ประวัติแห่งอนุพุทธ ๘๐ พระองค์

คณะตรีมิตร และ คณาจาริโย

Ab40

พระภัททิยเถระ

 

ชาติภูมิ

ท่านพระภัททิยะ เป็นพระโอรสของนางศากยกัญญา ผู้ทรงพระนามว่ากาฬีโคธาราชเทวี อยู่ในกรุงกบิลพัศดุ์ พระนามว่า ภัททิยราชกุมาร เมื่อเจริญวัยแล้ว ได้เสวยราชสมบัติสืบศากยวงศ์ ต่อมาภายหลังอนุรุทธกุมาร ผู้สหายได้มาชักชวนให้ออกบรรพชา ในชั้นต้น ภัททิยราชกุมารไม่พอใจจะออกบวชด้วย ผลที่สุดก็จำเป็นต้องยอมบวช จึงได้ทูลลาพระมารดา สละราชสมบัติเสด็จออกไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่อนุปิยนิคมแคว้นมัลละ พร้อมด้วยพระราชกุมารห้าพระองค์ คือ อนุรุทธะ, อานันทะ, ภคุ, กิมพิละ, และเทวทัตต์ นับอุบาลีผู้เป็นนายภูษามาลาเข้าด้วยเป็น ๗ ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย ครั้นพระภัททิยะได้อุปสมบทแล้วเป็นผู้ไม่ประมาท อุตส่าห์บำเพ็ญสมณธรรม ไม่นานก็ได้บรรลุพระอรหัตต์ในพรรษาที่บวชนั้น เมื่อท่านได้บรรลุพระอรหัตต์แล้วไม่ว่าจะไปอยู่ในที่ใด คือ ไปในป่าก็ดี อยู่ใต้ร่มไม้ก็ดี อยู่ในที่ว่างจากเรือนแห่งอื่น ๆ ก็ดี มักเปล่งอุทานในที่นั้นว่า “สุขหนอ ๆ” เสมอ ๆ ภิกษุทั้งหลายได้ยิน ได้ฟังแล้ว จึงนำความไปกราบทูลพระบรมศาสดาว่า ท่านพระภัททิยะอุทานอย่างนี้ คงไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์มัวนึกถึงราชสมบัติเป็นแน่นอน ไม่ต้องสงสัย พระบรมศาสดารับสั่งให้หาพระภัททิยะมาแล้วตรัสถามว่า ภัททิยะ ได้ยินว่า ท่านเปล่งอุทานอย่างนั้น จริงหรือ? จริงพระพุทธเจ้าข้า ท่านเห็นอำนาจอย่างไร จึงได้เปล่งอุทานอย่างนั้น ท่านภัททิยะกราบทูลว่า เมื่อก่อนข้าพระพุทธเจ้าเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ต้องจัดการรักษาป้องกันทั้งภายในวังและนอกวัง ทั้งภายในเมืองและนอกเมือง จนตลอดทั่วอาณาเขต ข้าพระพุทธเจ้า แม้มีคนรักษาตัวอย่างนี้แล้ว ยังต้องหวาดกลัวสะดุ้งอยู่เป็นนิตย์ เดี๋ยวนี้ข้าพระพุทธเจ้า แม้ไปอยู่ป่า แม้จะอยู่ใต้ร่มไม้ แม้จะอยู่ในที่ว่างจากเรือนแห่งอื่น ๆ ก็ไม่กลัว ไม่หวาด ไม่รังเกียจ ไม่สะดุ้งแล้ว ไม่ต้องขวนขวาย มีขนเป็นปกติ ไม่ลุกชันเพราะความกลัว อาศัยอาหารที่ผู้อื่นให้เลี้ยงชีพมีใจดุจมฤคอยู่ ข้าพระพุทธเจ้าเห็นอำนาจประโยชน์อย่างนี้แล้วจึงเปล่งอุทานอย่างนั้น ๆ พระบรมศาสดาทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว ทรงเปล่งอุทานชมเชยขึ้นในเวลานั้นฯ

 

เอตทัคคะ

         ท่านภัททิยะนั้นเกิดในตระกูลสูง ทั้งท่านก็ได้เป็นกษัตริย์เสวยราชสมบัติแล้วด้วย ถึงอย่างนั้นก็ยังสละราชสมบัติออกบวช ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงได้รับความสรรเสริญจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้เกิดในตระกูลสูง ท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพานฯ

1