หลังจากที่มีการต่อสู้ทางวิสัยทัศน์กันมายาวนาน เรื่องขอให้รัฐบาลเปิด จุดผ่านแดนถาวร ระหว่างไทยกับกัมพูชาในจังหวัดจันทบุรี นิติภูมิขอตีฆ้องร้องป่าวว่า บัดนี้ มติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว ท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา รมว.มหาดไทย ประกาศเมื่อ 5 พ.ย. 46 ให้เปิดจุดผ่านแดนถาวรทั้ง ที่ช่องบ้านผักกาด (ซึ่งอยู่ติดเมืองพรม กรุงไพลิน) และช่องบ้านแหลม (ที่อยู่ติดกับอำเภอคุมเรียง จังหวัดพระตะบอง)

          ทั้งสองช่องจะเป็นด่านถาวรถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่อังคารวันที่ 11 พ.ย. คือตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป   

          ที่ต้องขอบพระคุณเป็นพิเศษก็คือ ท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่สร้างความเจริญให้กับ จังหวัดจันทบุรี กรุงไพลิน และจังหวัดพระตะบองในครั้งนี้

          เอาละมาว่ากันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในรัสเซีย ที่นิติภูมิรับใช้ค้างไว้ตั้งแต่วันศุกร์ เรียนไปแล้วว่า ในรัสเซียมีโอลิการ์ฮเยอะ พวกนี้เป็นเศรษฐีใหม่ที่เพียบพร้อมไปด้วยอิทธิพลบารมีทางการเมือง ร้อยละ 99 ของโอลิการ์ฮจะเป็นคนรัสเซียเชื้อสายยิวที่รวยอย่างไว ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนพ้องพี่น้องยิวในอิสราเอล อเมริกา และยุโรป

          เมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลรัสเซียประกาศจะจัดการจับโอ-ลิการ์ฮ สื่อมวลชนโลกซึ่งเกือบ จะทุกสื่ออยู่ในมือของชาวยิว ก็จะจัดการประโคมโหมข่าวให้รัฐบาลรัสเซีย เสียชื่อเสียง มีการประโคมโหมโจมตีว่าเป็นเผด็จการบ้าง ไม่เป็นประชาธิปไตยบ้าง

          หากรัฐบาลรัสเซียรัฐบาลใดปล่อยให้พวกโอลิการ์ฮหากินสบาย สื่อพวกนี้ก็จะเชียร์รัฐบาลอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู มีชื่อเสียงดีเด่นเป็นสง่าในเวทีระหว่างประเทศ

          เมื่อปูตินได้เป็นรัฐบาล ประชาชนคนที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งก็ขอให้รัฐบาลจัดการกับโอลิการ์ฮ ปูตินฟังเสียงประชาชนจึงเพียงออกมาแตะ เพียงแค่แตะๆ เท่านั้น โอย โทรทัศน์เกือบทุกช่องก็เล่นงานรัฐบาลกลับทันที โดยเฉพาะช่องของโอลิการ์ฮคนหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า นายกูซินสกี้ ที่มีสถานะทั้งนายแบงก์และสื่อมวลชน

          โทรทัศน์ของกูซินสกี้ออกข่าวโจมตีทีเดียวว่า ระเบิดในกรุงมอสโกที่มีคนเสียชีวิตสามร้อยกว่าคนนั้น เป็นฝีมือของรัฐบาล

          แท้ที่จริงระเบิดในครั้งนั้น คนทำคือนักก่อการร้ายเชเชน โทรทัศน์ของกูซินสกี้ออกมาบอกว่าเป็นฝีมือขององค์กรตำรวจรัสเซียเอง โดยรัฐบาลสั่งให้ทำเพื่อเป็นสถานการณ์ที่จะไปบุกเชชเนีย กูซินสกี้ก็จึงโดนอัยการรัสเซียเล่นงานจนต้องหนีไปลี้ภัยอยู่ในอิสราเอลเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

          ต่อมาก็มีโอลิการ์ฮอีกคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า นายเบเรโซฟสกี้ เป็นนายธนาคารและเป็นเจ้าของสื่อมวลชนอีกหลายสื่อ เคยเป็นผู้บริหารโทรทัศน์แห่งชาติ เคยเป็นสมาชิกคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ ถือทั้งสัญชาติรัสเซียและสัญชาติยิว (ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่มีการอนุมัติสัญชาติในลักษณะนี้) มหาเศรษฐีเบเรโซฟสกี้พยายามจะสร้างอิทธิพลใหญ่ในทางการเมือง จึงถูกรัฐบาลของนายปูตินเตือน 3-4 ครั้ง ในที่สุดตัวเองก็อยู่ในดินแดนรัสเซียไม่ได้ ต้องหนีไปลี้ภัยอยู่ในประเทศอังกฤษ ทุกวันนี้ก็ยังที่นั่น อัยการสูงสุดของรัสเซียเรียกกลับมาสอบปากคำหลายครั้ง ก็ไม่ยอมกลับมา

          นี่คือคนที่สองในจำนวนโอลิการ์ฮของรัสเซีย ที่ถูกรัฐบาลปูติน จัดการ ตอนนี้ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ก็อีกคนหนึ่ง คือ นายโคดอรฟสกี้ เจ้าของบริษัทน้ำมันยูคอสที่ถูกจับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลายคนถามนิติภูมิถึงสาเหตุที่แท้จริง

          เรียนรับใช้ว่าสาเหตุในการถูกจับกุมน่าจะมาจาก ที่โคดอรฟสกี้เตรียมขายหุ้นในบริษัทยูคอสถึง 40% ไปให้ต่างชาติซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันอังกฤษ

          เดิมยูคอสเป็นรัฐวิสาหกิจของรัสเซีย สมัยนายเยลต์ซินเป็นผู้นำ มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมาเป็นของเอกชน ตอนนั้นคนรัสเซียต่อต้านกันมาก แต่เยลต์ซินและพรรคพวกก็ยังขายสมบัติของชาติไปในราคาถูก โดยอ้างว่าขายให้กับนักธุรกิจชาวรัสเซีย (ถึงแม้ว่าจะเป็นยิวก็ตาม แต่ก็เป็นยิวรัสเซีย) ผู้คนที่รักชาติก็หวานอมขมกลืนกับความรู้สึกที่สูญเสียสมบัติส่วนรวม ไปเป็นของเอกชนเพียงไม่กี่คน   

          ว่าจะเอาให้จบ ไม่จบอีกแล้ว ขอมารับใช้ต่อในวันพรุ่งนี้ครับ.