โคลงนิราศชุดนี้ เข้าใจว่าแต่งโดย พระนาค วัดท่าทราย บุคคลเดียวกับที่แต่ง บุณโณวาทคำฉันท์ เมื่อคราวเดินทางไปนมัสการ รอยพระพุทธบาท ที่สระบุรี ต้นฉบับเดิมตกหล่นไปมาก เหลือสืบทอดมาถึงปัจจุบันเพียงเท่านี้ โคลงที่นำมาเสนอนี้ คัดลอกมาจาก ฉบับที่พระยาตรัง กวีสมัยรัชกาลที่สองบันทึกไว้ (จากหนังสือ วรรณกรรมพระยาตรัง)

 

โคลงพระนาควัดท่าทราย

 

     เห็นรอเรียมเนื่องน้อย    ใจเอง

รอระยำโยงเยง   

แย่งร้าง

รอเอยจะโกรงเกรง   

ไปเท่า ใดนา

จากจำเนียรนุชร้าง   

ร่างไร้ราวรอฯ

 

 

     ถึงวัดตองปุเข้า    ขอพร

เห็นแต่เรือหมู่มอญ   

แม่ค้า

พีดำล่ำไหล่คอน   

เรือเร่

หน้าบ่มีหมดหน้า   

ดุจหน้านวลผจงฯ

 

 

     คล้องช้างช้างเถื่อนร้าง    แรมโขลง

มาพิโยคอยู่โรง   

เร่งเศร้า

พังพาคณาโยง   

ยังป่า ไปฤา

เรียมคำนึงนุชเหน้า   

หนึ่งช้างคนึงโขลงฯ

 

 

     ตำบลชนบทโอ้    อาทร

ตอตะเคียนใครรอน   

จึ่งด้วน

เหมือนเรียมนิราสมร   

มาเปลี่ยว

ไม้ดั่งไมตรีม้วน   

ขาดค้างทางเกษมฯ

 

 

     ถึงบ้านกระทุ่มไท้    ชลที

กรกระทุ่มทรวงตี   

อกห้าย

ดูดงกระทุ่มทวี   

ทุกข์เทวษ อกเอย

ดอกตระการกลคล้าย   

เกศน้องนางเสยฯ

 

 

     ตำบลชลน้ำหนึ่ง    หนองมี

นามชื่อหนองคนที   

ใส่น้ำ

เห็นหนองพร่องวารี   

ริมขุ่น

เรียมก็ขุ่นใจช้ำ   

เช่นน้ำในหนองฯ

 

 

     นางผาผาแผ่นกลิ้ง    กลางดง

แลประเล่ห์ทรงองค์   

แม่ไซร้

นารีพี่ยรรยง   

เยาวรูป

ผาจะทำแท่นให้   

แก่น้องนางนอนฯ

 

 

     ฤาไทเทเวศร์ไท้    ธิดา ท่านนา

ซึ่งสำนักในผา   

ตกนี้

ใฝ่ใจจะบูชา   

ชมรูป

แม้นว่าจริงจงชี้   

ช่องให้เห็นองค์ฯ

 

 

     จุดเทียนประทับแว่น    เวียนถวาย

ธูปประทีปโคมราย   

รอบล้อม

ทักษิณสำรวมกาย   

อภิวาท

เสร็จสมโภชแล้วน้อม   

นอบเกล้าบทศรีฯ

 

 

     ถึงทางประเทศไท้    ทางหลวง

ท้ายพิกุลกลัดทรวง   

พี่ดิ้น

นางเพียงพิกุลพวง   

มาลิศ

จวนจะวายกลิ่นสิ้น   

สุดร้อนเรียมคนึงฯ

 

 

     ถับถึงบางโขมดโอ้    อัษฎงค์

ควนโขมดพาหลง   

หลอกเหล้น

ยามเย็นยิ่งเอองค์   

หลงเถื่อน

หลงที่กรุยตรงเส้น   

สี่ร้อยรายทางฯ

 

 

