การไฟฟ้าฝ่ายผลิต

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแปรรูป

ความยุ่งยากของโลก (หลังสมัยใหม่)
19 พฤษภาคม 2547
โดย
วรพล พรหมิกบุตร


โจทย์ : ราคาค่าไฟฟ้าภายในประเทศจะผันแปรอย่างไร ถ้าหากหรือหลังจากรัฐบาลประสบผลสัมฤทธิ์ในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าให้เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์

วันนี้ - สาธารณชนไทยสูญเสียกลไกถ่วงดุลราคา และกลไกถ่วงดุลการฮั้วราคาน้ำมันในขอบเขตประเทศของตนเองไปแล้ว จากผลของการแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย

ความยุ่งยากมากขึ้นในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาสังคมโลก ส่วนใหญ่ที่ขาดลักษณะความเป็นสังคมแบบเศรษฐกิจพอเพียงในปัจจุบันจะปรากฏเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกรายงานทางสื่อมวลชนข้ามชาติต่อไปมากขึ้น เมื่อระดับราคาน้ำมันดิบ และน้ำมันเชื้อเพลิงจากวัตถุดิบปิโตรเลียมยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถลดลงจากระดับราคาเมื่อสัปดาห์ก่อนให้กลับสู่ระดับราคาเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา

ระดับราคาน้ำมันดิบที่ควบคุมแหล่งผลิตและกลไกราคาโดยเครือข่ายบรรษัทน้ำมันข้ามชาติในปัจจุบันพุ่งสูงขึ้นถึงขีดสุด 40 ดอลลาร์ต่อสหรัฐ ทั้งที่ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับศักยภาพและปริมาณการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งต่างๆ ของโลกรวมกันไม่ได้มีน้อยหรือลดน้อยลงเทียบเท่าสัดส่วนราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น

ระดับราคาน้ำมันดิบ และน้ำมันเชื้อเพลิงจากปิโตรเลียมที่สูงขึ้น และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีกในขณะนี้น่าจะเป็นผลจากกลไกการกำหนดราคาของกลุ่มทุนมหาอำนาจเพื่อชดเชย "ความสูญเสีย" ขนาดใหญ่บางประการจากการตัดสินใจผิดพลาดของระบบการเมืองภาครัฐของตน โดยการชดเชยดังกล่าวถูกกระทำด้วยการผลักภาระทางเศรษฐกิจให้สาธารณชนทั่วโลกแบกรับแทน

กลไกการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจการเมืองระหว่างสังคมไทยกับเครือข่ายบรรษัทน้ำมันมหาอำนาจของโลกเป็นกลไกที่หนาแน่น และละเอียดลออทรงประสิทธิภาพมากเสียจนคำประกาศของนายกรัฐมนตรีที่จะตอบโต้การขึ้นราคาน้ำมันของบรรษัทน้ำมันต่างๆ นั้นจะกลายเป็นเพียงเสียงเงียบในที่สุด

ถ้าหากเป็น 10 กว่าปีก่อน ขณะที่อดีต "การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย" (ปตท.) ยังมีระดับความเข้มข้นในการมีสภาพความเป็นรัฐวิสาหกิจมากกว่านี้ และถูกตัดแบ่งกิจการสำคัญๆ ให้กลายเป็นของเอกชนตามกลไกตลาดหลักทรัพย์น้อยกว่านี้ รัฐบาลไทยปัจจุบันยังอาจจะพอประกาศให้หนักแน่นกว่านี้ได้ว่า รัฐบาลจะให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ถ่วงดุลราคาที่เป็นธรรมเพื่อประชาชนในกรณีที่บริษัทจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงรายอื่นๆ ตั้งราคาหรือรวมตัว (ฮั้ว) กันตั้งราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงสูงเกินเหตุ

วันนี้ - สาธารณชนไทยสูญเสียกลไกถ่วงดุลราคาและกลไกถ่วงดุลการฮั้วราคาน้ำมันในขอบเขตประเทศของตนเองไปแล้วจากผลของการแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย มาทีละขั้นตอนจากการแปร (โอนถ่ายกรรมสิทธิ์) ส่วนน้อยค่อยๆ ขยายมาแปรส่วนสำคัญในเชิงรูปธรรมผลประโยชน์

