าลาท่าพระจันทร์ (ตอนที่ 10)

 

·      รอ ...ก็เราเพื่อนกัน (ตอนจบ)

 

       สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ฉบับนี้คงเป็นฉบับสุดท้าย เพราะอะไรนะหรือครับ     ก็เรื่องของไอ้พิพัฒมันคงจบลงวันนี้แล้วหล่ะ      คงไม่มีเรื่องหวาน ๆ ขม ๆ มาบ่มให้สุขอีกต่อไปเพราะน้องมาลามาลัยเธอเทใจไปให้คนอื่น เหลือเพียงความขมขื่นที่ตกอยู่กะไอ้พิพัฒเพื่อนของผม ความรักมันช่างมีอานุภาพมากเสียจริงนะครับ มันทำให้เพื่อนของผมเศร้าซึม ไม่เป็นไอ้พิพัฒคนเดิมเหมือนเมื่อก่อน และแล้วอาการอกหักก็มาเยือน ไอ้พิพัฒเพื่อนผมมันอกหักแล้วครับ น้องมาลาเค้าตัดสินใจบอกลาไอ้พิพัฒเมื่อเช้านี้ พร้อมกับให้มาลัยดอกจำปี (จำเป็นปีเลยครับมันน่ะ) เป็นการตัดสัมพันธ์ที่ผ่านมาเป็น ปี ๆ นี้ให้จบลง ก่อนจากไอ้พิพัฒมันก็ซึมเล็กน้อย ดีนะครับที่มันเก็บอาการอยู่ เพราะมันก็รู้มานานแล้วว่าน้องมาลาไม่ได้มีใจให้มันเลยแม้แต่น้อย ด้วยเพราะทั้งสองนั้นต่างกัน ทั้งด้านอาชีพและอุปนิสัยใจคอ แต่ความรักมันก็ทำให้ความแตกต่างระหว่างคนสองคนเปลี่ยนไปได้ แต่ก็ได้ไม่นานนักหรอกครับ วันหนึ่ง ทางแยกสองทางที่รวมประสานกันเป็นทางเดียวก็ต้องแยกออกอีก ขึ้นอยู่กับว่าคนปูถนนเค้าออกแบบมันไว้เป็นเช่นไร ก็เท่านั้น คนปูถนนก็คือหัวใจของคนสองคนไงครับ ใจคือความคิดคือสิ่งที่มีอำนาจที่จะทำให้ชีวิตเราเป็นอย่างไร  และคิดสิ่งซึ่งเป็นตัวตัดสินใจในหลาย ๆ สิ่ง ก่อนที่คนทั้งสองจะจากกันด้วยดี ไอ้พิพัฒมันก็ฝากถ้อยกวีไว้ให้เตือนใจน้องมาลาเค้าห้าบทแน่ะ ลองมาฟังกันนะครับ

 

                                  “ยากให้ความรัก

                           ที่หลายคนรู้จักมากกว่าฉัน

                           มันคือสิ่งที่เชื่อมคนเข้าด้วยกัน

                           มีเธอฉันหลังจากวันคบกันมา

                                  ฉันคงไม่รู้ว่าความรัก

                           อธิบายกว้างมากนักเกินแผ่นฟ้า

                           มีเริ่มรักมีหยุดรักเมื่อเดินมา

                           ถึงจุดหนึ่งที่เบื่อหน้ากันและกัน

                                  เวลาที่เริ่มรัก

                           มันช่างหวานอย่างหนักรักเรานั้น

                           เมื่อเลิกรักไม่มองหน้าพูดจากัน

                            มีแต่หางตาให้กันอย่างเย็นชา

                                  ลืมรักเมื่อเริ่มต้น

                            เหลือแต่เพียงแค่คนเดินผ่านหน้า

                           ลืมวันวานของเราร่วมกันมา

                           มีแต่ไม่อยากเห็นหน้าลืมกันไป

                                  นี่แหละความรัก

                           เริ่มแรกหวานหวานนักนะรักใคร่

                           พอล่มรักก็กลับร้างห่างเราไป

                           ไม่เหลือแม้เพื่อนที่ให้กันและกัน”

