ประวัติแห่งอนุพุทธ ๘๐ พระองค์
คณะตรีมิตร และ คณาจาริโย
ชาติภูมิ
ท่านพระอุปสีวะ เป็นบุตรพราหมณ์ในพระนครสาวัตถี เมื่อเจริญวัยแล้ว ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพราหมณ์พาวรี ผู้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล เพื่อศึกษาศิลปวิทยา ต่อมาพราหมณ์พาวรีมีความเบื่อหน่ายในฆราวาส จึงออกบวชเป็นชฎิล ประพฤติพรตตามลัทธิของพราหมณ์ ตั้งอาศรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวารี ที่พรมแดนแห่งเมืองอัสสกะและเมืองอาฬกะต่อกัน เป็นคณาจารย์ใหญ่บอกไตรเพทแก่หมู่ศิษย์ อุปสีวมาณพ ได้ออกบวชติดตามไปศึกษาศิลปวิทยาอยู่ด้วย และอยู่ในมาณพ ๑๖ คน ที่พราหมณ์พาวรีผูกปัญหาให้ไปทูลถามฯ
ทูลถามปัญหา
๔ ข้อ
ท่านได้ทูลขอโอกาสถามปัญหา ครั้นได้รับพระพุทธานุญาตแล้ว จึงได้ทูลถามปัญหาเป็นคนที่หกว่า
ลำพังข้าพระพุทธเจ้าผู้เดียว
ไม่ได้อาศัยอะไร และไม่อาจข้ามห้วงทะเลใหญ่ คือ กิเลสได้
ขอพระองค์ตรัสบอกอารมณ์ที่หน่วงเหนี่ยว ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าจะควรอาศัยข้ามห้วงนี้
แก่พระพุทธเจ้าเถิด
พระบรมศาสดาทรงพยากรณ์ว่า ท่านจงเป็นผู้มีสติ เพ่งอากิญจัญญายตนญาณ อาศัยอารมณ์ว่าไม่มี ๆ ดังนี้ ข้ามห้วงทะเลใหญ่เถิด ท่านจงละกามทั้งหลายเสีย เป็นคนหมดความสงสัย เห็นความหมดไปแห่งความทะยานอยากได้ชัดเจน ทั้งกลางวันกลางคืนเถิดฯ
อุปสีวมาณพ
ผู้ใดปราศจากความกำหนัดในกามทั้งหลายทั้งปวงแล้ว
ตัดญาณอื่นได้แล้ว อาศัยอากิญจัญญายตนญาณ คือ ความเพ่งใจว่า ไม่มีอะไร เป็นอารมณ์ น้อมใจไปแล้วในอากิญจัญญายตนญาณ
ซึ่งเป็นธรรมที่เปลื้องสัญญาอย่างประเสริฐสุด
ผู้นั้นจะตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนญาณนั้น ไม่มีเสื่อมบ้างหรือ?
พระพุทธเจ้า
ผู้นั้นจะตั้งอยู่ในอากิญจัญญยตนญาณนั้นไม่เสื่อม
อุปสีวมาณพ
ถ้าผู้นั้นจะตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนญาณนั้น
ไม่มีเสื่อมสิ้นไป เขาจะเป็นคนยั่งยืนอยู่ในอากิญจัญญายตนญาณนั้น หรือ จะดับขันธปรินิพพาน
วิญญาณของคนเช่นนั้นจะเป็นฉันใด?
พระพุทธเจ้า
เปลวไฟอันกำลังลมเป่าแล้วดับไป
ไม่ถึงความนับว่าได้ไปแล้วข้างทิศไหน ฉันใด ท่านผู้รู้พ้นไปแล้วจากกองนามรูป
ย่อมดับไม่มีเหลือ (คือ ดับพร้อมทั้งกิเลส ทั้งขันธ์ คือ ร่างกาย)
ไม่ต้องไปเกิดเป็นอะไรอีกฉันนั้นฯ
อุปสีวมาณพ
ท่านผู้นั้นดับไปแล้ว
หรือ เป็นเพียงแต่ไม่มีตัว หรือ จะเป็นผู้ตั้งอยู่ยั่งยืน หาอันตรายมิได้
ขอพระองค์ทรงพยากรณ์ความข้อนั้นแก่ข้าพเจ้า เพราะว่าธรรมนั้นพระองค์ได้ทรงทราบแล้ว
พระพุทธเจ้า
ผู้ที่ดับขันธปรินิพพานแล้ว
มิได้มีกิเลส ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดในชาติต่อไปอีก เพราะฉะนั้น
ประมาณแห่งเบญจขันธ์ของผู้นั้น ไม่มีอีกเมื่อธรรมทั้งหลาย (มีขันธ์เป็นต้น)
อันผู้นั้นขจัดได้หมดแล้ว ก็ไม่ต้องกล่าวถึงว่าผู้นั้นจะไปเกิดเป็นอะไรอีกฯ
ครั้นพระบรมศาสดาทรงแก้ปัญหา ที่อุปสีวมาณพทูลถามอย่างนี้แล้ว ในที่สุดแห่งการแก้ปัญหา อุปสีวมาณพก็ได้บรรลุพระอรหัตผล (ก่อนอุปสมบท) เมื่อการพยากรณ์ปัญหาแห่งมาณพนอกนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อุปสีวมาณพพร้อมด้วยมาณพอีกสิบห้าคน ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา ท่านพระอุปสีวะนั้น เมื่อยังมีชนมายุอยู่ได้ช่วยทำกิจพระพุทธศาสนาตามสมควรแก่กำลังความสามารถ ท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้วก็ดับขันธปรินิพพานฯ..