้นที่แปลกออกไปแต่ตอนนี้ความคิดของปริญญ์ไม่อาจจะทำให้ปริญญ์คิดอะไรไปได้มากกว่านี้...
ปริญญ์มองไปทางด้านซ้ายมือ ผนังห้องเต็มไปด้วยรูปถ่ายของปริญญ์ตั้งแต่ปริญญ์เป็นเด็ก
จนกระทั่งปริญญ์โตขึ้น มีอุปกรณ์หลายอย่างที่ถูกขนมาจากที่บ้านของปริญญ์ รวมทั้งคอมพิวเตอร์คู่ใจของปริญญ์
ปริญญ์พยายาม
มองไปที่จอ ก็พบว่าหน้าจอนั้นกำลังแสดงภาพของเว็ปไซต์พันธ์ทิพย์ดอทคอมแต่ข้อความภายในนั้น
ปริญญ์ไม่อาจจะอ่านได้...
...ความรู้สึกวิงเวียนกลับมาอีกครั้ง ปริญญ์รู้สึกว่า ท่อหายใจที่สอดผ่าน
จมูกของปริญญ์ ไม่อาจจะช่วยให้ปริญญ์หายใจได้คล่องเลย ปริญญ์พยายาม
ที่จะยกมือขึ้นเพื่อดึงมันออก แต่มือไม้กลับไม่มีเรี่ยวแรง...
...สิ่งต่างๆ กำลังผ่านเข้ามาในสมอง ความสงสัยถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวปริญญ์
กำลังพรั่งพรูเข้ามาจนล้นทำนบแห่งความคิด ทุกๆวันที่
ปริญญ์ใช้ชีวิต มีความแตกต่างที่ปริญญ์สังเกตเห็นได้ แต่ปริญญ์ไม่เคยใส่ใจเลย
วันนี้ความคิดนั้นกำลังเข้ามาอีกครั้ง... ...ปริญญ์ไม่เคยพบหน้า
ผู้คนแบบเห็นตัวมานานมากแล้ว ...ปริญญ์ไม่เคยพบหัวหน้างานของปริญญ์เลย
...ปริญญ์ไม่เคยไปไหนมาไหนนอกบ้านตามที่ปริญญ์ต้องการร่วมหลายสิบปีแล้ว
...ใครเป็นคนดูแลทำความสะอาดห้องต่างๆ คอยจัดหาอุปกรณ์ที่ปริญญ์ต้องใช้ทุกวัน
...ใครคอยทำอาหารให้ปริญญ์ ...ใครที่เขียนกระทู้หาปริญญ์ในพันธ์ทิพย์ดอทคอม
...และแม้แต่เรื่องเล็กๆ ที่ไม่เคยคิด แต่ความ
คิดนั้นเข้ามาในสมองในที่สุด ...ทำไมแต่ละห้องในบ้านของปริญญ์ถึงต้องมีสถาปัตยกรรมเป็นกระจกอย่างน้อยหนึ่งด้าน
และแม้แต่ขณะนี้ ...ปริญญ์พยายามหันหัวไปทางผนังห้องด้านขวา ก็มีกระจกในลักษณะคล้ายกันอยู่
...แต่คราวนี้เป็นกระจกใส...
...อาการเวียนหัวแล่นขึ้นมาอย่างที่สุด สายตาพร่าไปด้วยแสงขาวๆ
เต้นยิบๆ อยู่ เรี่ยวแรงในร่างกายนั้นหดหายไปจนเกือบหมดสิ้น ...ปริญญ์
พยายามมองไปยังผนังห้อง ที่ปริญญ์เชื่อว่ามันเป็นกระจกใส ...เพราะคราวนี้
ปริญญ์มองเห็นคนมากมายยืนอยู่หลังกระจกนั้น...
...ไม่สิ... ปริญญ์พยายามเพ่งออกไป แต่อาการใข้ที่กำลังโถมทับเข้ามากำลังกัดกร่อนสติและความคิดของปริญญ์ไปจนเกือบหมดสิน
...ไม่ใช่...
...พวกเขาเหมือนคน แต่ไม่ใช่คน... ...แขนขาที่ยาวกว่าปกติ ศีรษะที่ใหญ่โตจนผิดปกติ
ไหล่กว้างดูแข็งแรงอย่างนักกีฬา เพราะคงต้องรองรับ
น้ำหนักของหัวที่กด แต่เอวกับดูเล็กและบาง แขนขาที่ยาวนั้นคงต้องรับน้ำหนักไว้ได้อย่างมากทีเดียว...
...ดูเหมือนปริญญ์จะนึกอะไรขึ้นมาได้อีกอย่าง ...เพราะคนที่กำลังให้สัมภาษณ์ในการถ่ายทอดสดบนจอภาพที่อยู่
เบื้องบนของปริญญ์ก็มีลักษณะเดียวกัน...
...และนั่นเป็นความคิดสุดท้าย ก่อนที่ลมหายใจของปริญญ์จะหยุดลง...
...บางที ปริญญ์อาจจะเข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้นก็ได้ หากปริญญ์ได้
ยินข้อความ ที่กำลังถ่ายทอดสดไปทั่ว และแม้กระทั่งจากจอภาพด้านบน
ของปริญญ์เอง...
"...ขอให้พวกเราทุกคน ไว้อาลัยแด่ปริญญ์ นักวิเคราะห์ข้อมูลอันดับหนึ่ง
ของระบบสุริยะ นักดาราศาสตร์สมัครเล่นยอดเยี่ยม และนับเป็นการสูญเสีย
ครั้งสำคัญที่สุดของระบบสุริยะของเรา ที่เราได้สูญเสียเผ่าพันธ์โฮโมซาเปียนส์
ร่างสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ ...รายงานจากสภาอวกาศแห่งระบบสุริยะ ได้ส่ง
สารแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ถึงความบกพร่องของการควบคุมสภาวะแวดล้อม
และทำให้เกิดการรั่วไหลของไวรัสที่อยู่นอกระบบควบคุมของสวนสัตว์แห่งสภาอวกาศ
เป็นเหตุให้โฮโมซาเปียนส์ร่างสุดท้าย ติดเชื้อ และทำให้ระบบการทำงานของ
ร่างกายล้มเหลวลงในที่สุด..."
...ถ้าวิญญาณมีจริง วิญญาณของปริญญ์ในขณะนี้ คงกำลังเดินทางไปสู่ภพใหม่อัน
แสนใกล ไปสู่ดินแดนที่เขาจะได้เกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิตอีกครั้ง แต่ถ้าเขาได้กลับ
มาเยี่ยมโลก มาเยี่ยมบ้านที่เขาเคยอยู่อีกครั้ง เขาคงจะได้พบร่างของเขา
นอนอยู่อย่างสงบบนเตียงในห้องนอนของเขาเอง ที่ซึ่งได้ถูกปรับเปลี่ยนจาก
สวนสัตว์ มาเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งสิ่งมีชีวิตชั้นสูงสปีชีส์หนึ่ง
...เผ่าพันธ์แห่งโฮโมซาเปียนส์...