การไฟฟ้าฝ่ายผลิต

 

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแปรรูป

 
ท่อก๊าซไทย-มาเลย์สู่การแปรรูป สะท้อนรัฐเผด็จการของนายทุน

วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2547

กรุงเทพธุรกิจ : เครือข่ายคนจะนะรักษ์ถิ่น

          การคัดค้านแปรรูป การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นกระแสครึกโครมนั้น นับเป็นการตรวจสอบที่เข้มข้น ของภาคประชาสังคม ที่มีต่อนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกครั้งหนึ่ง

           หากย้อนมองกลับไปที่โครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ได้รับการอนุมัติไฟเขียวให้ดำเนินโครงการจากรัฐบาลทักษิณท่ามกลางการคัดค้านของชาวบ้านในพื้นที่ และข้อกังขาของนักวิชาการที่ยังไร้คำตอบจากรัฐบาลและ ปตท.

           ในขณะที่โรงแยกก๊าซได้มีการถมดินปรับพื้นที่ไปมากพอสมควร ปิดทางสาธารณะของชุมชน ถมทำลายพรุชุ่มน้ำและลำรางสาธารณะไปอย่างไม่สนใจในความเดือดร้อนของชุมชน ตำรวจก็ยังคงสับเปลี่ยนกำลังคุมพื้นที่บริเวณก่อสร้างโรงแยกก๊าซ  คุกคามสันติสุขและวิถีชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายของชาวจะนะไม่ต่างจากดินแดนก่อการร้าย

           บัดนี้ การก่อสร้างท่อส่งก๊าซทั้งบนบกและในทะเลได้เริ่มขึ้นแล้ว คำถามที่ตรงไปตรงมาอย่างที่สุดที่ได้รับคำตอบอันอึมครึมจากรัฐบาลและ ปตท.มาตลอด ก็คือว่า ก๊าซที่แยกมาได้จำนวนมหาศาลเกือบเท่ากับโรงแยกก๊าซที่ระยองนั้นจะเอาไปไหน

           แน่นอนว่าครึ่งหนึ่งเป็นของมาเลเซีย ส่วนครึ่งของไทยนั้น ใน 5 ปีแรกนั้นไม่มีแหล่งใช้ก๊าซที่แยกมาได้ จึงขายให้มาเลเซียทั้งหมด แต่ภายใน 5 ปีนี้ เราจะต้องสร้างศักยภาพการใช้ก๊าซให้ได้

           ดังนั้น นิคมอุตสาหกรรมที่มีแน่จะตั้งที่ไหน ?

           มีโรงงานอุตสาหกรรมประเภทใดบ้าง ? โรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ไหน เอาน้ำจืดจากที่ไหนมาใช้ ? ขยะอุตสาหกรรมจะทิ้งที่ใด ? น้ำเสียจะบำบัดและทิ้งอย่างไร ?

           สิ่งเหล่านี้ คือ บางส่วนเสี้ยวของคำถามของการคัดค้านที่ไร้คำตอบจากรัฐบาลและ ปตท.

           หากมองให้ลึก โดยเปรียบเทียบกรณีของโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซียกับการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยแล้ว มีความเหมือนกันอย่างยิ่งหลายประการ กล่าวคือ

           1.เป็นการตัดสินใจในนโยบายใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศอย่างเผด็จการ โดยไม่มีการประชาพิจารณ์และการฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน แม้จะมีการเรียกร้องมาตลอดให้รัฐบาลจัดประชาพิจารณ์ หรือเวทีสาธารณะเพื่อให้เกิดการถกกันด้วยเหตุผลทีละประเด็นอย่างเป็นวิชาการ และถ่ายทอดให้ประชาชนรับทราบและตัดสินใจเอง แต่รัฐบาลก็ปฏิเสธเสมอมา เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าย่อมจะพ่ายแพ้ด้วยเหตุผลทางวิชาการ

           2.รัฐบาลจะอ้างว่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและคนส่วนใหญ่ คนส่วนน้อยต้องเสียสละ พนักงาน กฟผ.ก็เหมือนคนจะนะที่ต้องเสียสละเพื่อชาติ แต่แท้จริงนั้นเป็นการขายชาติขายทรัพยากรแก่กลุ่มทุน เมื่อถามลึกลงไปว่าคนไทยได้อะไรเสียอะไร ก็ไม่สามารถแจงเป็นรายละเอียดที่ชัดเจนได้

           3.ใช้กลไกสื่อในการทำประชาสัมพันธ์แบบบอกความจริงไม่หมด พูดแต่ข้อดี ละเลยข้อเสีย เงื่อนไขสำคัญที่จะเป็นผลกระทบทางลบที่จะตามมากลับไม่บอก

           เช่น นิคมอุตสาหกรรมนับหมื่นไร่ที่จะตามมาจากท่อก๊าซ ที่จะทำให้สงขลาเปลี่ยนจากเมืองท่องเที่ยวเป็นเมืองโรงงานเหมือนระยองก็ไม่บอกให้ประชาชนทราบ ส่วนของการแปรรูปการไฟฟ้านั้นก็ไม่มีความชัดเจนเรื่องการกระจายหุ้น กลไกการคุ้มครองผู้บริโภคไฟฟ้า หรือประสบการณ์การแปรรูปที่ล้มเหลวของต่างประเทศ รัฐบาลกลับให้ข้อมูลเฉพาะส่วนที่ดูดีน่าแปรรูปเท่านั้น

