ปีที่ 3 ฉบับที่ 933 ประจำวันพุธที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543

วิวาทะ

เขียนถึงเสฐียรพงษ์

เมื่อวานนี้ 1 กุมภาพันธ์ มีการขัดข้องทางเทคนิค ทำให้หนังสือพิมพ์ "พิมพ์ไทย" ประจำวันที่ดังกล่าว ไม่มีวางขายตามที่ทั่วไปจะมีก็เพียงบางจุดเท่านั้น

แฟนพิมพ์ไทย ทั้งพระและฆราวาส ที่อ่านกันอยู่ประจำ ต่างก็เกิดอาการหงุดหงิด โทรศัพท์เข้ามาสอบถามไม่ขาดสาย ก็ต้องขอขอบคุณที่ท่านขาดพิมพ์ไทยไม่ได้

เช่นเดียวกับพวกเราพิมพ์ไทยทุกชีวิตที่ร่วมแรงร่วมใจกัน ผลักดันพิมพ์ไทยกันมาตลอด ต่างสำนึกดีว่า คงสภาพเดิมไว้ไม่ไหวเช่นกัน

นักเศรษฐศาสตร์สายรัฐบาล ตลอดทั้งนักการเมืองซีกรัฐบาล ออกมาการันตีว่า เมืองไทยของเรา กำลังจะผ่านพ้นจุดวิกฤติทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญ จากนี้ไปความเจริญรุ่งเรือง ทางเศรษฐกิจ จะค่อยๆ เริ่มทอแสงรำไร

ขณะเดียวกัน ฝ่ายที่ไม่เชื่อว่า เศรษฐกิจของประเทสชาติจะเป็นไปตามความคาดหมายของฝ่ายรัฐบาล ก็ตะเบ็งเสียงขัดคอออกมาทันทีทันควัน อย่าได้ไปหลงเชื่อ บ้านเมืองของเรา ยังไม่พ้นขีดอันตราย ทุกอย่างมันแค่ทำท่าเท่านั้น ไม่ผิดอะไรกับอักษรโรมัน ที่เราเรียกว่า ตัวดับเบิลยู คือ มันตกลงมาแล้ว พุ่งขึ้นไปในช่วงแคบๆ สั้น ๆ จากนั้น ก็แป๊กลงที่เก่า

เราไม่ปฏิเสธว่า พิมพ์ไทยก็ตกอยู่ในวังวนนั้น แต่ด้วยความเป็นพิมพ์ไทยเสียอย่าง จึงมักจะสวนกระแสอยู่เสมอ เราไม่อยากคุยว่า ความเป็นอิสระคือการเป็นตัวของตัวเอง เราพิพม์ไทยมีเกินร้อย

ตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ ในวันนี้ ก็คือ สื่อทุกชนิดทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ ทีวี สร้างกระแสกันขึ้นมา เพื่อวัตถุประสงค์ที่เปิดเผยไม่ได้ แต่สำหรับคนที่มีคุณธรรม เขารู้เขาเข้าใจในเจตนานั้น เขาจึงไม่หลงใหล และเชื่อทุกอย่าง ตามที่สื่อนำเสนอ

เขียนมาอย่างนี้ ใช่ว่า จะยกตนข่มท่านหรือเที่ยวอวดตัวว่า เราเหนือกว่า ดีกว่าสื่ออื่นๆ หามิได้หรอกครับ เพียงแต่อยาก่จะเรียนย้ำแบบซ้ำซากว่า เรามีความเป็นตัวของตัวเองสูง อย่างที่ป้ายตามข้างทางด่วนของความเป็นพิมพ์ไทย กล่าวไว้นั่นแหละ

"ถูกรังแก ไม่ได้รับความเป็นธรรม บอกเราพิมพ์ไทย เราช่วยท่าน"

อ่านมาตั้งนาน กำลังจะบอกว่า ที่ท่านไม่ได้อ่านพิมพ์ไทยฉบับประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ กันอย่างทั่วถึง เนื่องจากขัดข้องทางเทคนิค การขัดข้องทางเทคนิคที่ว่านั้น ก็คือ การเพิ่ม สมรรถภาพเครื่องจักรสำหรับผลิต อุปกรณ์ที่อยู่ในสายการผลิตทั้งหมด ได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ให้มีสมรรถนะสูงยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการรองรับการเพิ่มจำนวนหน้า และเพิ่ม คุณภาพทั้งสีและขาวดำลงไปในแต่ละหน้า นี่คือเหตุผลที่ปนมากับคำขอโทษแฟนๆ พิมพ์ไทย ทุกๆ ท่าน

ย้อนไปเมื่อวันที่ 28 มกราคม คืออาทิตย์ที่แล้ว บรรณาธิการพิมพ์ไทย ทวีป จงกลรอด ต้องไปปรากฏตัวที่หน้าบัลลังก์ของศาลในฐานะจำเลย ผู้ที่เป็นโจทก์คือ ท่านราชบัณฑิต นามว่า เสฐียรพงษ์ วรรณปก คอลัมนิสต์แห่งค่ายมติชนและข่าวสด

