ฐานสัปดาห์วิจารณ์ ปีที่ 4 (5)
ฉบับที่ 218 (283) วันที่ 27 มิ.ย. - 3 ก.ค. 2541
ความจำ (1)
|
|
ความจำเป็นสิ่งสำคัญในการ ดำรงชีวิต มันช่วยให้เราเรียน
รู้และทำกิจกรรมในชีวิตประ จำวันได้ ส่วนมากนักเรียนที่เรียนเก่งมักจะเป็นคนมีความจำดีเป็นพื้นฐาน
คน ส่วนใหญ่จึงอยากจะให้มีความจำดี บางคนพออายุมากขึ้นก็เกิดอาการขี้หลงขี้ลืม
เช่น บางคนเวลาขับรถเข้าจอดในศูนย์การค้าก็ควักเงิน 30 บาท ยื่นให้เจ้าหน้าที่จอดรถ
เพราะใจลอยหลงใหล เลอะเทอะ ทำให้เกิดความกังวลใจคิดว่าสมองของเรามันจะเสื่อม
มากกว่าชาวบ้านเขาหรือเปล่า ถ้าท่าน มีความกังวลว่าสมองจะเสื่อมขี้หลงขี้ ลืมก็ลองทดสอบจากบททดสอบในกรอบดู
จากการทดสอบในแบบทดสอบ ดังกล่าวจะทำให้ท่านหลายคนหาย คลางแคลงใจลงไปได้บ้างว่า
ไม่ใช่กูคน เดียวหรอกนะที่ขี้หลงขี้ลืม ยังมีคน อื่นอีกมากที่ขี้ลืมเหมือนกัน
โดยเฉพาะ คนที่ย่างเข้าสู่วัยกลางคนขึ้นไป ซึ่งมีอยู่มากและในขณะนี้กำลังมีตำแหน่งใหญ่โต
มีอิทธิพล มีกำลังซื้อมาก ทำให้เกิดตลาดยารักษาความจำมากมาย เหมือนยาปลุกนกเขาเวียกรา
มีคนมากหลายในปัจจุบันนี้ที่มีความสนใจใคร่รู้เรื่องความจำและอยากซื้อยาช่วย
ความจำมากินมากขึ้น ความจำของคนเรามีอยู่ 2 ชนิด คือ ความจำปัจจุบันกับความจำระยะยาว
ความจำปัจจุบันช่วยให้เราสามารถ ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น จำเบอร์โทรศัพท์ได้
แค่หมุนโทรศัพท์ติด ต่อได้ ความจำนี้เปรียบเสมือน RAM ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนความจำระยะยาวคือ
ความจำที่สามารถเรียก กลับคืนมาใช้ได้ เปรีบบได้กับฮาร์ด ไดรฟ์ในเครื่องคอมพิวเตอร์
ความจำเกิดขึ้นในสมองส่วนเปลือกที่เขาเรียกว่า คอร์เท็กซ์ (cortax) ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเซลล์สมองเป็นจำนวนมากถึงหมื่นล้านตัว
และมีเส้นประสาทโยงใยกันเป็นเครือข่ายคล้ายเถา วัลย์ เวลาสมองถูกกระตุ้นผ่านมาทางอายตนะทั้งหลายสมองบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำเรื่องนั้นก็จะถูกกระ
ตุ้นให้ก่อตัวเป็นเครือข่ายวงจรจำเพาะขึ้นเมื่อมีการกระตุ้นซ้ำ เครือข่ายก็ยิ่งแน่นขึ้น
ความจำก็ยิ่งแจ่มชัดมากขึ้นและคงทนมากขึ้น นานไปๆ ถ้าไม่มีการเรียกใช้ความจำนั้นเลยก็จะทำให้เครือข่ายจางหายไป
ในทางกลับกัน ถ้ามีการเรียกความจำมาใช้หรือทบทวนความจำซ้ำเข้าไปเครือข่ายนั้นก็จะคงอยู่ได้นาน
ด้วยเหตุนี้การท่องจำจึงเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่เราสามารถช่วยทำให้สมองของเราจำข้อมูลต่างๆ
ไว้ได้นาน เหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของเราไม่ว่าจะเป็นชื่อคน สถานที่และเวลาคนเราไม่สามารถท่องจำได้ทุกอย่าง
แต่ทำไมบางสิ่งบางอย่าง เราจำได้ บางอย่างเราจำไม่ได้ มันเป็นเพราะอะไร? ความจำในชีวิตประจำวัน
เกิดจากส่วนของสมองที่เรียกว่า ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) สมองส่วน นี้ตั้งอยู่กลางสมองมีลักษณะคล้ายปีกนก
มันทำหน้าที่เลือกเฟ้นสัญญาณจาก อายตนะที่เข้ามา เมื่อมันตอบสนองจะทำให้มีการสร้างเครือข่ายความจำขึ้นที่สมองส่วนคอร์เท็กซ์