       ผมฟังแล้วน้ำตาแทบจะไหลทะลักทลายเชียวครับ บรรยากาศเค้ากำลังเศร้า แต่เราก็ดูจะไม่ค่อยเศร้าซักเท่าไหร่เลย โธ่ก็ผมดีใจกะน้องมาลาที่ตัดสินใจถูกนี่ครับ ผมคิดว่าพ่อค้าน้ำเต้าหู้เค้าเหมาะกันดี ดูแล้วน่าจะแฮปปี้ในที่สุดครับ วันนี้ฟังคำกลอนของไอ้พิพัฒมัน ผมก็ได้รู้ซึ้งถึงความรักได้ชัดเจนขึ้น ก็จริงอย่างในเนื้อความกล่าวทุกอย่าง ความรักมักจะเป็นอย่างนี้ เลยไม่มีใครให้คำจำกัดความของคำว่ารักลงหนังสือรายปักษ์ได้เลยสักคน ความรักเนี่ยยุ่งยากเสียจริงนะครับ ผมคิดว่าเป็นอย่างผมนะดีที่สุดแล้ว ก็แค่ได้แอบรักใครสักคน รักอยู่อย่างนี้คนเดียวมันก็ดูมีความสุขดีอย่าบอกใครเชียวครับ ไม่มีแม้วันแยกทางกันหรือวันที่จะเลิกคบกันเป็นเพื่อน ได้แค่นี้ก็สุขใจแล้วครับสำหรับผม แต่ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าผมรักเธอ แต่ความรู้สึกที่เราไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยคือ “เพื่อน” คำ ๆ นี้ยึดเราสองคนไว้ด้วยกันตลอดเวลา อย่างน้อยถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่แฟนกัน แต่เราก็เป็นเพื่อนกัน มิตรภาพแห่งเพื่อนมันยาวนานกว่ามิตรภาพอย่างอื่น จริงไหมครับ

       หลังจากวันนั้นไอ้พิพัฒเพื่อนผมก็กลับกลายเป็นคนเก็บตัวเงียบ อยู่คนเดียว คิดอะไรคนเดียว ผมอยากให้มันรู้ไว้บ้างว่าเพื่อน ๆ เป็นห่วงและก็อยากได้ไอ้พิพัฒคนเดิมกลับมา กลับมาเสวนา กวนหน้ากวนตีนพวกเราอย่างเดิม ถึงแม้ว่าจะรับไม่ได้บ้างแต่ก็ดีกว่าที่เป็นอยู่อย่างนี้  ผมรวบรวมความกล้าที่แม่ผมเคยให้ไว้ตั้งแต่เกิด หาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เดินเชิดหน้าเข้าไปหามัน มือกำแน่น ไม่ใช่จะไปบู้หรือไปต่อยมันแต่อย่างใดนะครับ แต่เพราะว่ามือมันสั่นครับ ก็เพราะไม่เคยปลอบใจคนอกหักมาก่อน เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน ผมอุทานกับตัวเองก่อนที่จะเดินไปหาไอ้พิพัฒที่ระเบียงหน้าห้อง แล้วผมก็เอ่ยปากเพื่อเตือนสติมันว่า

 

                                  “ มีคนบอกไว้ว่า

                           คนนั่งเหงาช่างไร้ค่ากับทุกสิ่ง

                           ปล่อยเวลาให้ผ่านไปไม่ไหวติง

                           คิดวนเวียนกับหลายสิ่งอยู่คนเดียว

                                  เหมือนเชือกที่พันตัว

                           มัวแต่นั่งขยับหัวรัวเสียงเขียว

                           ไม่คิดแก้เชือกออกหรอกคนเดียว

                           ปมปลายเชือกแค่เศษเสี้ยวหาไม่เจอ

                                  รู้บ้างไหม..คนเหงา

                           ว่าการเฝ้าทบทวนเรื่องพร่ำเพ้อ

                           ค้นหาทำตานึกตรึกจนเจอ

                           แล้วก็เหม่อมองอะไรให้ผ่านตา

                                  เหงา...เหงามันหวั่นไหว

                           ออกอาการอ่อนใจผ่านใบหน้า

                           อยากให้ใครที่คิดถึงเค้าผ่านมา

                           เข้ามานั่งแล้วพูดจาอยู่กับเรา

                                  แผ่นหลังกับตาลอย

                           นั่งทำตาไหลย้อยมือกอดเข่า

                           เอียงแก้มซบ..กับแผ่น..ขาที่ชาเบา

                           อยู่กับความเหงา ๆ ไปทำไม”