ผมกำลังจะลืมเรื่องนี้อยู่ทีเดียว เผอิญไปเจอะเจอกับทำนอง ประชารักษ์ ผู้คร่ำหวอดอยู่กับทะเลน้ำหมึกและแหวกว่ายไปตามค่ายสื่อใหญ่ๆ เช่น ไทยรัฐ บ้านเมือง ดูเหมือนว่า มติชนยุคแรกเริ่ม ก็เคยเข้ามาเหมือนกัน

อยู่ที่ไหนทำอะไร ไม่ใช่ประเด็นที่จะนำมากล่าว แต่ถ้อยคำที่ทำนอง ประชารักษ์ พูดและถามนั้น ชวนให้คิดมาก

ทำนอง ประชารักษ์ ไม่ใช่นักบวชเก่า ไม่เคยเป็นมหาเปรียญ และดูเหมือนจะไม่ได้บวชเสียด้วยซ้ำไป ใช้ชีวิตเฮฮาปาร์ตี้ กินๆ ดื่มๆ เยี่ยงคนทำหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ แต่วันนี้ เขาหยุดลงแล้ว หยุดลงอย่างสนิทน่ารัก ด้วยวัยและสุขภาพ ไม่เสื่อมโทรม ทำนอง ประชารักษ์ เกิดปีเดียวกับเสฐียรพงษ์ อาจแตกต่างวันและเดือนเท่านั้น และสิ่งที่แตกต่างตามมา ให้เห็นคือ ทำนองเลิกดื่มเหล้าเด็ดขาด แต่เสฐียรพงษ์ยังดื่มอยู่ ทำนอง เป็นใครแทบไม่มีใครรู้จัก แต่เสฐียรพงษ์ คนรู้จักไปทั่ว เพราะเป็นถึงราชบัณฑิต

ทำนอง ฟังธงคำถามมาว่า คนที่เคยบวชเรียนเป็นถึท่านมหา เป็นถึงราชบัณฑิต น่าจะเป็นแบบอย่างความเป็นคนกตัญญู ให้แก่เยาวชน

เรื่องยุยงทางคอลัมนิสต์ให้คนเปลี่ยนชื่อ อ้างความเป็นสิริมงคลนั่นไง พ่อแม่เขาตั้งชื่อให้ลูกตามที่เห็นสมควร ถือว่าเป็นมรดกทางนามธรรมของเขา ดันไปส่งเสริมให้คนเนรคุณ ไม่ยอมรับชื่อของตนเอง ต้องไปพึ่งมหาเสฐียรพงษ์ ให้ตั้งชื่อให้ใหม่ มันเข้าข่ายส่งเสริมให้ลูกเนรคุณพ่อแม่ ผมรับฟังไว้ เพราะมีเหตุผลพอฟังขึ้น

แต่เอาเถอะ ไม่อยากก้าวก่ายทางใครก็ทางมัน ตำราตั้งชื่อ ก็เป็นช่องทางหาเงินเข้ากระเป๋าของเสฐียรพงษ์ทางหนึ่ง มิน่าหรอกจึงฟ้องแพ่ง บก.พิมพ์ไทยถึง 58 ล้านบาท กะจะเอารวยเลยนะเนี่ย แต่ขอโทษที ทนายของจำเลยทวงยิกๆ ถึงใบกำกับภาษีที่เป็นเครื่องยืนยันถึงรายได้ที่แท้จริง เสฐียรพงษ์ ก็ทำหน้าจ๋อย อ้างว่า นัดหน้าจะเอาไปให้ที่ศาล ขอให้จริงเถอะน่า เพราะผิดนัดกับศาลมาหลายนัดแล้ว

กรรมดี กรรมชั่วมีจริงๆ นะท่านมหา ผมไม่สบายใจเมื่อแอบรับฟังมาว่า พวกท่านราชบัณฑิตด้วยกันไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ที่คนเป็นถึงราชบัณฑิตอย่างเสฐียรพงษ์ ไปกล่าวจ้วงจาบ สมเด็จพระสังฆราชฯ ผิดกฎหมายมีโทษทั้งจำและปรับ ทำให้คณะราชบัณฑิตต้องมัวหมอง เขากำลังคิดกันอยู่ว่า จะหาทางออกให้เสฐียรพงษ์อย่างไรดี เรื่องนี้ ลามไปถึง นักการเมือง พรรคชาติไทยบางคนด้วยล่ะ เขาไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ตั้งคนพรรค์นี้ เป็นที่ปรึกษา สังกัดเขาเน่าหมด

เปลี่ยนชื่อตัวเองอีกสักครั้ง จะดีไหมเสฐียรพงษ์ ชื่อคนอื่น ยังเปลี่ยนให้เขาได้ ทีตัวเอง ทำไมจะเปลี่ยนบ้างไม่ได้ หรือยังจำภาษิตที่ว่า 

น ชัชจา วสโล โหติ ได้อยู่หรือไม่ คนเราไม่ได้เลว(เป็นหมา) เพราะชื่อ (ชาติตระกูล)

ปู่โอม


[หน้าหลัก][หน้า1][วิวาทะ]

1