หลังจากทำเงินมโหฬารทั่วโลกกว่าพันล้าน พร้อมกวาดออสการ์กลับบ้านอีก 11 ตัว ก็เริ่มมีข่าวแง่ลบเกี่ยวกับหนังของ เจมส์ คาเมรอน ออกมาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นคำวิจารณ์ที่กัดว่า หนังเรื่องนี้บทอ่อนปวกเปียก และมีดีแค่เทคนิคสเปเชียลเอฟเฟ็คต์เท่านั้น
ล่าสุด หนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ ของอังกฤษ รายงานว่า ข้อมูลที่หนังเรื่องนี้ให้กับผู้ชม
โดยเฉพาะฉากที่ผู้โดยสารชั้นสาม ถูกขังไว้ใต้ถุนเรือ เพื่อให้ผู้โดยสารชั้นหนึ่ง
ได้มีโอกาสลงเรือช่วยชีวิตได้ก่อน เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
เดลี เทเลกราฟ อ้างบันทึกจากสำนักงานเอกสารแห่งชาติของอังกฤษ ชี้ว่า ผู้โดยสารชั้นสามที่เป็นผู้ชาย
รอดชีวิตมากกว่าผู้โดยสารชั้นสองที่เป็นเพศเดียวกันเสียอีก ซึ่งในบันทึกฉบับดังกล่าว
ได้อ้างคำกล่าวผู้โดยสารชั้นสามที่รอดชีวิตคนหนึ่งว่า ผู้โดยสารชั้นสาม มีโอกาสรอดชีวิตพอๆ
กับผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นสอง
เรือไททานิคที่ได้ชื่อว่าเป็นเรือสำราญขนาดยักษ์ที่ไม่มีวันจม เดินทางออกจากท่าเรือเซาธ์แธมปตัน
ประเทศอังกฤษ มุ่งหน้าสู่นครนิวยอร์ก สหรัฐ เมื่อวันที่ 14 เม.ย. เมื่อปี 1912
แต่จุดหมายปลายทางจริงๆ ของเรือลำนี้ กลับกลายเป็นก้นทะเลลึก ทำให้ผู้โดยสารกว่า 1,500 คน
จากจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 2,200 คน เสียชีวิตกลางทะเลอันหนาวเหน็บ
ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายขนาดนี้ ก็เพราะจำนวนเรือช่วยชีวิตไม่เพียงพอ
จากบันทึกฉบับดังกล่าว ซึ่งนำออกแสดงในงานนิทรรศการไททานิค ที่กรุงลอนดอน ในขณะนี้ ระบุว่า
ในกลุ่มผู้โดยสารชั้นหนึ่ง 97% ของผู้หญิง และ 34% ของผู้ชายในกลุ่มนี้ต่างรอดชีวิต
ขณะที่ในส่วนผู้โดยสารชั้นสอง 84% ของผู้หญิง และผู้ชายเพียงแค่ 8% รอดชีวิต
ส่วนในกลุ่มผู้โดยสารชั้นสาม 55% ของผู้หญิง และ 12% ของผู้ชายที่ถือตั๋วชั้นสาม รอดชีวิตเช่นกัน
ซึ่งหนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ ระบุว่า หากมีการล็อคประตูขังผู้โดยสารชั้นสาม
เหมือนที่บอกไว้ในหนังจริง ผู้โดยสารชั้นสามก็คงไม่น่าจะมีผู้รอดชีวิตเยอะขนาดนี้
หนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ ยังบอกว่า ที่อัตราการรอดชีวิตของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง
สูงกว่าผู้โดยสารชั้นสองและชั้นสาม เป็นเพราะผู้โดยสารในชั้นหรูหรา มีการศึกษาระดับสูง
จึงเข้าใจการใช้เครื่องไม้เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ช่วยชีวิตมากกว่า
ท้ายที่สุด หนังสือพิมพ์แนวทางอนุรักษนิยมฉบับนี้ วิพากษ์วิจารณ์ Titanic ว่า
สร้างขึ้นโดยมีอคติทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด