พระพุทธเจ้า
คือท่านผู้ตรัสรู้สัจธรรม
พระองค์ทรงค้นพบความจริงอันสูงสุด
และมิได้ทรงบังคับผู้ใดให้เชื่ออย่างงมงายในคำสอนของพระองค์
ความมีเหตุผลของพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
อยู่ที่การเปิดโอกาสให้มีการสอบสวนอย่างถี่ถ้วนในทุกขั้นตอนแห่งวิถีทางไปสู่การตรัสรู้
เพื่อที่จะเข้าใจสภาพแห่งปรากฏการณ์ทั้งปวง
จำเป็นจะต้องอาศัยปัญญาญาณกำกับตลอดสาย
สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนชาวกาลามะ
ผู้อาศัยอยู่ในเกสปุตตนิคม
ในราชาอาณาจักร
หรือแคว้นโกศล
ถึงท่าทีอันเหมาะสมเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา
พระองค์ตรัสว่า "อย่าเชื่อหรือถือเอาสิ่งใด
ๆ เพียงการฟังตามๆ กันมา ,อย่าเชื่อเพียงที่ถือสือกันมา,
อย่าเชื่อเพียงข่าวลือ,
อย่าเชื่อโดยอ้างตำรา,
อย่าเชื่อโดยนึกเดาเอา,
อย่าเชื่อโดยการคาดคะเน,
อย่าเชื่อเพียงตรึกคิดไปตามอาการ
,
อย่าเชื่อเพียงเพราะน่าเชื่อถือ,
อย่าเชื่อเพียงเพราะว่าสมณะผู้นี้เป็นครูของเรา
,อย่าเชื่อเพียงเพราะความคิดเห็นของตน"
และแล้ว
พระพุทธเจ้าก็ทรงสอนชาวกาลามะต่อไป
ให้พิจารณาทุกสิ่งด้วยตนเองอย่างถี่ถ้วน
"เมื่อใด
ท่านรู้ด้วยตนเองว่า
สิ่งเหล่านี้ไม่ดี
นักปราชญ์ติเตียน
เมื่อรับไว้และปฏิบัติแล้ว
จะนำไปสู่ภัยอันตราย
ก็จงสละละทิ้งเสีย
ในทางตรงกันข้าม
เมื่อท่านทราบด้วยตนเองว่า
สิ่งเหล่านี้ไม่ถูกติเตียน
นักปราชญ์สรรเสริญ
เมื่อรับไว้และปฏิบัติแล้ว
จะนำไปสู่ประโยชน์และความสุข
ก็จงรับไว้ปฏิบัติ".
|