ปีที่ 3 ฉบับที่ 948 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 17  เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543

หน้า 1

'ทวี' เสียท่า สนธยาต้อน

ทนายวัดธรรมกาย โขยกมือปราบ "ทวี" ในศาลอยู่หมัด โดยเฉพาะเรื่องทำเหมืองทอง ที่หลังจากพระธัมมชโย ได้ที่ดินมาเมื่อปี 2537 ก็ไม่เคยโอน หรือทำเหมือง ตามที่ถูกกล่าวหา นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเงินที่ใช้ซื้อที่ดิน ที่ตำรวจก็ตอบไม่ชัดว่า เป็นเงินของผู้บริจาค หรือ เงินวัดกันแน่

ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญาว่า เมื่อวานนี้ พระธัมมชโย ได้เดินทางไปขึ้นศาล ตามที่ถูกกล่าวหาโดยกรมการศาสนา ซึ่งในครั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.2 ป. ได้เป็นผู้ให้ ปากคำ ในฐานะพยานโจทก์ต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยการสืบพยานได้เป็นไปอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ในเฉพาะประเด็นที่พนักงานสอบสวนได้กล่าวหาว่า พระธัมมชโยได้ซื้อที่ดินใน จ.เพชรบูรณ์ เพื่อทำธุรกิจเหมืองทอง ซึ่ง นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความวัดพระธรรมกาย ได้สอบถาม พ.ต.อ.ทวีว่า ตำรวจฟังแต่คำให้การของเจ้าของที่ดินเดิม ที่บอกว่า ที่ดินใน จ.เพชรบูรณ์มีทองคำ จึงได้ถามว่า ทำไมเจ้าของ ที่ดิน ไม่ทำเหมืองทองคำเสียเอง เพราะจะได้เงินมากกว่านำมาขายให้กับพระธัมมชโย ในราคาเพียง 10 ล้านบาท

ทาง พ.ต.อ.ทวี ได้ตอบว่า ผู้ขายร้อนเงิน เพราะจำเป็นจะต้องเอาเงินไปเล่นหุ้น แล้วเงินที่ได้มาจำนวนดังกล่าว ก็หมดไปกับการลงทุนในหุ้น

นอกจากนี้ นายสนธยา ได้นำเอกสารของกรมทรัพยากรธรณี มาให้ พ.ต.อ.ทวีดู โดยในเอกสารได้ระบุว่า หลวงพ่อได้ทราบว่า ที่ดินผืนดังกล่าว มีทองคำ เมื่อปี 2537 โดยรู้จาก บริษัทโซอ๊อกซ์ ของ นางจิราวัฒน์ ศรีสัตนา ที่ไปขอสัมปทานเหมืองหินแกรนิต ซึ่ง พอ พ.ต.อ.ทวี เห็นเอกสารดังกล่าว ก็ออกอาการไม่สู้ดี เพราะไม่คาดว่า ทนายความ วัดพระธรรมกาย จะมีเอกสารชุดดังกล่าว

ประเด็นสำคัญก็คือ นายสนธยาได้สอบถามว่า หลังจากที่พระธัมมชโย ได้ที่ดินมาครอบครองแล้ว มีการทำเหมืองทองหรือไม่ และมีการขายเปลี่ยนมือหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า ไม่ได้มีการเปลี่ยนมือ และไม่ได้มีการทำเหมืองทอง จึงทำให้ลูกศิษย์วัดพากันรู้สึกโล่งอก

อีกหัวข้อหนึ่งที่นายสนธยา ได้สอบถาม พ.ต.อ.ทวี อย่างหนักก็คือ เรื่องเงินที่ใช้ซื้อที่ดิน ตำรวจสืบทราบได้อย่างไรว่า เงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินของวัด พ.ต.อ.ทวี บอกว่า เป็นเงิน ที่อยู่ในบัญชีของวัด แต่นายสนธยาได้ถามกลับไปว่า มีคำรับรองจากธนาคารหรือเปล่าว่า เป็นเงินของวัด พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า ไม่มีคำรับรอง นายสนธยาจึงกล่าวสรุปว่า ถ้าพระองค์อื่นเอาเงินไปฝากในนามบัญชีของวัด จะทราบได้อย่างไรว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินของใคร และพระธัมมชโย ยักยอกเงินของวัดหรือเงินของผู้บริจาคกันแน่ พ.ต.อ.ทวี ก็ยังคงยืนกรานว่า เป็นการยักยอกเงินของวัดเหมือนเดิม

ส่วนกรณีที่ พระวิษณุ ปัญญาทีโป ถูก พ.ต.อ.ทวี ออกหมายเรียกให้ไปเป็นพยานในคดีนี้ นายสนธยา ได้นำหมายเรียกให้ พ.ต.อ.ทวี ดู แล้วถามว่า เป็นหมายเรียกของท่านใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า ใช่ นายสนธยา กล่าวต่อไปว่า ทราบหรือไม่ว่าหมายดังกล่าวผิดระเบียบ พ.ต.อ.ทวีก็มักจะออกไปในทางว่า จำไม่ได้ ไม่ทราบข้อเท็จจริง หรือต่อไปจะมีคนอื่น มาให้การแทนในคำถามดังกล่าว


[หน้าหลัก][หน้า1]

1