           4.พยายามทำให้ผู้คัดค้านกลายเป็นโจรป็นพวกเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ตนเอง ทั้งๆ ที่ผู้คัดค้านมีจิตสาธารณะอย่างเต็มเปี่ยม การคัดค้านทั้งท่อก๊าซและการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นการพิทักษ์ผลประโยชน์ประเทศชาติ  แต่คนจะนะได้ถูกสร้างภาพให้เป็นโจร เป็นคนชอบใช้ความรุนแรงไปแล้ว

           ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง ความรุนแรงทุกครั้งฝ่ายรัฐเป็นผู้เริ่มก่อนและยั่วยุให้รุนแรงขึ้นทั้งสิ้น กรณีของกฟผ.ก็เช่นกัน พนักงานที่คัดค้านจะถูกสร้างภาพให้เป็นผู้ทำให้ไฟฟ้าดับ หยุดงานประท้วงจนไฟตก ทำให้คนกรุงเทพฯ เดือดร้อน เรียกร้องคัดค้าน เพราะอยากได้สัดส่วนการถือหุ้นฟรีเพิ่มขึ้น ไม่ได้มีอุดมการณ์เพื่อชาติแต่อย่างไร

           5. กรณีท่อก๊าซจะนะที่นายกรัฐมนตรีลงมาเจรจาเองที่ลานหอยเสียบ ซึ่งคนจะนะถูกหลอกมาแล้วนั้น นายกฯ นั้น ได้ลงมาพบเพื่อหยอดคำหวานหวังลดกระแสการคัดค้าน มากกว่ารับฟังข้อคิดเห็นจากอีกฝ่ายไปพิจารณาอย่างจริงจัง เพียงแต่รอคอยจังหวะเพื่อทำลายความชอบธรรมของฝ่ายค้านว่าหัวดื้อไม่ฟังเหตุผลของนายกฯ และประกาศเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีเหตุผลอธิบายมากไปกว่า 'เชื่อผู้นำจะดีเอง'

           กรณีของ กฟผ.นั้น นายกฯ ได้ลงไปเจรจาด้วยแล้ว ผลลัพธ์ในอนาคตเชื่อมั่นได้ว่าไม่ต่างกรณีท่อก๊าซจะนะอย่างแน่นอน

           6. มีการใช้กลไกรัฐทุกทางเท่าที่มีเพื่อสลายความเข้มแข็งของกลุ่มผู้คัดค้าน ซึ่งกรณีของท่อก๊าซนั้นก็มีการทุบสลายการชุมนุมด้วยกำลังให้หวาดกลัว ฟ้องศาลว่ากลุ่มผู้คัดค้านทำร้ายเจ้าหน้าที่และความสงบของบ้านเมือง รวมทั้งส่งกำลังตำรวจไปตั้งค่ายในหมู่บ้านเพื่อกดดันคุกคามชาวบ้าน ในขณะที่สหภาพแรงงานที่คัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้น ย่อมถูกเล่นงานเรื่องวันลา ไม่ขึ้นเงินเดือนให้ การขาดงานสมควรให้ออก หรือจัดขึ้นบัญชีดำไว้  ซึ่งย่อมถูกกลั่นแกล้งได้ในอนาคต

           7.สุดท้าย รัฐบาลทักษิณนั้นมีจุดยืนที่ชัดเจนในการยืนข้างกลุ่มทุน ยึดประโยชน์ทุนใหญ่มากกว่าประโยชน์ต่อประชาชนทั้งประเทศ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่รัฐบาลจะประกาศเดินหน้าโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซียต่อไปด้วยคำอธิบายเพียง 4 บรรทัดครึ่ง ละเลยข้อทักท้วงมากมายที่ไร้คำตอบที่สามารถอธิบายได้

           กรณีของการแปรรูป กฟผ.ก็เช่นกัน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจหรือการแปลงสินทรัพย์เป็นหุ้นนี้ เป็นจุดยืนที่ชัดที่สุดของรัฐบาลนายทุน ขายสมบัติชาติให้เป็นของเอกชน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นบริษัทมหาชนแล้วย่อมต้องคิดถึงแต่กำไร มากกว่าการให้เป็นสวัสดิการต่อประชาชนคนยากจนอย่างแน่นอน

           รัฐบาลไทยรักไทยภายใต้การนำอย่างเผด็จการทางความคิดอย่างนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรนั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทั้งยุทธศาสตร์และยุทธวิถีในการขายสมบัติชาติและทรัพยากรของชาติ หรือการรับมือกับกลุ่มผู้คัดค้านนโยบายของรัฐแต่อย่างไร

           ดังนั้น การเรียนรู้บทเรียนจากการคัดค้านนโยบายการพัฒนาเพื่อกลุ่มทุนมากกว่าประชาชน อย่างโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทยมาเลเซียนั้น ย่อมจะช่วยให้มองเห็นเดาทางการเดินเกมตอบโต้กลุ่มผู้คัดค้านการแปรรูปการไฟฟ้าจากฝ่ายรัฐบาลได้ชัดเจนขึ้น


1