วิจารณ์
สี่แนวทางที่คุณทักษิณฯ จะงัดเอามาสยบการต่อต้านการแปรรูป กฟผ.
1. จัดตั้งคณะกรรมการกลางดูแลค่าไฟฟ้า 7 คน
Comment:
การตั้งกรรมการ 7 คน สรรหาภายในเวลา 1 เดือนเศษๆ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าดี
ในเมื่อคณะกรรมการกำกับดูแลค่าไฟฟ้าตามสูตร FT ชุดปัจจุบัน
เป็นคนของรัฐบาลอยู่แล้วทุกคน ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน
ถึงตั้งใหม่ก็เป็นคนของคุณ ฯพณฯ
เท่านั้น
คงไม่ใช่คนกลางที่มีความรู้ความเข้าใจจริงๆ
2. โอนทรัพย์สินของแผ่นดิน ได้แก่เขื่อนและทรัพยากรน้ำไปขึ้นกับกระทรวงการคลัง
แล้วนำไปให้ บริษัท กฟผ. ที่จะเกิดขึ้นเช่าช่วง
เพื่อแสวงหาประโยชน์กลับเข้าสู่บริษัทฯ
Comment:
เชื่อว่าทรัพยากรน้ำก็ต้องมีการซื้อขายกันในอนาคต แล้วเกษตรกรไทยจะเป็นอย่างไร?
ค่าดูแลรักษาเขื่อนและพื้นที่ของเขื่อนทั้งหมดจะใช้เงินใคร?
และจะมีผลต่อค่าไฟฟ้าหรือไม่?พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าทุกแห่งทั่วประเทศจะต้องถูกเก็บภาษีลักษณะใดบ้าง?
ในอัตราร้อยละเท่าไรของราคาประเมิน?
เมื่อภาษีเหล่านี้เดิมมีอัตราอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 12.5 %
ภายหลังถูกบวกเข้าไปในต้นทุนของค่าไฟฟ้าแล้ว ค่าไฟฟ้าจะไม่ขึ้นราคาได้อย่างไร?
กรณีที่จะมีกฎหมายใหม่เข้าสภา เพื่อมาไล่เก็บภาษีกับผู้ที่กักตุนที่ดิน
รวมทั้งคนไทยทุกคนที่มีบ้านพร้อมที่ดินเกิน 100 ตารางวา
ต่อไปจะต้องเสียภาษีตัวนี้ด้วย (ภาษีเสาเรือน) ในอัตรา 0.1 % ของราคาประเมิน
โรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่งจะได้อานิสงค์จากภาษีตัวนี้อย่างเต็มๆ
โดยได้รับส่วนลดภาษีจาก 12.5 % เหลือเพียง 0.1 % เท่านั้น
เข้าใจว่าภาษีตัวนี้จะมาใช้กับพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าทุกแห่งทั่วประเทศด้วย
สรุปผลกระทบไปตกกับประชาชนทุกตน แต่นายทุนเจ้าของโรงงานได้รับผลประโยชน์มหาศาล
แบบแปรสัญญาไม่มีผิด ระวังให้ดี
โปรดเตรียมเก็บเงินเอาไว้เสียภาษีส่วนนี้ไว้ด้วย ท่านลูกทาสทั้งหลาย!!!
3. กำหนดวิธีกระจายหุ้นให้ทั่วถึง
โดยให้กลุ่มคนระดับล่างได้มีโอกาสซื้อหุ้นก่อนในวงเงินไม่เกินคนละ 1 หมื่นบาท
ถ้าขายไม่หมด ต้องรวบรวมไปให้นายทุนรับซื้อแทนทั้งหมด
Comment:
โดยพื้นฐานคนไทยทั้ง 63 ล้านคน มีคนที่สนใจเล่นหุ้นอยู่เพียง 2 ถึง 3
แสนคนเท่านั้น และมีเพียงประมาณ 2,000 คนเท่านั้น ที่เล่นหุ้นเป็นอาชีพ
ถึงจะยัดเยียดให้ซื้อหุ้น เชื่อว่าไม่นานคงนำออกขายจนหมด
หุ้นส่วนใหญ่จะไหลตกไปอยู่ในมือของนายทุนอยู่ดี ข้อน่าคิด! >>
ถ้าไม่มีตลาดหุ้นประเทศจะล่มสลายหรือไม่?
