Sample
การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ด้วยสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดิน
การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำโดยประชาชน
การตรวจวัดคุณภาพน้ำด้วยสัตว์หน้าดิน หน้า 2
3. การดูองค์ประกอบของสัตว์
หลักการ: บริเวณใดมีสัตว์หลากชนิดมากกว่าแสดงว่าบริเวณนั้น คุณภาพน้ำดีกว่าหรือน้ำสะอาดกว่า
ภาพสตว์ที่สามารถจับออกซิเจนได้ดี
ภาพสัตว์ที่สามารถ อาศัยอยู่ใน ที่มีออกซิเจนน้อยมากๆ โดยโผล่หาง มารับออกซิเจนจาก อากาศ
ภาพสัตว์ ที่ใช้เหงือกในการรับออกซิเจน
การตรวจวัดคุณภาพน้ำด้วยสัตว์หน้าดิน
การใช้สัตว์หน้าดินตรวจดูคุณภาพน้ำ ทำได้ 2 วิธีง่ายๆ
1. การใช้ดัชนีความหลากชนิด
2. การใช้นาฬิกาสัตว์หน้าดิน
เลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง
การเลือกสถานที่
บริเวณริมฝั่งที่สามารถตักดินตะกอนท้องน้ำได้
1. เลือกบริเวณที่ไม่ถูกรบกวนด้วยมนุษย์หรือสัตว์ เช่นไม่เป็นทางเดินข้าม ไม่เป็นที่เอาเรือเข้าออก
2. เลือกตักเฉพาะบริเวณที่เป็นดินตะกอนเท่านั้น
อุปกรณ ์
1 สวิงด้ามยาว
2 ถาดก้นลึก
3 ปากคีบ
4 แว่นขยาย
5 ถ้วยน้ำจิ้ม
6 สมุดบันทึกและดินสอ
วิธีทำ
1 ใช้สวิงช้อนตะกอนท้องน้ำหรือตามพืชน้ำอย่างเร็วเพื่อมิให้สัตว์หนี
2 ถ่ายของในสวิงลงในถาดก้นลึกที่ใส่น้ำพอประมาณ
3 เอาพืชและตะกอนออกจากถาด หรือแยกสัตว์ออกมาใส่อีกถาดหนึ่ง ประมาณว่ามีจำนวนมากกว่า 100 ตัว
4 จากสัตว์ในถาด
4.1 ใช้ปากคีบสัตว์แบบไม่เจาะจงตัว (สุ่ม) ทีละตัวแยกใส่ถ้วยน้ำจิ้มตามชนิดของสัตว์ พร้อมจดบันทึกชนิดสัตว์ทีละตัว จนครบ 100 ตัว
4.2 จดบันทึกลำดับของสัตว์ที่พบ ตัวอย่างเช่น ถ้าพบสัตว์ 4 ชนิดคือ ก ข ค และง จำนวนรวม 11 ตัว เมื่อคีบมาแต่ละตัว เรียงลำดับการหยิบออกมาดังนี้
ก ข ข ค ก ค ค ข ก ก ข
4.3 นับจำนวนครั้งเมื่อได้สัตว์แตกต่างกัน
ก ข ข ค ก ค ค ข ก ก ข =8 ครั้ง
4.4 คำนวณดัชนีความหลากชนิด
ดัชนีความหลากชนิด = จำนวนครั้งที่ได้สัตว์แตกต่างกัน/จำนวนตัวของสัตว์ทั้งหมด
4.5 การตีความ
ค่าดัชนีความหลากชนิดสูงกว่า แสดงว่าชุมชนมีความหลากหลายมากกว่า คือมีคุณภาพน้ำดีกว่า
ตัวอย่าง เก็บสัตว์จากสถานีที่ 1 ได้ 11 ตัว เป็นสัตว์ 4 ชนิด คือ ก ข ค และง เรียงลำดับการสุ่มคีบได้ดังนี้
ก ข ข ค ก ค ค ข ก ก ข =8 ครั้ง
เก็บสัตว์จากสถานีที่ 2 ได้ 11 ตัว เป็นสัตว์ 4 ชนิด คือ ก ข ค และง เช่นเดียวกัน เรียงลำดับการสุ่มจับได้ดังนี้
ง ข ข ข ข ข ก ค ค ค ง = 5 ครั้ง
คำนวณดัชนีความหลากชนิด
สถานีที่1 ดัชนีความหลากชนิด = 8/11 = 0.72
สถานีที่2 ดัชนีความหลากชนิด = 5/11 = 0.45
ค่า 0.72 มากกว่า 0.45 แสดงว่า สถานีที่1 มีคุณภาพน้ำดีกว่าสถานีที่2
การวัดความเร็วน้ำบริเวณผิวน้ำด้วยอุปกรณ์อย่างง่าย
แม้ท่านจะไม่มีเครื่องมือวัดกระแสน้ำมาตรฐาน ท่านก็สามารถวัดกระแสน้ำได้อย่างแม่นยำ โดยใช้วัสดุอะไรก็ได้ที่หนักปริ่มน้ำ ปล่อยให้ลอยไปในระยะทางที่กำหนด จับเวลานับแต่ปล่อยวัสดุนั้นจนกระทั่งวัสดุนั้นลอยไปถึงระยะทางที่กำหนด
คำนวณความเร็วกระแสน้ำ
ความเร็วกระแสน้ำ = ระยะทาง/เวลา (หน่วยเป็น เมตร/วินาที)
ทำไมต้องใช้วัสดุที่หนักปริ่มน้ำ?
