การไฟฟ้าฝ่ายผลิต

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแปรรูป

รู้ไม่เคยทันทักษิณ

วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2547

โดย Oliver

 วิจารณ์ สี่แนวทางที่คุณทักษิณฯ จะงัดเอามาสยบการต่อต้านการแปรรูป กฟผ.

1. จัดตั้งคณะกรรมการกลางดูแลค่าไฟฟ้า 7 คน

Comment: การตั้งกรรมการ 7 คน สรรหาภายในเวลา 1 เดือนเศษๆ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าดี ในเมื่อคณะกรรมการกำกับดูแลค่าไฟฟ้าตามสูตร FT ชุดปัจจุบัน เป็นคนของรัฐบาลอยู่แล้วทุกคน ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ถึงตั้งใหม่ก็เป็นคนของคุณ ฯพณฯ … เท่านั้น คงไม่ใช่คนกลางที่มีความรู้ความเข้าใจจริงๆ

2. โอนทรัพย์สินของแผ่นดิน ได้แก่เขื่อนและทรัพยากรน้ำไปขึ้นกับกระทรวงการคลัง แล้วนำไปให้ บริษัท กฟผ. ที่จะเกิดขึ้นเช่าช่วง เพื่อแสวงหาประโยชน์กลับเข้าสู่บริษัทฯ

Comment: เชื่อว่าทรัพยากรน้ำก็ต้องมีการซื้อขายกันในอนาคต แล้วเกษตรกรไทยจะเป็นอย่างไร? ค่าดูแลรักษาเขื่อนและพื้นที่ของเขื่อนทั้งหมดจะใช้เงินใคร? และจะมีผลต่อค่าไฟฟ้าหรือไม่?พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าทุกแห่งทั่วประเทศจะต้องถูกเก็บภาษีลักษณะใดบ้าง? ในอัตราร้อยละเท่าไรของราคาประเมิน? เมื่อภาษีเหล่านี้เดิมมีอัตราอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 12.5 % ภายหลังถูกบวกเข้าไปในต้นทุนของค่าไฟฟ้าแล้ว ค่าไฟฟ้าจะไม่ขึ้นราคาได้อย่างไร?

กรณีที่จะมีกฎหมายใหม่เข้าสภา เพื่อมาไล่เก็บภาษีกับผู้ที่กักตุนที่ดิน รวมทั้งคนไทยทุกคนที่มีบ้านพร้อมที่ดินเกิน 100 ตารางวา ต่อไปจะต้องเสียภาษีตัวนี้ด้วย (ภาษีเสาเรือน) ในอัตรา 0.1 % ของราคาประเมิน โรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่งจะได้อานิสงค์จากภาษีตัวนี้อย่างเต็มๆ โดยได้รับส่วนลดภาษีจาก 12.5 % เหลือเพียง 0.1 % เท่านั้น เข้าใจว่าภาษีตัวนี้จะมาใช้กับพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าทุกแห่งทั่วประเทศด้วย สรุปผลกระทบไปตกกับประชาชนทุกตน แต่นายทุนเจ้าของโรงงานได้รับผลประโยชน์มหาศาล แบบแปรสัญญาไม่มีผิด ระวังให้ดี โปรดเตรียมเก็บเงินเอาไว้เสียภาษีส่วนนี้ไว้ด้วย ท่านลูกทาสทั้งหลาย!!!

3. กำหนดวิธีกระจายหุ้นให้ทั่วถึง โดยให้กลุ่มคนระดับล่างได้มีโอกาสซื้อหุ้นก่อนในวงเงินไม่เกินคนละ 1 หมื่นบาท ถ้าขายไม่หมด ต้องรวบรวมไปให้นายทุนรับซื้อแทนทั้งหมด

Comment: โดยพื้นฐานคนไทยทั้ง 63 ล้านคน มีคนที่สนใจเล่นหุ้นอยู่เพียง 2 ถึง 3 แสนคนเท่านั้น และมีเพียงประมาณ 2,000 คนเท่านั้น ที่เล่นหุ้นเป็นอาชีพ ถึงจะยัดเยียดให้ซื้อหุ้น เชื่อว่าไม่นานคงนำออกขายจนหมด หุ้นส่วนใหญ่จะไหลตกไปอยู่ในมือของนายทุนอยู่ดี ข้อน่าคิด! >> ถ้าไม่มีตลาดหุ้นประเทศจะล่มสลายหรือไม่?