     แม่ลาลาลดให้    หาศรี

ฤาแม่ลีลาลี   

ลาศเต้า

ลาลดระทดทวี   

ทุกข์เทวษ บ้างเลย

ลาแม่ลาแล้วเจ้า   

จากแล้วลาสมรฯ

 

 

     เรียมเมิลมยุเรศฝ้าย    ฟ้อนฝูง

นางมยูรหมู่ยูง   

ย่างย้าย

บรรพตพิสัยสูง   

สังวาส

ดูดำเนินนกคล้าย   

แม่คล้ายยูงยลฯ

 

 

     เห็นหงส์เหินห่างชู้    เดียวเหิน

เยื้องย่องมองมุ่งเมิล   

เมี่ยงหมิ้ง

ดั่งเรียมดุจเดียวเดิน   

เออาต มานา

โหยระทดใจหนิ้ง   

นึกน้องนองชลฯ

 

 

     นกน้อยลงเล่นน้ำ    ในบาง

บอกวิโยคเยาวพลาง   

พี่ชี้

ธานีนทีทาง   

แสนสนุก นกเอย

นกก็เลื่อนลอยลี้   

เล่นแล้วบอกลางฯ

 

 

     นางนวลนางนกน้อย    บินมา

เรียมก็สั่งสารา   

นกนั้น

นางนวลแม่ครวญหา   

นวลแม่ หมองฤา

นกนิยมสารซั้น   

สู่แล้วลานวลฯ

 

 

     บำมรุบำราศเบื้อง    บำมรุง

เวรวิบัติใดจุง   

จากเจ้า

ไยพ่อพึงผดุง   

เผด็จบาป บ้างนา

เจ็บจรเทินทนเศร้า   

สุดร้อนเรียมคนึงฯ

 

 

     พิกุลเกิดเกลื่อนใกล้    อาราม

ท้ายพิกุลกลางสนาม   

สนุกนี้

มณฑลพิกุลงาม   

คือฉัตร เฉลิมฤา

ดระดูดอกกี้   

เมื่อไซ้ ฤาวายฯ

 

 

     กึกก้องดุเหว่าซั้น   เสียงหวาน

ว้าว่าเสียงเยาวมาลย์  

แม่พร้อง

ภุรโดกดำเนินสาร  

สังคีต

แว่วว่าเสียงสมรร้อง  

ร่ำไห้หาเรียมฯ

 

 

     เห็นโศกเรียมเร่งเศร้า   สงสาร

โศกร่วงโรนโรยราน  

แก่เถ้า

โศกเอยจะยืนนาน  

อยู่เมื่อ ใดนา

ดูโศกดูเรียมเศร้า  

โศกเศร้าเหมือนเรียมฯ

 

 

     พิกุลเอยเคยรสหรื้น   หอมหวาน

พิกุลวิกลการ  

แก่แล้ว

พิกุลจะยืนนาน  

สักเมื่อ ใดนา

ดูพิกุลนี้ห่อนแคล้ว  

คลาศคล้อยความตายฯ

 

 

     รำดวนรำดบด้าว   ใดควร

เก็บประมวญชวนนวล  

นุชน้อง

รำดับรำดวนจวน  

วรบาท พระนา

สองประสงค์สัตย์พร้อง  

ชาติโพ้นพบกันฯ

 

 

     มาถึงบ้านพิศพื้น   พรรณผัก

เถาถั่วแตงแฟงฟัก  

ฟ่ายเฟื้อย

งางอกดอกคำปัก  

เปนช่อ

เข้าฟ่างซ่างรวงเรื้อย  

ป่านเปื้อนปนกระเจาฯ

 

 

     สามเล่มราเมศไท้   สังหร

แม่ก็ทรงสามศร  

เปรียบท้าว

ท่านผลาญอสุรมรณ์  

ลาญชีพ

เจ้าก็ผลาญชายอกร้าว  

มอดม้วยดูเสมอฯ

 

 

     ศรเนตรเสียบเนตรค้น   คมขัน

ศรสำเนียงตรึงกรรณ  

สั่งซ้ำ

ศรโฉมแม่ยิงยัน  

ยายาก

ต้องผู้ใดอกช้ำ  

เฉกท้าวสาดศรฯ

 

1