สำหรับกลไกถ่วงดุลราคา และการฮั้วราคาน้ำมันในขอบเขต "โลกาภิวัตน์" หรือขอบเขตเครือข่ายอุตสาหกรรมน้ำมันของโลกนั้นเราแทบไม่ต้องอภิปรายกันว่า รัฐบาลที่เป็นตัวแทนของสาธารณชนไทยแต่ละชุดมีอำนาจต่อรองและถ่วงดุลกับบรรษัทน้ำมันต่างๆ เพียงใด

ผมเกริ่นนำเพียงเท่านี้ เราก็คงพอจะเห็นภาพฉากหลัง (background) ที่ช่วยให้ทำความเข้าใจกันกระจ่างขึ้นว่าเหตุใดตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ก่อนต่อเนื่องมาทุกวันจนถึงขณะนี้จึงมีรายงานทางสื่อมวลชนอย่างหนาแน่นเกี่ยวกับการกล่าวแสดงความวิตกกังวลของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีบางท่านเกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ (ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นเสมอไปว่า ราคาน้ำมันสูงขึ้นจะทำให้จีดีพีต่ำลง และทั้งที่อาจเป็นตรงข้ามได้มากกว่าคือ จีดีพีสูงขึ้นเมื่อระดับราคาน้ำมันสูงขึ้น)

นอกเหนือไปจากการแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมัน ทั้งจากนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้วเรายังสามารถมองเห็น (ทางรายการโทรทัศน์) หรือได้ยิน (ทางรายการวิทยุ) ข้อเรียกร้องให้สาธารณชนช่วยกันดูแลแบกรับปัญหาและภาระความยุ่งยากนี้กันมากขึ้นทั่วประเทศ

เช่น ด้วยการลดจำนวนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง (ซึ่งควรช่วยกันทำอย่างคงเส้นคงวาเป็นอย่างยิ่ง) ด้วยการหันมาใช้เชื้อเพลิงทดแทนที่มีส่วนผสมของอินทรีย์สารบางชนิดที่ผลิตได้ด้วยตนเองในประเทศ ได้แก่ แอลกอฮอล์จากการหมักกลั่นแป้งหรือน้ำตาลจากพืชเป็น "แก๊สโซฮอล์" และน้ำมันดีเซลผสมน้ำมันพืชเป็น "ไบโอดีเซล" (ซึ่งรัฐบาลไทยหลายชุดที่ผ่านมารวมทั้งชุดปัจจุบันยังไม่ได้ดำเนินมาตรการสนับสนุนแนวทางเชื้อเพลิงทดแทนเหล่านี้ให้เกิดประสิทธิผลชัดเจนแต่ประการใด)

รวมทั้งกระแสสนับสนุนชุดล่าสุดให้ประชาชนลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มเติมเข้าไปในรถยนต์ของตน (ซึ่งเป็นการโอนภาระโดยตรงต่อประชาชนขณะที่ช่วยสร้างตลาดธุรกิจให้เอกชนเพิ่มขึ้น) เป็นต้น

ข้อมูลตัวเลขจากสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานระดับราคาเฉลี่ยต่อลิตรของน้ำมันเบนซินชนิดต่างๆ ในตลาดของไทยระหว่างปี พ.ศ.2535-2545 ว่า ราคาเพิ่มจาก 9.28 บาทต่อลิตรในปี 2535 เป็น 11.02 บาทต่อลิตรในปี 2540 และเพิ่มขึ้นอีกเป็น 14.29 บาทต่อลิตรในปี พ.ศ.2545

ระดับราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มสูงเป็นสัดส่วนมากขึ้นระหว่างช่วงปี 2540-2545 ซึ่งมาตรการแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ให้เป็นธุรกิจเอกชนบรรลุผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น ขณะที่อำนาจต่อรองราคาระหว่างรัฐบาลไทยกับเครือข่ายอุตสาหกรรมน้ำมันโลกอยู่ในเงื่อนไขข้อจำกัดเดิม

ระดับราคาน้ำมันดีเซลระหว่างปี 2540-2545 จากตัวเลขทั่วไปในปั๊มน้ำมันค้าปลีกก็สูงขึ้นในสัดส่วนแบบก้าวกระโดดหลังจากที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยถูกแปรสภาพให้เป็นกิจการของเอกชนมากขึ้น
 

1