ประวัติแห่งอนุพุทธ ๘๐ พระองค์
คณะตรีมิตร และ คณาจาริโย
Ab75
พระยโสชเถระ
ชาติภูมิ
ท่านพระยโสชะ
เกิดในตระกูลชาวประมงในพระนครสาวัตถี บิดาของท่านเป็นหัวหน้าของชาวประมง ๕๐๐
ตระกูล เดิมท่านชื่อว่า ยโสชะ
เมื่อวันที่ท่านคลอดจากครรภ์มารดานั้น บรรดาภรรยาชาวประมง ๕๐๐ คน
ก็คลอดบุตรออกมาเป็นชายพร้อมกันในวันเดียวกัน ใช่แต่เท่านั้น
ท่านกล่าวว่าเมื่อปฏิสนธิลงสู่ครรภ์มารดาก็พร้อมกันด้วย เหตุนั้น
เมื่อหัวหน้าชาวประมงผู้เป็นบิดาของยโสชะ ทราบว่าเด็กในบ้านนั้นเกิดพร้อมกันในวันเดียวกันกับบุตรของตน
จึงให้เครื่องบำรุงเลี้ยงมีค่าน้ำนมเป็นต้นแก่เด็กเหล่านั้น ด้วยประสงค์ว่า
ต่อไปจะได้เป็นสหายแห่งลูกชายตน เด็กเหล่านั้นทั้งหมดได้เป็นสหายเล่นฝุ่นด้วยกัน
ค่อยเจริญขึ้นโดยลำดับ ลูกชายหัวหน้าชาวประมงได้เป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กเหล่านั้น
โดยยศ และ โดยเดช เมื่อเจริญวัยขึ้นแล้วได้เป็นสหายจับปลาด้วยกัน
และมีความรักใคร่ซึ่งกันและกัน วันหนึ่งพวกสหายเหล่านั้นพากันถือแหไปเพื่อจะจับปลา
พากันทอดแหในแม่น้ำอจิรวดี ได้ปลาทองใหญ่ตัวหนึ่ง แต่มีกลิ่นปากเหม็น
เมื่อพวกชาวประมงทั้งหมดได้เห็นแล้วพากันส่งเสียงขึ้นด้วยความดีใจ ปรึกษากันว่า
บุตรของพวกเราจับได้ปลาทองตัวใหญ่ พระเจ้าแผ่นดินคงจะโปรดปรานพระราชทานรางวัลให้
สหายเหล่านั้นทั้งหมดจับปลาใส่ในเรือนำไปถวายพระเจ้าแผ่นดิน
เพื่อให้พระองค์ทรงทอดพระเนตร พระเจ้าแผ่นดินทอดพระเนตรแล้ว ทรงดำริว่า
พระบรมศาสดาคงจะทรงทราบเหตุที่ปลานี้เป็นทอง จึงรับสั่งให้คนหามปลานั้น
แล้วเสด็จไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พอถึงที่เฝ้าแล้วปลานั้นก็อ้าปากขึ้น
กลิ่นเหม็นกลบทั่วพระนครทั้งหมด พระบรมศาสดาทรงรับสั่งว่า
ปลานี้เมื่อก่อนเคยเป็นภิกษุชื่อว่า กปิลเป็นพหุสูตมีบริวารมาก แต่ประพฤติย่อหย่อนในพระธรรมวินัย
ในพุทธศาสนากัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นรับสั่งดังนั้นแล้วจึงตรัสกปิลสูตรฯ
อุปสมบท
บรรลุอรหันต์
ในเวลาจบเทศนา บุตรชาวประมง ๕๐๐ คน
มียโสชะเป็นหัวหน้าเกิดความเลื่อมใส
จึงได้ทูลขอบรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระบรมศาสดา ครั้นอุปสมบทแล้วก็หลีกไปอยู่ที่เงียบสงัดเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม
ครั้งหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร ในพระนครสาวัตถี
ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป มีท่านพระยโสชะเป็นหัวหน้า พากันมาเฝ้าพระองค์
ครั้นถึงแล้วได้คุยกันกับพวกภิกษุเจ้าถิ่นเสียงดังลั่น จนได้ยินถึงพระกรรณ
พระองค์ทรงรับสั่งถามว่า อานนท์ ภิกษุพวกไหนนั่นมาคุยกันเสียงดังลั่นเหมือนชาวประมงแย่งปลากัน
พระอานนท์กราบทูลให้ทรงทราบแล้ว รับสั่งให้บอก ภิกษุเหล่านั้นเข้ามาเฝ้า
ตรัสถามอีก ท่านพระยโสชะกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว
ทรงประณามขับไล่ไม่ให้อยู่ในสำนักของพระองค์ พวกภิกษุเหล่านั้นพากันถวายบังคมกระทำประทักษิณ
แล้วหลีกไป เที่ยวจาริกโดยลำดับ บรรลุถึงฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา เขตแดนเมืองเวสาลี
พากันทำกุฎิและบังด้วยใบไม้เข้าพรรษา ณ ที่นั้น อาศัยความไม่ประมาท
อุตส่าห์บำเพ็ญสมณธรรม เจริญวิปัสสนากรรมฐานไม่นานก็ได้สำเร็จพระอรหัตผลพร้อมกันทั้งหมดภายในพรรษานั้น
ครั้นออกพรรษาปวารณาแล้ว พระบรมศาสดาเสด็จจาริกมายัง กรุงเวสาลี
ประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลาป่ามหาวัน
ทรงทราบว่าภิกษุเหล่านั้นได้สำเร็จพระอรหันต์แล้ว
จึงรับสั่งให้พระอานนท์มาเรียกพวกเธอมาเฝ้า
พระอานนท์ได้ไปเรียกภิกษุเหล่านั้นให้มาเฝ้าตามรับสั่ง ครั้นถึงที่เฝ้าแล้ว
ได้เห็นพระองค์นั่งเข้าอเนญชาสมาธิอยู่ พวกท่านรู้พากันนั่งเข้าอเนญชาสมาธิตาม
ส่วนพระอานนท์เห็นพระบรมศาสดาประทับนิ่งอยู่
จึงทูลเตือนถึงสามครั้งว่าภิกษุอาคันตุกะมานั่งอยู่นานแล้ว จึงตรัสบอกว่า อานนท์
ฉันและภิกษุอาคันตุกะ ๕๐๐ รูปเหล่านี้ นั่งเข้าอเนญชาสมาธิอยู่ฯ ท่านพระยโสชะนั้น
นับเข้าในพระสาวกผู้ใหญ่รูปหนึ่ง เมื่อดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว
ก็ดับขันธปรินิพพานฯ