|
|
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแปรรูป |
รบ.ซื้อเวลากฟผ. 'ม็อบ'ผนึกวัดใจใครจะอึดกว่ากัน วันพุธที่ 7 เมษายน 2547 |
ไทยโพสต์ |
ปลุกขวัญม็อบให้หนักแน่น อย่ากลัวหากรัฐบาลจะใช้กำลังสลายการชุมนุม มั่นใจสุดท้าย "แม้ว-หมอมิ้ง" จะต้องออกตามบอร์ด เผยแปรรูป กฟผ.มีสิทธิ์เลื่อนยาวถึงปี 48 หรือรัฐบาลหน้า รมว.พลังงานยังปากกล้า ประกาศเดินหน้าต่อ
บรรยากาศในการชุมนุมของพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
เมื่อวันที่ 6 เมษายน ยังคงดำเนินไปอย่างเข้มข้น
พนักงานบางกลุ่มยังคงเดินสายแจกเอกสารข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแปรรูปกิจการรัฐวิสาหกิจในแหล่งชุมชน
และคาดว่าจะยังคงชุมนุมต่อเนื่องไปจนถึงช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 13-15 เมษายน
พร้อมกันนี้ได้ขอร้องพนักงานที่ชุมนุมอยู่ ให้ใช้ช่วงเทศกาลสงกรานต์สร้างความเข้าใจกับบุคคลรอบข้าง เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแปรรูป โดยเฉพาะในเรื่องความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ท่าทีของรัฐบาลเกี่ยวกับการแปรรูป กฟผ.นั้นผ่อนลงมาก ภายหลังจากคณะกรรมการ (บอร์ด) กฟผ. ที่มีนายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานลาออกยกชุด ซึ่งการแต่งตั้งบอร์ดชุดใหม่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 7 เม.ย.นี้ โดยคาดว่านายชัยอนันต์ สมุทวณิช ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานบอร์ดคนใหม่ แต่ก็เชื่อว่าจะไม่สามารถสลายการชุมนุมของพนักงาน กฟผ.ได้โดยง่าย เพราะจะต้องใช้เวลาหารือถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไม่มีกำหนด แม้รัฐบาลจะให้เวลาในการทำความเข้าใจและสร้างเกณฑ์ต่างๆ ให้ชัดเจนภายใน 2 เดือน จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าแม้ว่าเวลาได้ล่วงเลยมาแล้วกว่าเดือน จะส่งผลให้การแปรรูป กฟผ.มีโอกาสที่จะเลื่อนยาวออกไปเป็นปี 2548 หรือรอการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ "ขณะนี้รัฐบาลกำลังเผชิญปัญหาหลายด้าน และจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องเร่งสร้างบรรยากาศที่ดี ต้องยอมรับว่ามีผลต่อคะแนนนิยมของประชาชน การประนีประนอมจะเป็นทางเลือกที่ดีสุดเพื่อรอการเลือกตั้งใหม่ และการแปรรูป กฟผ.ต้องทบทวนรูปแบบให้เหมาะสม โดยเฉพาะการปรับปรุง พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ" แหล่งข่าวระบุ อย่างไรก็ตาม น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รมว.พลังงาน ได้กล่าวตอบโต้กระแสข่าวจากกระทรวงการคลังที่ว่าจะเลื่อนการแปรรูป กฟผ.ออกไปเป็นปี 2548 โดยยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลจะยังคงเดินหน้านำ กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในปี 2547 ต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ซึ่งจะดำเนินการต่อไปจนกว่าจะมีการนำ กฟผ.เข้าไปจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน ทั้งนี้แหล่งข่าวระบุว่า กระทรวงพลังงานได้วางแผนให้ กฟผ.ระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ เพื่อที่จะขยายการลงทุนไปสู่ต่างประเทศ เนื่องจากมองว่า กฟผ.มีศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านการผลิตไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน และรัฐบาลได้เตรียมใช้โครงการ "อาเซียนกริด" ไว้รองรับ โดยมีการเชื่อมโยงสายส่งกับเพื่อนบ้าน แต่เมื่อมีการชุมนุมคัดค้านของพนักงาน กฟผ.เพื่อต้องการให้ กฟผ.