 

       ผมอยากให้มันรู้ว่าตอนนี้ถึงแม้มันจะไม่มีคนรักที่ชื่อมาลาแล้วแต่มันก็ยังมีเพื่อนที่รักที่มารอมันอยู่ รออยู่ที่ห้องเรียนห้องเดิมทุกวัน อยากจะเข้ามาแหย่และเล่นกับมันเหมือนที่ผ่าน ๆ มาก็เท่านั้น

       หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้แม้แต่จะพูดอะไรต่อ ผมกลัวว่าไอ้พิพัฒมันจะเศร้ากับคำพูดของผมไปมากกว่านี้ ก็มันเพราะจับใจ กินใจซะไม่มีนี่ครับ (เข้าข้างตัวเอง) (ผมว่าดีกว่าเข้าข้างคนอื่นน่ะ) ผมได้แต่กลับหลังหัน เดินกลับมานั่งมองมันเหมือนอย่างเดิม ณ ที่ ๆ เดิม และก็ได้แต่เฝ้าภาวนาว่าคำพูดของผมคงจะช่วยเตือนสติมันได้ไม่มากก็น้อย  ซักพักมือหนาใหญ่และหยาบกร้านมือหนึ่งก็มากระทบกับบ่าอันแข็งแกร่งของผมในฉับพลัน ผมหันหลังขวับมองไปอย่างเอาเรื่อง ก็มันเจ็บนี่ครับตีมาได้ ผมอุทานในใจพร้อมกับหันหน้าไปกะท้าต่อย  อุเหม่ !ใครว่ะ กล้ามาปะทะหลังเสืออย่างข้าได้ เจ็บนะโว้ย ผมหันหลังขวับ เงยหน้าได้สี่สิบองศา ลิปดาตะวันออกได้เล็กน้อยเฉียงอีกประมาณยี่สิบละติจูด และแล้วผมแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าคำพูดที่ผมเอ่ยออกไปมันทำให้ไอ้พิพัฒลุกขึ้นยืนหยัดหรือหยัดยืนอีกครั้ง แต่ผมก็คิดอยู่แล้วล่ะว่าคำพูดของผมมันกินใจเสียจริง ๆ  คิดนานนะครับกว่าจะได้ขนาดนี้  สีหน้าไอ้พิพัฒดีขึ้นและมีแนวโน้มว่ามันจะกลับเป็นคนเดิมได้ในเร็ววัน “ขอบใจนะโว้ย” เสียงของมันผุดขึ้นระหว่างใบหูทั้งสองของผม และกำลังกังวานแว่วอยู่ในสมองเป็นระรอก ๆ ประหนึ่งเกลียวคลื่นที่ถาโถมกระทบชายหาดที่ทอดตัวยาวยืดไปตามโค้งขอบฝั่ง (บรรยากาศน่าเที่ยวจัง) ผมดีใจแต่ก็ได้แต่ยิ้มแหยะ ๆ ทำอะไรไม่ถูก และก็ตบบ่าไอ้พิพัฒเบา ๆ เท่านั้น ผมดีใจนะครับที่มิตรภาพระหว่างเพื่อนของเราจะกลับมาเหมือนเดิม กลับมาเป็นเหมือนอย่างทุกครั้ง สนุกสนาน เฮฮาปาร์ตี้  รู้ไหมครับคำที่มันเอ่ยกับผมก่อนเดินจากไปคืออะไร มันบอกกับผมว่า “ไปดูหนังกะน้องเรียมดีกว่า และกลอนที่มึงว่าน้ำเน่าฉิบเป๋งเลยว่ะ เน่ากว่าของกูที่พูดให้น้องมาลาฟังอีก” ขอบอก! เนี่ยดูมันดิครับ โหไม่น่าเชื่อว่าหัวใจของมันทำได้อย่างไร มีความรักครั้งใหม่อีกแล้วครับท่าน ผมล่ะไม่เชื่อสายตาตัวเองจริง ๆ แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ ได้แต่ดีใจเสียอีกที่ได้ไอ้พิพัฒคนเดิมกลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมกับคู่ควงคนใหม่ รู้ไหมครับ ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าผมเป็นเพื่อนที่ใช้คำว่าเพื่อนได้คุ้มค่าก็วันนี้เอง ผมได้ช่วยเพื่อนของผมคนหนึ่งกลับคืนมาเป็นคนเดิม ทะลึ่ง ทะเล้นเหมือนเดิมยังไงล่ะ แต่ผมก็ทำให้สังคมกลับมามีปัญหาเหมือนเดิม ก็ปัญหาเสียงรบกวนไงครับ จริงไหม ก็ไอ้พิพัฒมันพูดมากหาใครเหมือนจริง ๆ ไม่เชื่อถามอาจารย์สมใจก็ได้  ก่อนที่เราจะลากันด้วยมิตรภาพแบบธุรกิจ ก็ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ผู้เขียนกับผู้อ่านยังไงครับ ผมก็ขอฝากกลอนไว้เป็นการอำลาเลยล่ะกัน ผมคิดว่าหนังสือเรื่องมาลาท่าพระจันทร์ของผมเล่มนี้คงสามารถทำให้ต่อมความขำ และสมองความรู้ใหม่ของคุณกะเตื้องขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ชอบหรือไม่ชอบอย่างไรก็อย่าว่ากันล่ะกันนะ ยังไงก็ทนอ่านกันมาถึงตอนจบแล้ว ขอบคุณครับ

