มาลาท่าพระจันทร์
(ตอนที่ 10)
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน
ฉบับนี้คงเป็นฉบับสุดท้าย เพราะอะไรนะหรือครับ ก็เรื่องของไอ้พิพัฒมันคงจบลงวันนี้แล้วหล่ะ
คงไม่มีเรื่องหวาน ๆ ขม ๆ
มาบ่มให้สุขอีกต่อไปเพราะน้องมาลามาลัยเธอเทใจไปให้คนอื่น
เหลือเพียงความขมขื่นที่ตกอยู่กะไอ้พิพัฒเพื่อนของผม ความรักมันช่างมีอานุภาพมากเสียจริงนะครับ
มันทำให้เพื่อนของผมเศร้าซึม ไม่เป็นไอ้พิพัฒคนเดิมเหมือนเมื่อก่อน
และแล้วอาการอกหักก็มาเยือน ไอ้พิพัฒเพื่อนผมมันอกหักแล้วครับ
น้องมาลาเค้าตัดสินใจบอกลาไอ้พิพัฒเมื่อเช้านี้ พร้อมกับให้มาลัยดอกจำปี (จำเป็นปีเลยครับมันน่ะ)
เป็นการตัดสัมพันธ์ที่ผ่านมาเป็น ปี ๆ นี้ให้จบลง ก่อนจากไอ้พิพัฒมันก็ซึมเล็กน้อย
ดีนะครับที่มันเก็บอาการอยู่
เพราะมันก็รู้มานานแล้วว่าน้องมาลาไม่ได้มีใจให้มันเลยแม้แต่น้อย
ด้วยเพราะทั้งสองนั้นต่างกัน ทั้งด้านอาชีพและอุปนิสัยใจคอ
แต่ความรักมันก็ทำให้ความแตกต่างระหว่างคนสองคนเปลี่ยนไปได้
แต่ก็ได้ไม่นานนักหรอกครับ วันหนึ่ง ทางแยกสองทางที่รวมประสานกันเป็นทางเดียวก็ต้องแยกออกอีก
ขึ้นอยู่กับว่าคนปูถนนเค้าออกแบบมันไว้เป็นเช่นไร ก็เท่านั้น คนปูถนนก็คือหัวใจของคนสองคนไงครับ
ใจคือความคิดคือสิ่งที่มีอำนาจที่จะทำให้ชีวิตเราเป็นอย่างไร และคิดสิ่งซึ่งเป็นตัวตัดสินใจในหลาย ๆ สิ่ง
ก่อนที่คนทั้งสองจะจากกันด้วยดี ไอ้พิพัฒมันก็ฝากถ้อยกวีไว้ให้เตือนใจน้องมาลาเค้าห้าบทแน่ะ
ลองมาฟังกันนะครับ
อยากให้ความรัก
ที่หลายคนรู้จักมากกว่าฉัน
มันคือสิ่งที่เชื่อมคนเข้าด้วยกัน
มีเธอฉันหลังจากวันคบกันมา
ฉันคงไม่รู้ว่าความรัก
อธิบายกว้างมากนักเกินแผ่นฟ้า
มีเริ่มรักมีหยุดรักเมื่อเดินมา
ถึงจุดหนึ่งที่เบื่อหน้ากันและกัน
เวลาที่เริ่มรัก
เมื่อเลิกรักไม่มองหน้าพูดจากัน
นี่แหละความรัก
เริ่มแรกหวานหวานนักนะรักใคร่
ไม่เหลือแม้เพื่อนที่ให้กันและกัน
ผมฟังแล้วน้ำตาแทบจะไหลทะลักทลายเชียวครับ
บรรยากาศเค้ากำลังเศร้า แต่เราก็ดูจะไม่ค่อยเศร้าซักเท่าไหร่เลย
โธ่ก็ผมดีใจกะน้องมาลาที่ตัดสินใจถูกนี่ครับ
ผมคิดว่าพ่อค้าน้ำเต้าหู้เค้าเหมาะกันดี ดูแล้วน่าจะแฮปปี้ในที่สุดครับ
วันนี้ฟังคำกลอนของไอ้พิพัฒมัน ผมก็ได้รู้ซึ้งถึงความรักได้ชัดเจนขึ้น
ก็จริงอย่างในเนื้อความกล่าวทุกอย่าง ความรักมักจะเป็นอย่างนี้
เลยไม่มีใครให้คำจำกัดความของคำว่ารักลงหนังสือรายปักษ์ได้เลยสักคน ความรักเนี่ยยุ่งยากเสียจริงนะครับ
ผมคิดว่าเป็นอย่างผมนะดีที่สุดแล้ว ก็แค่ได้แอบรักใครสักคน รักอยู่อย่างนี้คนเดียวมันก็ดูมีความสุขดีอย่าบอกใครเชียวครับ
