มองพระไตรปิฎกผ่านหนังสือพลังแห่งชีวิต
: เมื่อชาวพุทธไม่อ่านพระไตรปิฎกเหมือนชาวคริสต์อ่านไบเบิล
พงศธร กิจเวช (อัฐ)
ปรากฏการณ์ทางศาสนาที่น่าสนใจที่สุดในปี 2547 คือหนังสือ พลังแห่งชีวิต ของ มูลนิธิ อาเธอร์ เอส เดอมอส ซึ่งประชาสัมพันธ์อย่างมากตามสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรทัศน์
หนังสือเล่มนี้มีขนาดพ็อกเก็ตบุ๊ค 133 หน้า แจกฟรี เนื้อหาเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ พระเจ้า ชีวิตคริสเตียน บทสัมภาษณ์คนไทยที่มีชื่อเสียง 9 คน กับ นาย อาเธอร์ เอส เดอมอส เจ้าของชื่อมูลนิธิ
และสิ่งสำคัญคือส่งเสริมการอ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์หรือไบเบิล (Bible) จากเนื้อหาทั้งหมด 7 บท มี 2 บทคือ บทที่ 5 พระคัมภีร์คริสเตียนบอกอะไร และ บทที่ 6 พระคัมภีร์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ว่าด้วยความหมาย ที่มา ผู้เขียน ส่วนประกอบพระคัมภีร์ แนะนำวิธีอ่านว่าควรเริ่มต้นอ่านอย่างไร และจูงใจให้อ่าน
ขอยกตัวอย่างข้อความน่าสนใจ เช่น
ด้วยการทานอาหารที่ดีทุกมื้อมีความสำคัญต่อคุณฉันใด ... การอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน ก็สำคัญฉันนั้น คุณควรหมั่นอ่านพระคัมภีร์จนกลายเป็นนิสัย ... (หน้า 71)
พระคัมภีร์คือมาตรฐานที่เราใช้ในการตัดสินใจและสร้างความคิดเห็นต่อทุก ๆ ด้านของชีวิต (หน้า 72)
จึงสมควรที่จะอ่าน ทำความเข้าใจ ศึกษา ตั้งคำถาม และอ่านด้วยความเคารพตั้งแต่ต้นจนจบ (หน้า 114)
อย่าเพียงแต่อ่าน ให้จดบันทึกด้วย คุณอาจจะขีดเส้นใต้ข้อความในพระคัมภีร์ที่มีความสำคัญสำหรับคุณ และจดบันทึกคำถามที่คุณอาจจะมีในใจ หรือจดความคิดบางอย่าง ... (หน้า 118)
พระคัมภีร์ไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องเคารพสักการะมากเสียจนไม่ควรจะถูกตั้งคำถามใด ๆ (หน้า 120)
การศึกษาพระคัมภีร์ไม่ใช่ปลายทาง แต่เป็นวิถีทางสู่ที่หมายปลายทาง หลายคนศึกษาพระคัมภีร์และบ้างก็ท่องจำ แต่ไม่ได้ตอบสนองด้วยการกระทำตาม (หน้า 121)
สำหรับชาวคริสต์นั้นการอ่านพระคัมภีร์เป็นเรื่องปกติ เนื่องจาก
1. ความเชื่อของชาวคริสต์ว่า พระคัมภีร์เป็นพระวจนะ (คำพูด) ของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้าเป็นหลักสำคัญที่สุดของศาสนาคริสต์ ดังคำกล่าวของพระเยซูเมื่อมีผู้ถามพระองค์ว่า ในธรรมบัญญัตินั้นข้อใดสำคัญที่สุด พระเยซูทรงตอบว่า จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้า และด้วยสุดความคิดของเจ้า (มัทธิว 22 : 36-37)
2. มีการส่งเสริมการอ่าน ในโบสถ์วันอาทิตย์มักมีการอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ร่วมกัน ใครไม่ได้นำพระคัมภีร์มาทางโบสถ์ก็มีให้ยืม นอกจากนี้ยังมีผู้จัดพิมพ์พระคัมภีร์แจกฟรี
3. พระคัมภีร์ทั้งหมดสามารถพิมพ์รวมเป็นเล่มเดียว ทำให้อ่านได้สะดวก เนื่องจากพระคัมภีร์แบ่งเป็น 2 ภาคใหญ่คือ ภาคพันธสัญญาเดิม (Old Testament) เป็นเรื่องก่อนสมัยพระเยซู กับ ภาคพันธสัญญาใหม่ (New Testament) มีเนื้อหาตั้งแต่สมัยพระเยซูเป็นต้นมา ซึ่งภาคพันธสัญญาใหม่นี้นิยมพิมพ์แยกเล่มต่างหาก ทำให้มีน้ำหนักเบาลงมาก (ภาคพันธสัญญาใหม่นั้นสั้นกว่าภาคพันธสัญญาเดิมประมาณ 3 เท่า) อีกทั้งมีขนาดเล็กให้เลือกด้วย จึงพกพาสะดวกยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่ สดุดีและสุภาษิต ฉบับ 1973 ของ สมาคมพระคริสตธรรมไทย ขนาดโดยประมาณ กว้าง 9 ซ.ม. สูง 13.3 ซ.ม. หนา 1.7 ซ.ม. สามารถใส่กระเป๋าเสื้อได้
4. ชาวคริสต์ส่วนใหญ่มักมีพระคัมภีร์ของตัวเอง และหลายคนก็พกติดตัวหรือติดรถด้วย
