การศึกษาความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศได้มีผู้ศึกษากันมาก ในประเทศต่าง ๆ ยกตัวอย่างดังนี้
Dudgeon และ Chan (1992) ได้ศึกษาการทดลองเกี่ยวกับอิทธิพลของสาหร่ายที่มีต่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ที่พบมากในลำธารของเกาะฮ่องกง พบว่าการกระจายของสาหร่าย มีผลต่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในแหล่งน้ำโดยสัตว์จะมีการปรับตัวทางด้านต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อปริมาณและการกระจายของสาหร่าย และยังพบว่าร่มเงาของต้นไม้ในบริเวณลำธารมีผลต่อสาหร่ายและส่งผลต่อการตอบสนองของสัตว์ คือในลำธารบริเวณที่มีร่มเงามากหรือบริเวณที่ลึกมากๆ แสงแดดส่องได้น้อยมีผลให้สาหร่ายสังเคราะห์แสงได้น้อย ทำให้สัตว์ที่กินสาหร่ายเป็นอาหารลดจำนวนลงด้วย
Rosemond, Mulholland และ Elwood (1993) ได้ศึกษาผลของแร่ธาตุอาหารและกลุ่มสัตว์กินพืชที่ควบคุมสาหร่ายพวกเพอริไฟตอน ในลำธารโดยศึกษาความสัมพันธ์ของสัตว์กินพืชและธาตุอาหารบนกลุ่มของสาหร่ายในลำธาร แบ่งการทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกศึกษาความสัมพันธ์ของหอยกับสาหร่าย กลุ่มที่ 2 คือ ศึกษาความสัมพันธ์ของปริมาณไนโตรเจนและฟอสฟอรัสกับกลุ่มสาหร่าย ผลการศึกษาพบว่า หอยมีผลต่อสาหร่ายโดยลดผลผลิตรวม ปริมาณคลอโรฟิลล์และมวลชีวภาพของสาหร่าย ส่วนปริมาณไนโตรเจนและฟอสฟอรัสมีผลตรงกันข้ามคือเมื่อปริมาณของไนโตรเจนและฟอสฟอรัสเพิ่มขึ้นก็มีผลให้ผลผลิตรวม ปริมาณคลอโรฟิลล์และมวลชีวภาพของสาหร่ายเพิ่มขึ้นด้วย และผลการศึกษาก็ยังพบว่าเมื่อมีกลุ่มสาหร่ายสีเขียวและสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินมาก หอยก็จะมีความหนาแน่นมาก และเมื่อเวลาผ่านไปในลำธารมีไดอะตอมมาก พวกสัตว์กินพืชก็ลดจำนวนลง
Gresens (1995) ได้ศึกษาความหลากหลายของการกินอาหารของหอย และการตอบสนองต่อกลุ่มสาหร่ายพวก เพอริไฟตอน โดยศึกษาความแตกต่างทางด้านการกินอาหารของหอย ที่มีผลต่อการเจริญเติบโต พบว่าสาหร่ายและตะกอนของสารอินทรีย์มีผลต่อการเจริญเติบโตของหอยและสัตว์ที่เป็นผู้บริโภคบางชนิด และยังพบว่าหอยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นสัมพันธ์กับปริมาณคลอโรฟิลล์ในสาหร่ายที่เกาะบนก้อนหิน
Hauer และ Lamberti (1996) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ของพืชและสัตว์กินพืชในลำธารได้ทำการวัดปริมาณสาหร่ายที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยวัดปริมาณคลอโรฟิลล์เอ ส่วนสัตว์ที่พบในลำธารและนำมาทำการศึกษาคือ ตัวอ่อนของแมลงน้ำ เช่น แมลงหนอนปลอกน้ำ (Trichoptera) แมลงชีปะขาว (Ephemaroptera) หอย และปู โดยทำการวัดมวลและความหนาแน่นของสัตว์เหล่านี้พบว่าในขณะที่สาหร่ายมีจำนวนลดลง สัตว์เหล่านี้ก็มีความหนาแน่นและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ทำให้ทราบว่า สารอินทรีย์ที่สร้างขึ้นจากผู้ผลิตปฐมภูมิในลำธาร คือสาหร่ายและพืชอื่น ๆ เป็นแหล่งผลิตพลังงานที่สำคัญในห่วงโซ่อาหารของระบบนิเวศในลำธาร