ไม่มีแม้วันแยกทางกันหรือวันที่จะเลิกคบกันเป็นเพื่อน
ได้แค่นี้ก็สุขใจแล้วครับสำหรับผม แต่ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าผมรักเธอ
แต่ความรู้สึกที่เราไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยคือ เพื่อน คำ ๆ
นี้ยึดเราสองคนไว้ด้วยกันตลอดเวลา อย่างน้อยถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่แฟนกัน
แต่เราก็เป็นเพื่อนกัน มิตรภาพแห่งเพื่อนมันยาวนานกว่ามิตรภาพอย่างอื่น
จริงไหมครับ
หลังจากวันนั้นไอ้พิพัฒเพื่อนผมก็กลับกลายเป็นคนเก็บตัวเงียบ
อยู่คนเดียว คิดอะไรคนเดียว ผมอยากให้มันรู้ไว้บ้างว่าเพื่อน ๆ เป็นห่วงและก็อยากได้ไอ้พิพัฒคนเดิมกลับมา
กลับมาเสวนา กวนหน้ากวนตีนพวกเราอย่างเดิม
ถึงแม้ว่าจะรับไม่ได้บ้างแต่ก็ดีกว่าที่เป็นอยู่อย่างนี้
ผมรวบรวมความกล้าที่แม่ผมเคยให้ไว้ตั้งแต่เกิด หาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เดินเชิดหน้าเข้าไปหามัน
มือกำแน่น ไม่ใช่จะไปบู้หรือไปต่อยมันแต่อย่างใดนะครับ แต่เพราะว่ามือมันสั่นครับ
ก็เพราะไม่เคยปลอบใจคนอกหักมาก่อน เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน
ผมอุทานกับตัวเองก่อนที่จะเดินไปหาไอ้พิพัฒที่ระเบียงหน้าห้อง
แล้วผมก็เอ่ยปากเพื่อเตือนสติมันว่า
มีคนบอกไว้ว่า
คนนั่งเหงาช่างไร้ค่ากับทุกสิ่ง
ปล่อยเวลาให้ผ่านไปไม่ไหวติง
คิดวนเวียนกับหลายสิ่งอยู่คนเดียว
เหมือนเชือกที่พันตัว
มัวแต่นั่งขยับหัวรัวเสียงเขียว
ไม่คิดแก้เชือกออกหรอกคนเดียว
ปมปลายเชือกแค่เศษเสี้ยวหาไม่เจอ
รู้บ้างไหม..คนเหงา
ว่าการเฝ้าทบทวนเรื่องพร่ำเพ้อ
ค้นหาทำตานึกตรึกจนเจอ
แล้วก็เหม่อมองอะไรให้ผ่านตา
เหงา...เหงามันหวั่นไหว
ออกอาการอ่อนใจผ่านใบหน้า
อยากให้ใครที่คิดถึงเค้าผ่านมา
เข้ามานั่งแล้วพูดจาอยู่กับเรา
แผ่นหลังกับตาลอย
นั่งทำตาไหลย้อยมือกอดเข่า
เอียงแก้มซบ..กับแผ่น..ขาที่ชาเบา
อยู่กับความเหงา
ๆ ไปทำไม
ผมอยากให้มันรู้ว่าตอนนี้ถึงแม้มันจะไม่มีคนรักที่ชื่อมาลาแล้วแต่มันก็ยังมีเพื่อนที่รักที่มารอมันอยู่
รออยู่ที่ห้องเรียนห้องเดิมทุกวัน อยากจะเข้ามาแหย่และเล่นกับมันเหมือนที่ผ่าน ๆ
มาก็เท่านั้น
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้แม้แต่จะพูดอะไรต่อ
ผมกลัวว่าไอ้พิพัฒมันจะเศร้ากับคำพูดของผมไปมากกว่านี้ ก็มันเพราะจับใจ
กินใจซะไม่มีนี่ครับ (เข้าข้างตัวเอง) (ผมว่าดีกว่าเข้าข้างคนอื่นน่ะ)
ผมได้แต่กลับหลังหัน เดินกลับมานั่งมองมันเหมือนอย่างเดิม ณ ที่ ๆ เดิม และก็ได้แต่เฝ้าภาวนาว่าคำพูดของผมคงจะช่วยเตือนสติมันได้ไม่มากก็น้อย