                     “มิตรภาพ..คือของขวัญ

                     ที่ใคร ๆ ..มีให้กัน..ฉันเพื่อนใหม่

                     หรือที่มี..ให้กัน..มากกว่าใคร

                     คือความรัก..ที่ให้..จากใจจริง

                           และมิตรภาพ..แห่งเพื่อน

                     ไม่มีคำ..ว่าลางเลือน..ว่าแน่นิ่ง

                     จะเดินต่อ..และต่อไป..ไม่จมดิ่ง

                     ก็เพราะเพื่อน..ไม่ทิ้งเพื่อน..กันและกัน

                           มันคือ..ความรัก..แบบเบื้องต้น

                     ที่หนึ่งคน..ให้อีกคน..เธอและฉัน

                     เพิ่มอีกหนึ่ง..และอีกหนึ่ง..ในเร็ววัน

                     กลายเป็นกลุ่ม..เพื่อนกัน..เพื่อนของเรา

                           นี่แหล่ะ..คำว่าเพื่อน

                     ที่ย้ำเตือน..พวกเราอยู่..ไม่เคยเหงา

                     มีเพื่อน..เหมือนมีพี่..มีน้องเรา

                     จงรักษา..และจงเข้า..ใจซึ่งกัน

                           มิตรภาพ..จะไม่มี..ที่สิ้นสุด

                     จะมีหยุด..บ้างบางคราว..เมื่อหุนหัน

                     แต่จะกลับ..มาเหมือนเดิม..ไม่นานวัน

                     เพราะเพื่อนคือ...เพื่อนกัน..ฉันเพื่อนเธอ”

      

       มิตรภาพแห่งคนสองคนและคนหลายคนจะเก็บไว้ตราบนานเท่านาน แม้ว่าอดีตแห่งภาพมิตรนั้นจะผ่านไป มากหน้าหลายตา ผ่านไปกับวันเวลา แต่มันก็ยังคงจารึกไว้ไม่มีเปลี่ยนแปลง  ..ในใจ..ในไดเรคทอรี่.. สมองใบกลม ๆ ใส ๆ ใบนี้.......เช่นเคย

 