Blain และ DeAngelis (1997) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในลำธาร โดยสำรวจระบบนิเวศของลำธารในสภาพธรรมชาติและมีการสร้างแบบจำลองขึ้นมา เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของหอยและสาหร่ายพวก เพอริไฟตอน ในลำธาร ผลที่ได้พบว่ามีความสัมพันธ์กันคือ เมื่อสาหร่ายพวก เพอริไฟตอน มีมากในบริเวณนั้นก็มีหอยอยู่มาก และเมื่อสาหร่ายลดลงก็มีผลให้หอยลดจำนวนลงไปด้วย
McCollum. Crowder และ McCollum (1998) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ของปลา หอย และกลุ่มสาหร่าย พวกเพอริไฟตอน ในบริเวณแหล่งน้ำจืด จากการทดลองโดยใช้ปลา Lepomis microlophus และใช้หอย Physella heterostropha และทำการวัดความสามารถในการกินอาหารและการดำรงชีวิตของหอย จากการวิเคราะห์ผลพบว่าปลาและหอยมีผลต่อการเจริญเติบโตและจำนวนของกลุ่มสาหร่ายพวก เพอริไฟตอน ทุกชนิด ทั้งสาหร่ายสีเขียว สีเขียวแกมน้ำเงิน และไดอะตอมนอกจากนี้ ปลายังมีผลยับยั้งการเจริญเติบโตและเพิ่มอัตราการตายของหอยขนาดเล็กอีกด้วย และพบว่าถ้ามีปลาอยู่ความสามารถในการกินของหอยก็จะลดลงและสาหร่ายพวก เพอริไฟตอน ก็จะเพิ่มขึ้น โดยสรุปได้ว่าปลามีผลโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของสาหร่าย และมีผลให้สัตว์กินพืชลดจำนวนลง
Hill, Weber และ Stewart (1998) ได้ทำการทดลองศึกษาการจำกัดอาหารของผู้บริโภค ในแหล่งน้ำไหลโดยศึกษาการเจริญเติบโตและการสะสมของไขมันในหอย (Elimia claracformis) ในลำธารที่มีหอยเป็นสัตว์ชนิดเด่นอาศัยอยู่ จากการศึกษาพบว่า บริเวณที่มีกลุ่มเพอริไฟตอนในปริมาณสูง หอยมีอัตราการเจริญเติบโต และการสะสมของไขมันสูงกว่าในบริเวณที่มีกลุ่มเพอริไฟตอนในปริมาณต่ำและพบว่าการที่มีใบของต้นโอ๊คร่วงหล่นในแหล่งน้ำ ไม่ได้ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตหรือการสะสมของไขมันในหอยเพิ่มมากขึ้นเลย
การศึกษาทางด้านที่เกี่ยวกับหอย Brotia sp. มีผู้ทำการศึกษาโดย Lam (1996) ศึกษาผลของแคดเมียมที่มีต่อหอยน้ำจืด Brotia haianensis ในเขตร้อน พบว่าการเพิ่มความเข้มข้นของแคดเมียมเป็นสาเหตุที่สำคัญในการลดอัตราการกินและอัตราการเจริญเติบโตของหอย
|
|
บทคัดย่อ
กิตติกรรมประกาศ
บทนำ
การศึกษาเอกสาร
อุปกรณ์และวิธีการ
ผลการศึกษา
สรุปผลการศึกษา
วิจารณ์ผลการศึกษา
เอกสารอ้างอิง
ประวัติผู้วิจัย
GuestBook
|