ซักพักมือหนาใหญ่และหยาบกร้านมือหนึ่งก็มากระทบกับบ่าอันแข็งแกร่งของผมในฉับพลัน
ผมหันหลังขวับมองไปอย่างเอาเรื่อง ก็มันเจ็บนี่ครับตีมาได้ ผมอุทานในใจพร้อมกับหันหน้าไปกะท้าต่อย อุเหม่ !ใครว่ะ กล้ามาปะทะหลังเสืออย่างข้าได้ เจ็บนะโว้ย
ผมหันหลังขวับ เงยหน้าได้สี่สิบองศา
ลิปดาตะวันออกได้เล็กน้อยเฉียงอีกประมาณยี่สิบละติจูด
และแล้วผมแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าคำพูดที่ผมเอ่ยออกไปมันทำให้ไอ้พิพัฒลุกขึ้นยืนหยัดหรือหยัดยืนอีกครั้ง
แต่ผมก็คิดอยู่แล้วล่ะว่าคำพูดของผมมันกินใจเสียจริง ๆ คิดนานนะครับกว่าจะได้ขนาดนี้ สีหน้าไอ้พิพัฒดีขึ้นและมีแนวโน้มว่ามันจะกลับเป็นคนเดิมได้ในเร็ววัน
ขอบใจนะโว้ย
เสียงของมันผุดขึ้นระหว่างใบหูทั้งสองของผม และกำลังกังวานแว่วอยู่ในสมองเป็นระรอก
ๆ ประหนึ่งเกลียวคลื่นที่ถาโถมกระทบชายหาดที่ทอดตัวยาวยืดไปตามโค้งขอบฝั่ง (บรรยากาศน่าเที่ยวจัง)
ผมดีใจแต่ก็ได้แต่ยิ้มแหยะ ๆ ทำอะไรไม่ถูก และก็ตบบ่าไอ้พิพัฒเบา ๆ เท่านั้น
ผมดีใจนะครับที่มิตรภาพระหว่างเพื่อนของเราจะกลับมาเหมือนเดิม
กลับมาเป็นเหมือนอย่างทุกครั้ง สนุกสนาน เฮฮาปาร์ตี้ รู้ไหมครับคำที่มันเอ่ยกับผมก่อนเดินจากไปคืออะไร
มันบอกกับผมว่า ไปดูหนังกะน้องเรียมดีกว่า และกลอนที่มึงว่าน้ำเน่าฉิบเป๋งเลยว่ะ
เน่ากว่าของกูที่พูดให้น้องมาลาฟังอีก ขอบอก!
เนี่ยดูมันดิครับ โหไม่น่าเชื่อว่าหัวใจของมันทำได้อย่างไร
มีความรักครั้งใหม่อีกแล้วครับท่าน ผมล่ะไม่เชื่อสายตาตัวเองจริง ๆ
แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ
ได้แต่ดีใจเสียอีกที่ได้ไอ้พิพัฒคนเดิมกลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมกับคู่ควงคนใหม่
รู้ไหมครับ ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าผมเป็นเพื่อนที่ใช้คำว่าเพื่อนได้คุ้มค่าก็วันนี้เอง
ผมได้ช่วยเพื่อนของผมคนหนึ่งกลับคืนมาเป็นคนเดิม ทะลึ่ง ทะเล้นเหมือนเดิมยังไงล่ะ
แต่ผมก็ทำให้สังคมกลับมามีปัญหาเหมือนเดิม ก็ปัญหาเสียงรบกวนไงครับ จริงไหม
ก็ไอ้พิพัฒมันพูดมากหาใครเหมือนจริง ๆ ไม่เชื่อถามอาจารย์สมใจก็ได้ ก่อนที่เราจะลากันด้วยมิตรภาพแบบธุรกิจ
ก็ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ผู้เขียนกับผู้อ่านยังไงครับ
ผมก็ขอฝากกลอนไว้เป็นการอำลาเลยล่ะกัน
ผมคิดว่าหนังสือเรื่องมาลาท่าพระจันทร์ของผมเล่มนี้คงสามารถทำให้ต่อมความขำ
และสมองความรู้ใหม่ของคุณกะเตื้องขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
ชอบหรือไม่ชอบอย่างไรก็อย่าว่ากันล่ะกันนะ ยังไงก็ทนอ่านกันมาถึงตอนจบแล้ว ขอบคุณครับ