       เรื่องของไอ้พิพัฒจบลง คนเศร้ามีครับ แต่ลับหลังความเศร้าแล้วความสุขก็ผุดขึ้น ผุดขึ้นมาหลังจากเสียความรัก.. ความรักที่จบลงด้วยการให้.. ..ด้วยการเสียสละ ..สละความเสียใจที่มีทิ้งไป ..ทิ้งไปกับวันเวลาที่จะเดินผ่านมาในอีกเร็ววัน .. ความรักอาจทำให้ใครหลายคนเจ็บปวด แต่เบื้องลึกแห่งรักนั้นได้เก็บสั่งสมความชื่นอกชื่นใจนานับประการไว้ภายใต้ใบหน้าอันเปี่ยมสุข  ภายใต้รอยยิ้มของมุมปากกระจับอมชมพู ภายใต้ตีนกาที่แย่งกันขึ้น ณ หางตามหานคร   ภายในช่องปากที่คุณอาจไม่รู้ว่าคุณได้โชว์แมงกินฟันไปแล้วโดยไม่รู้ตัวเวลาคุณหัวเราะอย่างจริงจังและจริงใจกับคนที่คุณรัก  ไม่มีใครตอบคุณได้ว่าความรักคืออะไรเพราะ คุณ.....คือคนที่รู้จักคำว่ารักได้ดีที่สุด  ถ้าคุณไม่ลองทุกข์กับคำว่ารัก แล้วคุณจะรู้ไม๊ล่ะครับว่ารักที่จะเกิดขึ้นกับคุณต่อไปจะไม่สุข  ก็เพราะคุณไม่รู้ว่าทุกข์จากคำว่ารักคืออะไร รสชาดทุกรสชาดมักเกิดจากการได้ลิ้มลองก่อนทุกครั้ง  ถ้าคุณไม่ลองลิ้มคุณก็ไม่รู้รสจริงไหมครับ

       การเรียนรู้เรื่องความรักไม่ใช่สิ่งผิด บางครั้งคุณอาจจะรักใครซักคน รักเขาโดยเขาอาจจะไม่รู้ตัว แต่กระนั้นมันก็ต้องมีเหตุผลใช่ไหมครับ ว่าทำไมคุณถึงไม่บอกคนที่คุณรักว่าคุณรักเขา จิตใต้สำนึกเท่านั้นที่บอกกับคุณได้ หรือคุณอาจจะสารภาพกับเขาไปแล้วว่าคุณคิดยังไงกับเขา นั่นก็จิตใต้สำนึกของคุณอีกนั่นแหละ พ่วงด้วยความกล้าที่คุณมีในตัวเองอีกสักหน่อยเท่านั้นเป็นใช้ได้   ใคร ๆ เขาก็ชอบให้คนอื่นรักเขาทั้งนั้นแหละครับ ถ้ารักก็บอกไปเถอะ อย่าเก็บไว้ให้มันปวดหัวปวดกะบาลเลย แต่ก็ต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนนะครับว่าเราสนิทกันขนาดไหน รู้จักกันนานแค่ไหน ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าเจอใครก็บอกรักเขาไปหมด นั่นก็หลายใจแล้วครับคุณน่ะ (กรณีชู้สาว)  แต่แปลก ทำไมมีคนกล้าที่จะบอกว่า “ฉันเกลียดเธอ” หรือ “กูเกลียดมึง” มากกว่าที่จะเดินเชิดหน้าไปบอกว่า “ฉันรักเธอ” ซะอีก  หาง่ายครับประเด็นนี้ สังเกตจากการท้าตบท้าต่อยกันตามโรงเรียน มหาลัยฯ ก็ได้ทำนองนั้น  ล้นครับล้น ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่ค่อยจะเข้าใจเหมือนกัน ให้ตายสิ

          พิพัฒเพื่อนผมมันรู้แล้วว่าความรักจำกัดความว่าอะไร การเรียนรู้ด้วยตัวเองนั่นแหละเป็นการดีที่สุด ยากที่จะให้ใครมาบอกมาเล่าว่าความรักเป็นอย่างโน้นอย่างนี้โดยที่คุณไม่มีพื้นฐานความเข้าใจในเรื่องรักเลยแม้แต่น้อย อย่าให้ใครมาจูงจมูก เพราะคุณไม่ใช่ .... นะครับ (มอ.. มอ..)  เรื่องไอ้พิพัฒคงช่วยบอกอะไรคุณได้ไม่มากก็น้อยนะครับเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ ๆ เนี่ย  อาทิเช่น การเป็นเจ้าบุญทุ่ม การเป็นคนขี้หลี การเป็นคนพูดมากเกินกว่าเหตุ แหลเอ้ยแหล่ไม่เลือกแบบมันเนี่ย เก็บไว้เป็นข้อคิดอุทาหรณ์สอนใจบ้างก็ดีครับ ท่านผู้ชายทั้งหลาย

