เมื่อปีที่แล้วผมแนะนำฮอร์โมนตัวหนึ่งคือ Melatonin ให้สมาชิกชีวจิตลองนำไปใช้ เพราะเห็นว่าเมลาโทนินขณะนั้น เป็นยาชนิดที่เรียกว่า Over the Counter ในอเมริกา คือถือว่าเป็นยาสามัญเช่นเดียวกับแอสไพริน คุณซื้อได้โดยที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์

ในอเมริกาคนกำลังเห่อกัน เดี๋ยวนี้ไปที่ไหนๆคนก็ถามหากันแต่เมลาโทนิน บริษัทยาที่ผลิตเมลาโทนินเกิดขึ้นใหม่เป็นดอกเห็ด แต่ละบริษัทก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ในเมืองไทยก็เกิดการเห่อตามเขาด้วยเหมือนกัน หลังจากที่ผมแนะนำเมลาโทนินไปเมื่อปีที่แล้ว มีแต่คนถามหาเมลาโทนินเป็นการใหญ่ บางท่านก็ถือโอกาสตั้งตนเป็นผู้รู้ ให้สัมภาษณ์ทางหนังสือพิมพ์ ให้สัมภาษณ์ทางทีวี ว่ารู้จักเมลาโทนินดี เป็นยาวิเศษ เป็นยามหัศจรรย์ เป็นยาอายุวัฒนะ กินแล้วเตะปีบดัง

ผมก็อยากจะขอเตือนกันไว้ตรงนี้ว่า ฟังอะไรแล้วก็เก็บไปคิดเสียก่อน อย่าเชื่ออะไรอย่างหลับหูหลับตา คนไทยเราเป็นโรคงมงายกันง่ายเหลือเกิน

ความจริงเมลาโทนินไม่ใช่ยา แต่เป็นฮอร์โมนที่สกัดจากต่อมพิเนียล หน้าที่ของฮอร์โมนก็คือไปกระตุ้นให้อวัยวะบางอย่างหรือระบบบางระบบของร่างกายให้ทำงาน ถ้าระบบของคุณสมบูรณ์หรืออวัยวะบางอย่างดีอยู่แล้ว การไปกระตุ้นนั้นก็ได้ผล แต่ถ้าระบบหรืออวัยวะนั้นไม่ดี การกระตุ้นก็เสียเงินเสียเวลาเปล่า

โดยเหตุนี้ การจะกินยาหรือสมุนไพรใดๆก็ตาม หนึ่ง คุณจะต้องรู้จักยาตัวนั้น และสอง ต้องรู้ว่าควรจะกินเมื่อไหร่ และกินอย่างไร อย่ากินอย่างงมงาย อย่ากินเพราะเชื่อว่ามันเป็นยาวิเศษ อาจจะมียาวิเศษจริง แต่ตัวคุณจะต้องวิเศษเสียก่อน แล้วจึงกินยา ทุกอย่างจึงจะวิเศษไปได้

ขอยกตัวอย่างต่อไปอีกสักนิด จำเรื่องกินกระเทีนมได้ไหม แรกๆก็บอกว่ากระเทียมดี มีประโยชน์ ต่อไปก็กระเทีนมแก้ได้หลายโรค ต่อไปก็กระเทียมเป็นยาอายุวัฒนะ กินแล้วเตะปีบดัง เมื่อมันพอจะเตะปีบดัง ก็ต้องให้มันดังกว่านั้น คือดองน้ำผึ้ง มันจะได้ดังสุดฤทธิ์ จากนั้นไปที่ไหนๆแม้แต่ร้านอาหารก็ต้องกระเทียมโทนแช่น้ำผึ้ง ทางร้านเอากระเทียมใส่ถ้วยตะไล มาขายกันได้ถ้วยละ 60 - 80 บาท

แล้วอะไรเกิดขึ้น คนที่ว่าเตะปีบแหลกละเอียดกันเป็นร้อยๆใบนั้น ตอนนี้ห้อยเหี่ยวเป็นมะเขือเผากันหมดแล้ว

มาถึงว่านหางจระเข้ก็เหมือนกัน ฟ้าทลายโจรก็เหมือนกัน นมผึ้งก็เหมือนกัน เห็ดหลินจือก็เหมือนกัน ตอนนี้ก็กำลังบ้ากันสุดขีดทั้งสิ้น

ยาหรือสมุนไพรแต่ละอย่างนั้นมีความดี มีความวิเศษอยู่ในตัวของยาเอง เรื่องนี้ไม่มีเรื่องสงสัย แต่ก่อนที่เราจะใช้ยานั้น เราต้องรู้จักยานั้นๆให้ดีเสียก่อน แล้วต้องรู้ว่าจะใช้เมื่อไหร่ การรู้ว่าจะต้องใช้เมื่อไหร่และใช้เพื่ออะไรนั้นสำคัญมาก การรู้จักใช้ยาสำคัญกว่าตัวยาเองมากมายนัก

อย่าปิดหูปิดตา และอย่างมงาย