มิตรภาพ..คือของขวัญ
ที่ใคร
ๆ ..มีให้กัน..ฉันเพื่อนใหม่
คือความรัก..ที่ให้..จากใจจริง
และมิตรภาพ..แห่งเพื่อน
ไม่มีคำ..ว่าลางเลือน..ว่าแน่นิ่ง
จะเดินต่อ..และต่อไป..ไม่จมดิ่ง
ก็เพราะเพื่อน..ไม่ทิ้งเพื่อน..กันและกัน
มันคือ..ความรัก..แบบเบื้องต้น
ที่หนึ่งคน..ให้อีกคน..เธอและฉัน
เพิ่มอีกหนึ่ง..และอีกหนึ่ง..ในเร็ววัน
กลายเป็นกลุ่ม..เพื่อนกัน..เพื่อนของเรา
นี่แหล่ะ..คำว่าเพื่อน
ที่ย้ำเตือน..พวกเราอยู่..ไม่เคยเหงา
มีเพื่อน..เหมือนมีพี่..มีน้องเรา
จงรักษา..และจงเข้า..ใจซึ่งกัน
มิตรภาพ..จะไม่มี..ที่สิ้นสุด
จะมีหยุด..บ้างบางคราว..เมื่อหุนหัน
เพราะเพื่อนคือ...เพื่อนกัน..ฉันเพื่อนเธอ
มิตรภาพแห่งคนสองคนและคนหลายคนจะเก็บไว้ตราบนานเท่านาน
แม้ว่าอดีตแห่งภาพมิตรนั้นจะผ่านไป มากหน้าหลายตา
ผ่านไปกับวันเวลา แต่มันก็ยังคงจารึกไว้ไม่มีเปลี่ยนแปลง ..ในใจ..ในไดเรคทอรี่..
สมองใบกลม ๆ ใส ๆ ใบนี้.......เช่นเคย
เรื่องของไอ้พิพัฒจบลง
คนเศร้ามีครับ แต่ลับหลังความเศร้าแล้วความสุขก็ผุดขึ้น ผุดขึ้นมาหลังจากเสียความรัก..
ความรักที่จบลงด้วยการให้.. ..ด้วยการเสียสละ ..สละความเสียใจที่มีทิ้งไป
..ทิ้งไปกับวันเวลาที่จะเดินผ่านมาในอีกเร็ววัน ..
ความรักอาจทำให้ใครหลายคนเจ็บปวด
แต่เบื้องลึกแห่งรักนั้นได้เก็บสั่งสมความชื่นอกชื่นใจนานับประการไว้ภายใต้ใบหน้าอันเปี่ยมสุข ภายใต้รอยยิ้มของมุมปากกระจับอมชมพู
ภายใต้ตีนกาที่แย่งกันขึ้น ณ หางตามหานคร ภายในช่องปากที่คุณอาจไม่รู้ว่าคุณได้โชว์แมงกินฟันไปแล้วโดยไม่รู้ตัวเวลาคุณหัวเราะอย่างจริงจังและจริงใจกับคนที่คุณรัก ไม่มีใครตอบคุณได้ว่าความรักคืออะไรเพราะ
คุณ.....คือคนที่รู้จักคำว่ารักได้ดีที่สุด ถ้าคุณไม่ลองทุกข์กับคำว่ารัก
แล้วคุณจะรู้ไม๊ล่ะครับว่ารักที่จะเกิดขึ้นกับคุณต่อไปจะไม่สุข ก็เพราะคุณไม่รู้ว่าทุกข์จากคำว่ารักคืออะไร
รสชาดทุกรสชาดมักเกิดจากการได้ลิ้มลองก่อนทุกครั้ง ถ้าคุณไม่ลองลิ้มคุณก็ไม่รู้รสจริงไหมครับ
การเรียนรู้เรื่องความรักไม่ใช่สิ่งผิด
บางครั้งคุณอาจจะรักใครซักคน รักเขาโดยเขาอาจจะไม่รู้ตัว
แต่กระนั้นมันก็ต้องมีเหตุผลใช่ไหมครับ ว่าทำไมคุณถึงไม่บอกคนที่คุณรักว่าคุณรักเขา
จิตใต้สำนึกเท่านั้นที่บอกกับคุณได้
หรือคุณอาจจะสารภาพกับเขาไปแล้วว่าคุณคิดยังไงกับเขา
นั่นก็จิตใต้สำนึกของคุณอีกนั่นแหละ
พ่วงด้วยความกล้าที่คุณมีในตัวเองอีกสักหน่อยเท่านั้นเป็นใช้ได้ ใคร ๆ เขาก็ชอบให้คนอื่นรักเขาทั้งนั้นแหละครับ
ถ้ารักก็บอกไปเถอะ อย่าเก็บไว้ให้มันปวดหัวปวดกะบาลเลย