       หลังจากจบจากที่นี่แล้ว หน้าร้านน้องมาลาก็เปลี่ยนเป็นร้านขายก๋วยจั๊บแทน เนื่องจากป้าจิ๊บแกแซ้งต่อครับ ส่วนข้าง ๆ ก็ร้านเดิม ร้านแม่ไอ้ชิ้นไงครับ ขายเกาเหลาชิ้นเปื่อยไงยังจำได้ไหม และผมคงไม่วันที่จะลืมรสชาดข้าวก้นบาตรที่ผมกับไอ้หยวกลูกผู้ครองนครแห่งวัดนี้ตัดหน้าเกือบทุกวัน ตัดหน้าไปทั้งของหวานของคาวยาวทั้งก่อนเพลและหลังเพล มื้อสาธารณะชนแบบเด็กวัดอย่างเรา ๆ ไปได้ บวกกับแกงส้ม ออเดอร์บาทวิถีสตรีเหล็ก อย่างร้านน้องส้มเจ้าเก่ารสเด็ดเหมาะเฉพาะปากอย่างพระสังฆ์แบบผมเนี่ยไม่มีวันลืมเทียวครับ สาบาญ ! และไอ้พิพัฒเพื่อนผม เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่อาจจะห่างกันบ้างก็เท่านั้น แต่ความรู้สึกถึงคำว่าเพื่อนมันยังชัดเจนเหมือนเดิมและจะเหมือนเดิมตลอดไป แต่ไอ้คารมเจ้าบทเจ้ากลอนของมันจะล้าลงไปหรือเปล่าอันนี้ก็มิทราบนะครับ  ผมไม่แน่ใจอ่ะนะเรื่องนี้

         แล้วเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการครับ ^_^    
                                                จบบริบูรณ์

 

Special thanks : ท่าพระจันทร์ดินแดนที่สร้างความมัน มีฝัน มีรัก และมีเพื่อน ขอบคุณสำหรับสายธารน้ำใจแห่งดวงจันทร์ที่ผูกความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของพวกเราไว้  ณ เริ่มต้น และ จนจบ

 

                                                        มาลาท่าพระจันทร์

-                                                                                                                     นำแสดงโดย

-v[ขอบ

 -__- พิพัฒ   : ไอ้หน้าตี๋  ขี้หลีจัด  มัธยัสถ์ไม่เป็น   แหลเด่นกว่าใคร  สำคัญสุดไซร้   มันชอบใช้ไวท์โรออน (ตุ๊ดตู่ ว่ะ)
 
^…^  มาลา  : หญิงหน้าสวย ร้อยโคตรห่วยมาลัย หน้าใสตาคม  ชอบหนมกุ้ยช่าย ดุร้ายเกินหญิง สบัดทิ้งไอ้พิพัฒ ชอบดูลำตัดเป็นชีวิตจิตใจ
                               (หญิงไทยชิบเป๋งเลย)    
 
 ^__^  มิถุนายน : หล่อปานพระสังฆ์  ตุ้งตังค์ไม่ค่อยมี  ขี้หลีแต่น้อย  พูดต่อยหอยเป็นที่สุด  ความงกชำรุดพลุ่งพล่าน  เพื่อนเต็มบ้านซะไม่มี

               อารมณ์ดีไม่มีทุกข์  ชอบแงะปุกไปซื้อหนม  และที่สุดจะชื่นชม  ชอบเขียนคำคมส่งประกวด (นักล่ารางวัลจังฮู้)

กำกับบทโดย        จูนเคอะ

สี  ฉาก  เส้นใต้  ภาพอักษรประกอบโดย ^_^             ลิ่วเยี่ย

ทุ่มทุนสร้าง โดย                  มิถุนายน                                                                                                           ..........................

 

                                                            ^ __________________^

 เรียงร้อยถ้อยคำสำนวนกับฉนวนความรักอย่างขะมักเขม้น

มิถุนายน คนเขียน                                                                                                          Home

10 เมษายน 2544

 

 

 

1