เพราะต้องการให้การลอยไปของวัสดุนั้นเกิดจากการไหลของกระแสน้ำเพียงอย่างเดียว หากใช้วัสดุที่เบากว่าน้ำ เช่น โฟม แผ่นพลาสติก หรือใบไม้ วัสดุเหล่านี้จะอยู่ที่ผิวน้ำ ทำให้ลมสามารถช่วยพัดให้ลอยไปได้ การลอยไปของวัสดุเหล่านี้เมื่ออยู่ในน้ำจึงเกิดจากผลของลมบวกกับกระแสน้ำ (ไปเร็วหรือช้ากว่าผลของกระแสน้ำเพียงอย่างเดียว ขึ้นกับว่าลมจะช่วยพัดไป หรือช่วยต้านไว้)
สามารถใช้วัสดุใดได้บ้าง?
วัสดุทุกชนิดที่หนักปริ่มน้ำหรือถ่วงให้หนักปริ่มน้ำ เช่น ผลส้ม ผลมะนาว ขวดที่ใส่น้ำไว้พอให้หนักปริ่มน้ำ เป็นต้น
การสร้างเครื่องวัดความเร็วด้วยลูกเทนนิส จากลูกเทนนิสเก่าๆซึ่งคนทิ้งแล้ว เจาะรูกรอกทรายใส่เข้าไปจำนวนหนึ่ง ทดลองปล่อยลงในน้ำ เพิ่มทรายจนกระทั่งลูกเทนนิสอยู่ปริ่มน้ำพอดี ใช้เชือกยาว 1-2 เมตรโยงลูกเทนนิสไว้ เท่านี้ท่านก็จะได้เครื่องวัดกระแสน้ำคุณภาพดีไว้ใช้
วิธีใช้
ปล่อยลูกเทนนิสลงในน้ำโดยมือถือปลายเชือกข้างหนึ่งไว้ พร้อมกับเริ่มจับเวลาทันทีที่ปล่อยลูกเทนนิสไป เมื่อเชือกตึงหยุดการจับเวลา คำนวณความเร็วกระแสน้ำ
การใช้นาฬิกาสัตว์หน้าดิน
จากสัตว์ที่อยู่ในถาดข้อ 4 ข้างต้น
1. เตรียมถ้วยไว้ 8 ใบ
ถ้วยใบที่ 1 ไว้ใส่แมลงสโตนฟลาย (แมลง 2 หาง)
ถ้วยใบที่ 2 ไว้ใส่แมลงชีปะขาว (แมลง 3 หาง)
ถ้วยใบที่ 3 ไว้ใส่หนอนปลอกน้ำ
ถ้วยใบที่ 4 ไว้ใส่หนอนปลอกน้ำไม่มีปลอก
ถ้วยใบที่ 5 ไว้ใส่ลูกแมลงปอ
ถ้วยใบที่ 6 ไว้ใส่กุ้งและปู
ถ้วยใบที่ 7 ไว้ใส่หนอนแดงและไส้เดือนน้ำจืด
ถ้วยใบที่ 8 ไว้ใส่หนอนแมลงวันดอกไม้
2. ใช้ปากคีบจับสัตว์แต่ละชนิดใส่ในแต่ละถ้วย นับจำนวนตัวในแต่ละถ้วย เพื่อดูว่า ในสัตว์ 8 ชนิดนี้ ชนิดใดมีมาก ชนิดใดมีปานกลาง ชนิดใดมีน้อย หรือชนิดใดไม่พบเลย
3. นำผลไปเทียบกับตารางนาฬิกาสัตว์หน้าดิน ว่าเหมือนแบบใด คุณภาพน้ำเป็นแบบใด
หมายเหตุ
:
1. การเรียงลำดับกลุ่มสัตว์เรียงตามความทนทานที่แตกต่างกันต่อมลพิษ คือสัตว์ที่มีความทนทานน้อยที่สุดต่อมลพิษคือ แมลงสโตนฟลาย ที่ทนได้ถัดมาคือ แมลงชีปะขาว หนอนปลอกน้ำ ลูกแมลงปอ กุ้งและปู หนอนแดงและไส้เดือนน้ำจืดตามลำดับ
ดังนั้นสัตว์ที่ทนทานมากต่อมลพิษหรือสภาวะสกปรกคือ หนอนแดงและไส้เดือนน้ำจืด
2. ถ้าได้สัตว์อยู่ก้ำกึ่งเช่น ได้แมลงชีปะขาว 1-2 ตัวในขณะที่ส่วนมากเป็น กุ้ง ปู หนอนแดงและไส้เดือนน้ำจืด จะจัดอยู่ในพอใช้หรือสกปรก การพิจารณา เนื่องจากมีสัตว์กลุ่มที่ทนทานมากกว่าอยู่มากจึงจัดอยู่ในขั้นสกปรก
ขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำด้วย สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดิน
การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ด้วยสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดิน
ประมวลภาพ การอบรมการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ที่ น้ำพอง 25-27 พฤษภาคม พ.ศ. 2542
ตัวอย่างการทดสอบคุณภาพน้ำ
สมุดบันทึก การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำโดยประชาชน
วิกฤติการณ์มลพิษในแม่น้ำพอง
โดย
ดร.ยรรยงค์ อินทร์ม่วง
นักวิชาการสิ่งแวดล้อม 7 กลุ่มงานวิเคราะห์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ศูนย์อนามัยสิ่งแวดล้อมเขต 6 จ.ขอนแก่น
Special Link
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดิน ในแหล่งน้ำจืดกับ ปัจจัยคุณภาพ สิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำพอง
ดัชนีชีวภาพ สำหรับการจัดจำแนกคุณภาพน้ำทางชีววิทยา ในลุ่มน้ำพอง ด้วยสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดิน
กลับไปหน้าแรก
การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำโดยประชาชน
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
กรมอนามัย
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
Prev 5
|
Previous
|
Next
|
Next 5
|
Random
|
List
|
join Wetlab Ring,
click here!