เงินจากการขายหุ้นรวมประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เข้า กฟผ.บ้าง หรือไม่? จะนำไปใช้หนี้ให้กับส่วนใด? ใครก่อหนี้เหล่านั้น? มีการตั้งใจจะนำไปใช้หนี้ 1.37 แสนล้านของ กฟผ. บ้างไหม? หรือกันเอาไว้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ให้กับ กฟผ. ด้วยหรือไม่? จำเป็นต้องเร่งใช้คืนขนาดนั้นเชียวหรือ? หนี้ที่ กฟผ. ค้างชำระมีประมาณ 5.7 % ของหนี้สาธารณะรวมทั้งประเทศเท่านั้น และอยู่ในวิสัยที่จะผ่อนชำระเองได้ไม่ยาก ค่าไฟฟ้าปรับราคาตามต้นทุนหลัก คือค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งรับรองได้ว่ากระทรวงพลังงานดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว

คุณฯพณฯ ใช้กลยุทธที่ไม่ Smart เหมือนผู้หญิง ใช้ทีวีของรัฐและหนังสือพิมพ์ โจมตี กฟผ. ทุกวัน ท่านให้ข้อมูลที่ถูกต้องไม่ถึงครึ่ง ทีเหลือบิดเบือนข้อมูลจนไม่น่าให้อภัย ความโลภทำให้มนุษย์ทำชั่วได้ทุกอย่าง หมอมิ้งคือเครื่องมือ เพราะไม่อยากกลับบ้านไปเลี้ยงลูก เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญใหม่ ถ้าถูกปลดจากรัฐมนตรีเท่ากับขาดสภาพการเป็น สส. บัญชีรายชื่อไปด้วย และหมดสิทธิ์เข้าสภา ท่านจึงต้องทำหน้าที่ท่องจำคำบัญชาของฯพณฯ ได้อย่างแม่นยำ ทุกลีลาทุกคำพูดราวกับบันทึกเทปเอาไว้

ที่หมอมิ้ง บอกว่า จะกันเงิน 6 หมื่นล้านบาท หรือเท่ากับกึ่งหนึ่งของการขายหุ้นในครั้งนี้มาเป็นกองทุนค่าไฟฟ้า พร้อมกับตรึงราคาค่าไฟไม่ให้ขึ้นราคาเป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้นไม่รับประกัน จึงเป็นการไม่สมควรและไม่ก่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ เท่ากับได้เงินจากการขายเพียงน้อยนิด เพื่อแลกกับอธิปไตย และมรดกของชาติ กับโอกาสที่ค่ากระแสไฟฟ้าจะแพงขึ้นได้อีกมากมาย หลังการแปรรูปได้สำเร็จหมดทุกกิจการ ช่วงเวลาของการยึดครองทุกกิจการของรัฐ โดยกลุ่มพันธมิตรทุนจะเกิดขึ้นตามมาในไม่ช้า ตัวอย่าง โรงไฟฟ้าระยอง, ราชบุรี เป็นต้น และเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้นายทุนต่างชาติเข้ายึดครองได้โดยง่ายหลังช่วง FTA

มีรัฐวิสาหกิจอีกหลายสิบแห่ง ที่จะทยอยกันเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เช่น การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าภูมิภาค การประปา องค์การโทรศัพท์ การกีฬาแห่งประเทศไทย อสมท. ททบ5. ฯลฯ ถามว่าประชาชนจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อหุ้นจำนวนมากมาย เว้นแต่หุ้นส่วนใหญ่จะหลุดไปสู่มือของนายทุนทั้งคนไทย และต่างชาติในท้ายสุดนั่นเอง