5. ฉบับภาษาไทยแม้ใช้สำนวนภาษาเก่า แต่ไม่มีศัพท์ยากหรือศัพท์เฉพาะมากนัก ทำให้เข้าใจไม่ยาก
สำหรับชาวพุทธ มีน้อยคนมากที่เคยอ่านพระไตรปิฎก และน้อยยิ่งกว่าน้อยที่อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ เนื่องจาก
1. หลักศาสนาพุทธเน้นการปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่มีความเชื่อ ค่านิยม หรือข้อกำหนด ว่าต้องอ่านหรือควรอ่านพระไตรปิฎก
2. ขาดการส่งเสริมการอ่านพระไตรปิฎก ที่บ้าน วัด โรงเรียน และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ
3. พระไตรปิฎกมีความยาวมาก ตัวอย่างเช่น ฉบับภาษาไทย ของ มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เป็นหนังสือขนาดประมาณ A4 หรือสมุดโทรศัพท์ 45 เล่ม ไม่สามารถพิมพ์รวมเป็นเล่มเดียวได้ และไม่สะดวกในการพกพา
4. ชาวพุทธส่วนใหญ่ไม่มีพระไตรปิฎกของตัวเอง
5. ฉบับภาษาไทยใช้สำนวนภาษาเก่า มีศัพท์ยากและศัพท์เฉพาะจำนวนมาก ทำให้อ่านยากขึ้น
จะเกิดอะไร ถ้าชาวพุทธส่วนใหญ่ยังคงไม่สนใจอ่านพระไตรปิฎก
พระพุทธเจ้าทรงทำนายไว้ดังนี้
[๖๗๒] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพน (กลองชนิดหนึ่ง) ชื่อ อานกะ ของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า ทสารหะ ได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมาโครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม (ใหม่) แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว ... จักไม่ปรารถนาฟัง จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มีอักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิตอยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ
[๖๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้ว ... จักอันตรธานฉันนั้นเหมือนกัน ...
(อาณิสูตร เล่ม 16)
มีความพยายามที่จะเพยแพร่พระไตรปิฎกหลายวิธี ที่น่าสนใจ เช่น หนังสือ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชน ของ สุชีพ ปุญญานุภาพ ที่ได้ย่อพระไตรปิฎกทั้งหมดมาพิมพ์เป็นเล่มเดียว มีประวัติ และดัชนีช่วยค้นคำ, หนังสือพระไตรปิฎกฉบับต่าง ๆ ของ ธรรมรักษา เช่น ฉบับสาระ ฉบับดับทุกข์ ฉบับเซ็น ฯลฯ ซึ่งคัดเลือกบางตอนที่น่าสนใจ มาเล่าใหม่ในภาษาที่เข้าใจง่าย นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลแบบออนไลน์และดาวน์โหลดพระไตรปิฎกทางอินเทอร์เน็ต เช่น
http://84000.org/tipitaka
www.tipitaka.com
www.learntripitaka.com
หรือแจกเป็นซีดี www.cdthamma.com
ขอเสนอให้แปลหรือสังคายนาพระไตรปิฎกใหม่เป็นภาษาปัจจุบัน ใช้ถ้อยคำสำนวนที่คนทั่วไปเข้าใจง่าย คัดเลือกตอนสำคัญหรือแก่นของพุทธศาสนามารวมพิมพ์เป็นเล่มเดียว มีขนาดสามารถพกพาสะดวก มีฉบับการ์ตูน พิมพ์แจกฟรีหรือจำหน่ายราคาถูก จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านพระไตรปิฎกอย่างจริงจัง ที่บ้าน วัด โรงเรียน และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ
และอ่านด้วยวิจารณญาณ ดังพระพุทธองค์ตรัสว่า อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา ... ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเอง (เกสปุตตสูตร หรือ กาลามสูตร เล่ม 20)
คงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากได้อ่านคัมภีร์ของศาสนาอื่น ๆ ด้วย ไม่ใช่เพื่อเปรียบเทียบว่าใครดีกว่า แต่เพื่อเข้าใจและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
การศึกษาธรรมะไม่ว่าศาสนาใด ควรเริ่มต้นจากคำพูดของศาสดา ดีกว่าฟังหรืออ่านแต่คำสอนของสาวก มิเช่นนั้นอาจจะได้ธรรมะที่ผิดเพี้ยน ไม่นำไปสู่ความสุขที่แท้จริง
|