เงินจากการขายหุ้นรวมประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เข้า กฟผ.บ้าง หรือไม่?
จะนำไปใช้หนี้ให้กับส่วนใด? ใครก่อหนี้เหล่านั้น? มีการตั้งใจจะนำไปใช้หนี้
1.37 แสนล้านของ กฟผ. บ้างไหม? หรือกันเอาไว้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ให้กับ กฟผ.
ด้วยหรือไม่? จำเป็นต้องเร่งใช้คืนขนาดนั้นเชียวหรือ? หนี้ที่ กฟผ.
ค้างชำระมีประมาณ 5.7 % ของหนี้สาธารณะรวมทั้งประเทศเท่านั้น
และอยู่ในวิสัยที่จะผ่อนชำระเองได้ไม่ยาก ค่าไฟฟ้าปรับราคาตามต้นทุนหลัก
คือค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
ซึ่งรับรองได้ว่ากระทรวงพลังงานดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว
คุณฯพณฯ ใช้กลยุทธที่ไม่ Smart เหมือนผู้หญิง ใช้ทีวีของรัฐและหนังสือพิมพ์
โจมตี กฟผ. ทุกวัน ท่านให้ข้อมูลที่ถูกต้องไม่ถึงครึ่ง
ทีเหลือบิดเบือนข้อมูลจนไม่น่าให้อภัย ความโลภทำให้มนุษย์ทำชั่วได้ทุกอย่าง
หมอมิ้งคือเครื่องมือ เพราะไม่อยากกลับบ้านไปเลี้ยงลูก
เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญใหม่ ถ้าถูกปลดจากรัฐมนตรีเท่ากับขาดสภาพการเป็น สส.
บัญชีรายชื่อไปด้วย และหมดสิทธิ์เข้าสภา ท่านจึงต้องทำหน้าที่ท่องจำคำบัญชาของฯพณฯ
ได้อย่างแม่นยำ ทุกลีลาทุกคำพูดราวกับบันทึกเทปเอาไว้
ที่หมอมิ้ง บอกว่า จะกันเงิน 6 หมื่นล้านบาท
หรือเท่ากับกึ่งหนึ่งของการขายหุ้นในครั้งนี้มาเป็นกองทุนค่าไฟฟ้า
พร้อมกับตรึงราคาค่าไฟไม่ให้ขึ้นราคาเป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้นไม่รับประกัน
จึงเป็นการไม่สมควรและไม่ก่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ
เท่ากับได้เงินจากการขายเพียงน้อยนิด เพื่อแลกกับอธิปไตย และมรดกของชาติ
กับโอกาสที่ค่ากระแสไฟฟ้าจะแพงขึ้นได้อีกมากมาย
หลังการแปรรูปได้สำเร็จหมดทุกกิจการ ช่วงเวลาของการยึดครองทุกกิจการของรัฐ
โดยกลุ่มพันธมิตรทุนจะเกิดขึ้นตามมาในไม่ช้า ตัวอย่าง โรงไฟฟ้าระยอง, ราชบุรี
เป็นต้น
และเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้นายทุนต่างชาติเข้ายึดครองได้โดยง่ายหลังช่วง FTA
มีรัฐวิสาหกิจอีกหลายสิบแห่ง ที่จะทยอยกันเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เช่น
การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าภูมิภาค การประปา องค์การโทรศัพท์
การกีฬาแห่งประเทศไทย อสมท. ททบ5. ฯลฯ
ถามว่าประชาชนจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อหุ้นจำนวนมากมาย
เว้นแต่หุ้นส่วนใหญ่จะหลุดไปสู่มือของนายทุนทั้งคนไทย
และต่างชาติในท้ายสุดนั่นเอง
