การไฟฟ้าฝ่ายผลิต

 

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแปรรูป

 

เตือนดูบทเรียนแปรรูปไฟฟ้าต่าง ปท.เผยอเมริกาเจ๊งมาแล้ว ผู้บริโภครับภาระอ่วม
สำนักข่าวประชาธรรม : 1 มีนาคม 2547


นักวิชาการเตือนประเทศไทย บทเรียนแปรรูปกิจการไฟฟ้าต่างประเทศ ไม่มีความมั่นคงระบบไฟฟ้าแก่ผู้บริโภค ผู้ประกอบการเอากำไรผู้ถือหุ้นเป็นตัวตั้ง เผยตัวอย่างอเมริการะบบตรวจสอบเข้มแข็ง กิจการไฟฟ้ายังล้มละลายได้ นายทุนโกยเงินออกนอกประเทศ นักลงทุนรายย่อยเจ๊ง สุดท้ายรัฐต้องตัดงบประมาณสาธารณสุข การศึกษาเพื่อลงทุนกู้ระบบไฟฟ้า

นายศุภกิจ นันทวรการ นักวิจัยอิสระด้านพลังงาน สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวถึงการแปรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ในปัจจุบันว่าต้องดูประสบการณ์บทเรียนการแปรรูปกิจการไฟฟ้าในต่างประเทศด้วย โดยจากบทเรียนในประเทศจอร์เจีย และประเทศมอลโดวา ภายหลังการแปรรูป บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้ามีวิธีการเก็บเงินจากผู้ที่ค้างจ่าย แทนที่จะเป็นการตัดไฟเฉพาะจุด กลับตัดไฟในบริเวณนั้นทั้งหมด วิธีนี้ได้รับคำชมจากธนาคารโลกว่าทำให้มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาหนี้สิน

นายศุภกิจ กล่าวว่าจากตัวอย่างดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการแปรรูปกิจการไฟฟ้าไม่ได้ทำให้เกิดการมั่นคงของระบบไฟฟ้า ผู้ลงทุนสนใจแต่กำไรเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นสามารถการย้ายการลงทุนไปยังจุดที่ได้ผลตอบแทนดีกว่า และเมื่อกิจการมีประสิทธิภาพในการผลิต การบริหารจัดการดีขึ้น ผู้ประกอบการก็ไม่สนใจที่จะนำมาเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าแก่ผู้บริโภค เพราะต้องเก็บไว้ตอบแทนแก่นักลงทุน

นักวิจัย สวรส.กล่าวเสนอแนะว่าประเทศไทยจึงควรจัดตั้งองค์กรกำกับอิสระด้านการไฟฟ้าขึ้นมาทำงานก่อนที่จะแปรรูป เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้า เช่น สัญญาต่างๆ ที่มีการทำไว้ รายละเอียดในการคิดค่าไฟ เพื่อชี้ให้เห็นว่าประโยชน์ที่รัฐและประชาชนจะได้รับหลังการแปรรูปเป็นอย่างไร

นางชื่นชม กรีนเซ่น นักวิจัยอิสระด้านพลังงานไฟฟ้า กล่าวถึงประสบการณ์การแปรรูปกิจการสาธารณูปโภคในประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ที่รัฐแคลิฟลอเนีย สหรัฐอเมริกา ภายหลังที่มีการปรับลดกฎระเบียบกิจการภาคพลังงานในปี 2541 ทำให้กิจการไฟฟ้าที่เป็นสาธารณูปโภคเปลี่ยนเป็นกิจการที่เน้นสร้างกำไรต่อผู้ลงทุน โดยปี 2544 ผู้ลงทุนรายใหญ่แห่งหนึ่งไม่ลงทุนขยายการผลิตตามความต้องการที่สูงขึ้นทำให้ราคาค่าไฟสูงขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริหารของบริษัทอาศัยข้อมูลภายในทำการปั่นราคาหุ้นจนทำให้ตลาดหุ้นล้ม ขณะที่นักลงทุนรายย่อยต้องขาดทุน หลังจากนั้นรัฐแคลิฟลอเนียต้องตัดงบประมาณด้านการศึกษา และการสาธารณสุข เพื่อมาลงทุนกู้ระบบไฟฟ้าของรัฐ ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่าการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้นำมาซึ่งการบริหารงานอย่างโปร่งใส ประชาชนได้ประโยชน์แต่อย่างใด

นางชื่นชมกล่าวว่าแม้ว่ารัฐบาลจะออกมายืนยันว่ามีการศึกษาระบบของประเทศอื่นมาแล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศจะไม่เกิดในประเทศไทย อย่างไรก็ตามก็พบว่าบริษัทที่รัฐบาลจ้างมาเป็นที่ปรึกษาการแปรรูปนั้นไม่ได้มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง การศึกษาก็ไม่เป็นไปอย่างรอบด้าน ดังนั้นจึงไม่อาจมั่นใจได้ว่าปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศภายหลังการแปรรูปจะไม่เกิดในประเทศไทย เพราะขนาดอเมริกาได้ชื่อว่ามีระบบการตรวจสอบที่ดียังมีปัญหาได้

นายนพพร ลีปรีชานนท์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า กรณีเหตุการณ์ไฟฟ้าดับหรือ “แบล็กเอาท์” เป็นเวลานานเมื่อเร็วๆ นี้ในยุโรป และอเมริกา นั้นเกิดจากการที่ระบบสายส่งมีเอกชนเป็นเจ้าของ และมีผู้ผลิตไฟฟ้าหลายรายต่างแยกกันขายไฟเข้าระบบสายส่ง จนระบบเกิดการโอเว่อร์โหลด ไฟฟ้าจึงดับ แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลกลับฉวยโอกาสนี้ประกาศว่าเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนในต่างประเทศ การแปรรูปจะต้องทำให้ กฟผ.เป็นผู้ควบคุมระบบสายส่งและการผลิต เท่ากับเป็นการแปรรูป กฟผ. ทั้งองค์กร ให้เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายเดียว ขณะเดียวกัน กฟผ.ก็เป็นผู้ผลิตด้วย

ทั้งนี้ตนทราบว่าภายหลังการแปรรูปแล้ว กฟผ.จะมีการแยกบัญชีระบบการผลิต และระบบสายส่งอย่างชัดเจน หากในอนาคตความต้องการใช้ไฟสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ และต้องขยายระบบสายส่ง อาจทำให้บริษัท กฟผ ไม่ลงทุนเพราะไม่สามารถย้ายเงินจากบัญชีหนึ่งไปอีกบัญชีหนึ่งได้ อีกทั้งระบบสายส่งจะต้องลงทุนสูง แต่มีรายได้น้อย ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ก็จะส่งผลให้เกิดไฟดับ หรือระบบล่มได้ หรือหากลงทุนก็จะหาทางไปคิดเพิ่มค่าไฟ ดังนั้นไม่ว่าจะลงทุนหรือไม่ลงทุนประชาชนผู้ใช้ไฟจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบ

นายนพพรกล่าวว่าในความเห็นตน การแปรรูปกฟผ.ควรที่จะแยกแปรรูปเฉพาะส่วนการผลิตไฟฟ้า ส่วนระบบสายส่งควรเป็นของรัฐมีองค์กรขึ้นมาทำหน้าที่ดูแล การฉวยโอกาสเหตุการณ์แบล็คเอาท์มาอ้างเพื่อให้เกิดการแปรรูป กฟผ.ทั้งองค์กรเป็นสิ่งที่ตนไม่เห็นด้วย เพราะนั่นเท่ากับเป็นการขายสมบัติของชาติ
 

1