แต่การที่ฮิป โปแคมปัสจะตอบสนองให้เราจำอะไร ได้มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ 2 อย่าง
คือ หนึ่ง เมื่อมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง สอง เมื่อมีความรู้หรือประสบการณ์เก่าเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว
อารมณ์ทำให้เกิดความจำหมาย ความว่าอย่างไร ถ้าเราไปพบกับนายสับซินสกี ตามสนามบินหรือแถวพัฒนพงศ์เราอาจจะจำชื่อจำหน้าแกไม่ได้นาน
แต่ถ้าเกิดแกมีลูกสาวสวยรวยเสน่ห์ที่ส่งยิ้มมาให้เราเราก็จะจำชื่อ นายสับซินสกีได้นานขึ้น
อีกตัวอย่าง หนึ่งคือ คนเราส่วนมากมักจะจำเพลง เก่าๆ ได้ดีกว่าเพลงใหม่ของวัยรุ่น
เนื่อง จากเพลงเก่ามันเกิดขึ้นในช่วงชีวิตหนุ่มสาวที่มีอารมณ์รักใคร่อยู่มาก
เพลงส่วนมากมันเกี่ยวกับความรัก จึง ทำให้เราจำได้มากทุกครั้งที่เราได้ยินเพลงนั้นๆ
เราจะจำได้เสมอว่าเราอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร อยู่กับใคร หรือถูกใครทำอะไรอยู่
คำศัพท์ภาษาต่าง ประเทศส่วนมากจะจำยาก แต่ศัพท์ ที่ทุกคนจำกันได้ง่ายและนานคือ
คำที่มีความหมายไปในทางเพศ เช่น COOK, CUNT, BOOKING ทั้งนี้เพราะคำเหล่านี้มันกระตุ้นอารมณ์ดิบ
เดิมแท้ของคนเราได้ดีนั่นเอง สิ่งที่ทำให้ฮิปโปแคมปัสตอบสนองให้จำได้อีกอย่างหนึ่งคือ
ประสบการณ์ หรือความรู้เก่าๆ ที่จดจำไว้ได้ในสมอง คือ มีเครือ ข่ายความจำวิชาเก่าอยู่แล้วจะทำให้เลือกจำสิ่งใหม่ที่คล้ายคลึง
กันได้ง่าย การจำแบบนี้เขาเรียกว่า Association เช่น การจำ พ.ศ.ที่เกิดสงครามโลก
ถ้ามันมาพ้องกับพ.ศ.เกิดของเราก็ทำให้จำได้ง่ายขึ้น และการที่นักประวัติศาสตร์จำ
พ.ศ. ที่เหตุการณ์ใดเกิดขึ้นได้ดี เนื่องจากเอามันไปโยงใยกับเหตุการณ์ที่ตัวเองจำได้
เช่น การเปลี่ยนชื่อประเทศสยามเป็นประเทศไทย เกิด ขึ้นในปี 2492 โดยจอมพลป. ซึ่งคลั่งไคล้ลัทธิของฮิตเลอร์
จอม พลป. ต้องการทำให้ไทยเป็นอารยัน พยายามทำให้ไทยเป็นเมืองพุทธ 100% สอนคนไทยให้เกลียดคนจีน
(ยกเว้นพ่อแม่ตัวเอง) เหมือนฮิตเลอร์ เกลียดยิว ฮิตเลอร์ มีอำนาจในสมัยสงครามโลกครั้งที่
2 (2482-2488) ถ้าจำเรื่องฮิตเลอร์ได้ก็พลอยทำให้จำความเพี้ยนของจอมพลป.ได้ด้วย
คนที่มีความรู้พื้นฐานในด้านใด ก็มักจะมีความสามารถหรือความโน้ม เอียงที่จะจดจำข้อมูลทางด้านนั้นได้ง่ายและดีกว่าคนที่ไม่มี
ตัวอย่างคลาส-สิกในเรื่องนี้คือ การทดลองของศิลปิน ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งที่เอาภาพที่มีชื่อเสียงภาพหนึ่งออกจากที่ที่เคยแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์เป็นเวลานานแล้ว
ทดลองถามความจำของภารโรงซึ่งจำได้แต่ว่ามีภาพผู้ชายและมีเลือดเมื่อถามผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์
ก็ได้รายละเอียดคุณภาพของกรอบขนาดของกรอบรูป นั้น เมื่อไปถามผู้เชี่ยวชาญฝ่ายจัดหาก็ได้รับคำตอบเรื่องสาระภายในภาพ
ว่าเป็นภาพว่าด้วยอะไร มีบรรยากาศ เป็นอย่างไร (อ่านต่อฉบับหน้า)
เขียน โดย .....
Copyright 1997-1998 Thansettakij Newspaper
for more information, contact
webmaster@than01.thannews.th.com