(ชินคอร์ป, CP, และกลุ่มทุนทุกกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดปัจจุบันจะกล้าทำสัญญาประชาคม โดยให้คำมั่นว่าจะไม่ไปมีผลประโยชน์หรือเป็นเจ้าของหุ้นใดๆ ในรัฐวิสาหกิจสาธารณูปโภคพื้นฐานทุกประเภทที่กำลังจะถูกขายเข้าตลาดหุ้น ตลอดจนจะต้องรับประกันได้ด้วยว่าสัดส่วนที่รัฐบาลต้องถือเอาไว้ 75 % จะคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป วันใดที่เงื่อนไขนี้ไม่เป็นจริง ทุกตระกูลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดนี้ต้องถูกยึดทรัพย์ทุกชนิดให้ตกทอดเป็นของแผ่นดิน นี่คือการแสดงความบริสุทธิ์ใจทั้งปัจจุบันและอนาคต ถ้าท่านทำได้ก็คงยากที่จะต่อต้านการแปรรูปของท่าน อย่าว่าแต่ กฟผ. เลย แม้แต่ทำเนียบของท่านเองก็แปรได้ ข้อสำคัญ สัญญาประชาคมฉบับนี้ต้องไม่มีรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดๆ มาล้มล้างได้ ถ้ามีความพยายามยกเลิกแก้ไข เช่น การแปรสัญญาสัมปทานต่างๆ ที่ท่านถนัด ถือว่าผิดเงื่อนไข ต้องริบทรัพย์ล้มละลายสถานเดียว ขอรับรองว่าสัญญาฉบับนี้คงไม่ทำให้ท่านผู้นำ และคณะถึงกับต้องไปเป็นขอท่านหรอก ครับท่าน )

4. กำหนดผลประโยชน์ของพนักงาน กฟผ. โดยให้สิทธิซื้อหุ้น 8 เท่าของเงินเดือน ถือเป็นเสมือนหนึ่งผลประโยชน์ต่างตอบแทน ฯลฯ

Comment: เป็นเพียงการหยิบยื่นเศษเนื้อมาให้เป็นค่าปิดปากเท่านั้น เทียบไม่ได้กับทรัพย์สิน และมรดกของชาติที่จะต้องถูกนายทุน โกงเอาไปจนหมดสิ้น ด้วยการซื้อในราคาที่กำหนด ซึ่งมีการประเมินเอาไว้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น 2 เท่าเป็นอย่างน้อย

การเป็นรัฐบาลที่จ้องแต่จะขายสมบัติทุกชนิดของชาติ ใครๆ ก็อยากทำ ได้เงินเข้ามาทันตาเห็น ราวกับบริหารประเทศได้ดียิ่ง แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ ถ้าพูดว่ากระจายหุ้น ไม่ได้ขาย แสดงว่าต้องเอา 63 ล้านคนมาหาร 1.2 แสนล้านบาท ได้คนละเท่าไร เก็บรักษาเอาไว้กินปันผล ไม่ต้องจ่ายเงิน นายทุนก็ห้ามมากว้านซื้อไป เพราะซื้อขายไม่ได้ เป็นการกระจายห้ามซื้อขาย ความหมายของคำว่ากระจายหุ้นไม่ใช่ขายของท่านนายกดอกเตอร์

น่าจะให้น้องอุ๊งอิ๊ง มาฝึกงานขาย……นะ ครับ รับรองไม่เจ็ง เพราะเป็นการเอาของหลวงไปขายโดยแท้ ได้ทั้งการต้อนซื้อหุ้นถูกๆ ในช่วงแรก แถมยังมีเงินมาให้ถลุงใน ครม. อีกแยะ มีแต่ได้กับได้ แต่ประเทศไทยหายนะอย่างไรไม่มีใครสนใจ ยิ่ง NPL รอบสองยิ่งดี จะได้เป็นข้ออ้าง ในการเอาทรัพย์สมบัติของชาติส่วนที่เหลือ ขายเพิ่มได้อีก

ขอเตือนอย่าขายเพลินจน ทำเนียบไม่เหลือหรือ IMF ไม่ให้กู้ก็แล้วกัน


1