(ชินคอร์ป, CP,
และกลุ่มทุนทุกกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดปัจจุบันจะกล้าทำสัญญาประชาคม
โดยให้คำมั่นว่าจะไม่ไปมีผลประโยชน์หรือเป็นเจ้าของหุ้นใดๆ ในรัฐวิสาหกิจสาธารณูปโภคพื้นฐานทุกประเภทที่กำลังจะถูกขายเข้าตลาดหุ้น
ตลอดจนจะต้องรับประกันได้ด้วยว่าสัดส่วนที่รัฐบาลต้องถือเอาไว้ 75 %
จะคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป วันใดที่เงื่อนไขนี้ไม่เป็นจริง
ทุกตระกูลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดนี้ต้องถูกยึดทรัพย์ทุกชนิดให้ตกทอดเป็นของแผ่นดิน
นี่คือการแสดงความบริสุทธิ์ใจทั้งปัจจุบันและอนาคต
ถ้าท่านทำได้ก็คงยากที่จะต่อต้านการแปรรูปของท่าน อย่าว่าแต่ กฟผ. เลย
แม้แต่ทำเนียบของท่านเองก็แปรได้ ข้อสำคัญ
สัญญาประชาคมฉบับนี้ต้องไม่มีรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดๆ มาล้มล้างได้
ถ้ามีความพยายามยกเลิกแก้ไข เช่น การแปรสัญญาสัมปทานต่างๆ ที่ท่านถนัด
ถือว่าผิดเงื่อนไข ต้องริบทรัพย์ล้มละลายสถานเดียว
ขอรับรองว่าสัญญาฉบับนี้คงไม่ทำให้ท่านผู้นำ และคณะถึงกับต้องไปเป็นขอท่านหรอก
ครับท่าน )
4. กำหนดผลประโยชน์ของพนักงาน กฟผ. โดยให้สิทธิซื้อหุ้น 8 เท่าของเงินเดือน
ถือเป็นเสมือนหนึ่งผลประโยชน์ต่างตอบแทน ฯลฯ
Comment:
เป็นเพียงการหยิบยื่นเศษเนื้อมาให้เป็นค่าปิดปากเท่านั้น
เทียบไม่ได้กับทรัพย์สิน และมรดกของชาติที่จะต้องถูกนายทุน โกงเอาไปจนหมดสิ้น
ด้วยการซื้อในราคาที่กำหนด ซึ่งมีการประเมินเอาไว้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น 2
เท่าเป็นอย่างน้อย
การเป็นรัฐบาลที่จ้องแต่จะขายสมบัติทุกชนิดของชาติ ใครๆ ก็อยากทำ
ได้เงินเข้ามาทันตาเห็น ราวกับบริหารประเทศได้ดียิ่ง แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่
ถ้าพูดว่ากระจายหุ้น ไม่ได้ขาย แสดงว่าต้องเอา 63 ล้านคนมาหาร 1.2 แสนล้านบาท
ได้คนละเท่าไร เก็บรักษาเอาไว้กินปันผล ไม่ต้องจ่ายเงิน
นายทุนก็ห้ามมากว้านซื้อไป เพราะซื้อขายไม่ได้ เป็นการกระจายห้ามซื้อขาย
ความหมายของคำว่ากระจายหุ้นไม่ใช่ขายของท่านนายกดอกเตอร์
น่าจะให้น้องอุ๊งอิ๊ง มาฝึกงานขาย
นะ ครับ รับรองไม่เจ็ง
เพราะเป็นการเอาของหลวงไปขายโดยแท้ ได้ทั้งการต้อนซื้อหุ้นถูกๆ ในช่วงแรก
แถมยังมีเงินมาให้ถลุงใน ครม. อีกแยะ มีแต่ได้กับได้
แต่ประเทศไทยหายนะอย่างไรไม่มีใครสนใจ ยิ่ง NPL รอบสองยิ่งดี จะได้เป็นข้ออ้าง
ในการเอาทรัพย์สมบัติของชาติส่วนที่เหลือ ขายเพิ่มได้อีก
ขอเตือนอย่าขายเพลินจน ทำเนียบไม่เหลือหรือ IMF ไม่ให้กู้ก็แล้วกัน
|