เป็นเพียงกิจการที่ดูแลไฟฟ้าประชาชนและลงทุนในประเทศเท่านั้น (หมายเหตุ: ทางผู้ชุมนุมคัดค้าน ไม่ได้เรียกร้องให้ กฟผ. ทำกิจการเฉพาะภายในประเทศเลย เป็นความเข้าใจผิดของทางกระทรวงเอง - หมาเฝ้าบ้าน) ดังนั้นบอร์ดชุดใหม่จึงต้องหารือกันอย่างละเอียด เพื่อนำไปสู่การได้ทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะขณะนี้รัฐและพนักงาน กฟผ.อาจจะมีมุมมองที่ต่างกัน แต่มีจุดหมายเดียวกันคือการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน รายงานข่าวระบุว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 7 เม.ย. น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รมว.พลังงาน จะเสนอรายชื่อบอร์ด กฟผ.ชุดใหม่ให้ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบ โดยตามโผล่าสุดในเบื้องต้นผู้ที่จะเข้ามานั่งเป็นประธานบอร์ด กฟผ.คือ นายชัยอนันต์ สมุทวณิช ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย ส่วนกรรมการประกอบด้วย นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน นายวิโรจน์ นวลแข กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ นิลคูหา อดีต ผบช.น. ขณะที่กรรมการชุดเก่าที่ยังคงอยู่ ประกอบด้วย นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอภัย จันทนจุลกะ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายแล ดิลกวิทยรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนนายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไม่ขอกลับมานั่งในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง นายสันทัด จิรายุวัฒน์ รองผู้ว่าการการเงิน กฟผ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ กฟผ.กำลังศึกษาแนวทางการระดมเงินของ กฟผ. เพื่อการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้วระดับหนึ่ง และแบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย ภาระการลงทุน และอัตราค่าไฟฟ้า โดยจะแยกวิธีการศึกษาแนวทางการระดมทุนจะมีข้อดีและเสียอย่างไร รวมถึงวิธีการระดมทุนผ่าน ตลท.ด้วย ซึ่งการศึกษาต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แต่จะไม่นำไปเสนอรัฐบาล ทั้งนี้ กฟผ.จำเป็นต้องคิดล่วงหน้าถึงทางเลือกไหนที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของคนไทยได้ นายพรายพล คุ้มทรัพย์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า การแปรรูป กฟผ.รัฐบาลควรจะปรับปรุงโครงสร้างกิจการไฟฟ้าให้มีความชัดเจนก่อน โดยหัวใจสำคัญจะต้องแยกบทบาทของผู้กำหนดนโยบาย สร้างตลาดไฟฟ้าให้มีการแข่งขันและมีการกำกับดูแลอย่างเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย หากแปรรูปโดยที่ยังให้ กฟผ.เป็นผู้ผูกขาดอยู่ แต่กลายเป็นบริษัทเอกชนก็ไม่ต้องแปรรูปเลยดีกว่า ซึ่งประชาชนก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วย "การผูกขาดอยู่ที่ กฟผ.แล้วเอกชนก็แข่งขันไม่ได้ รูปแบบนี้จะไม่เป็นประโยชน์ต่อใครเลยยกเว้น กฟผ. ควรจะต้องมีการกำหนดตลาดให้แข่งขันกัน รัฐบาลก็ควรจะเปิดให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรมระหว่าง กฟผ.และเอกชน" นายพรายพลกล่าว
ดังนั้นรัฐบาลต้องปรับปรุงรูปแบบการแปรรูป กฟผ.ใหม่
โดยกำหนดให้มีการแข่งขันกันผลิตไฟฟ้าอย่างชัดเจนและเท่าเทียมกัน
และแยกส่วนที่ผูกขาดออกมา โดยเฉพาะสายส่งไฟฟ้า
เจ้าของสายส่งไฟฟ้าจะต้องไม่มีโรงไฟฟ้า
มิฉะนั้นจะเกิดความลำเอียงต่อผู้ผลิตไฟฟ้ารายอื่น
นอกจากนี้จะต้องมีองค์กรกำกับดูแลที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ รัฐบาลจะต้องมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน
ปราศจากการแทรกแซงด้านการเมืองที่ไม่เป็นธรรม |