แต่ก็ต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนนะครับว่าเราสนิทกันขนาดไหน รู้จักกันนานแค่ไหน
ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าเจอใครก็บอกรักเขาไปหมด นั่นก็หลายใจแล้วครับคุณน่ะ (กรณีชู้สาว) แต่แปลก ทำไมมีคนกล้าที่จะบอกว่า ฉันเกลียดเธอ หรือ กูเกลียดมึง
มากกว่าที่จะเดินเชิดหน้าไปบอกว่า ฉันรักเธอ ซะอีก
หาง่ายครับประเด็นนี้ สังเกตจากการท้าตบท้าต่อยกันตามโรงเรียน มหาลัยฯ
ก็ได้ทำนองนั้น ล้นครับล้น
ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่ค่อยจะเข้าใจเหมือนกัน ให้ตายสิ
พิพัฒเพื่อนผมมันรู้แล้วว่าความรักจำกัดความว่าอะไร
การเรียนรู้ด้วยตัวเองนั่นแหละเป็นการดีที่สุด ยากที่จะให้ใครมาบอกมาเล่าว่าความรักเป็นอย่างโน้นอย่างนี้โดยที่คุณไม่มีพื้นฐานความเข้าใจในเรื่องรักเลยแม้แต่น้อย
อย่าให้ใครมาจูงจมูก เพราะคุณไม่ใช่ .... นะครับ (มอ.. มอ..) เรื่องไอ้พิพัฒคงช่วยบอกอะไรคุณได้ไม่มากก็น้อยนะครับเกี่ยวกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ
เนี่ย อาทิเช่น การเป็นเจ้าบุญทุ่ม
การเป็นคนขี้หลี การเป็นคนพูดมากเกินกว่าเหตุ แหลเอ้ยแหล่ไม่เลือกแบบมันเนี่ย
เก็บไว้เป็นข้อคิดอุทาหรณ์สอนใจบ้างก็ดีครับ ท่านผู้ชายทั้งหลาย
หลังจากจบจากที่นี่แล้ว
หน้าร้านน้องมาลาก็เปลี่ยนเป็นร้านขายก๋วยจั๊บแทน เนื่องจากป้าจิ๊บแกแซ้งต่อครับ
ส่วนข้าง ๆ ก็ร้านเดิม ร้านแม่ไอ้ชิ้นไงครับ ขายเกาเหลาชิ้นเปื่อยไงยังจำได้ไหม
และผมคงไม่วันที่จะลืมรสชาดข้าวก้นบาตรที่ผมกับไอ้หยวกลูกผู้ครองนครแห่งวัดนี้ตัดหน้าเกือบทุกวัน
ตัดหน้าไปทั้งของหวานของคาวยาวทั้งก่อนเพลและหลังเพล มื้อสาธารณะชนแบบเด็กวัดอย่างเรา
ๆ ไปได้ บวกกับแกงส้ม ออเดอร์บาทวิถีสตรีเหล็ก อย่างร้านน้องส้มเจ้าเก่ารสเด็ดเหมาะเฉพาะปากอย่างพระสังฆ์แบบผมเนี่ยไม่มีวันลืมเทียวครับ
สาบาญ ! และไอ้พิพัฒเพื่อนผม
เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่อาจจะห่างกันบ้างก็เท่านั้น
แต่ความรู้สึกถึงคำว่าเพื่อนมันยังชัดเจนเหมือนเดิมและจะเหมือนเดิมตลอดไป
แต่ไอ้คารมเจ้าบทเจ้ากลอนของมันจะล้าลงไปหรือเปล่าอันนี้ก็มิทราบนะครับ ผมไม่แน่ใจอ่ะนะเรื่องนี้
- นำแสดงโดย
-v[ขอบ
อารมณ์ดีไม่มีทุกข์ ชอบแงะปุกไปซื้อหนม และที่สุดจะชื่นชม ชอบเขียนคำคมส่งประกวด (นักล่ารางวัลจังฮู้)
กำกับบทโดย จูนเคอะ
สี ฉาก เส้นใต้ ภาพอักษรประกอบโดย ^_^ ลิ่วเยี่ย
ทุ่มทุนสร้าง
โดย มิถุนายน ..........................
^ __________________^
เรียงร้อยถ้อยคำสำนวนกับฉนวนความรักอย่างขะมักเขม้น
มิถุนายน คนเขียน Home