Home                                               มาลาท่าพระจันทร์  (ตอนที่ 4)

 

·        าลาหลงรัก (Falling in Love with …)

 

            ก็กลับมาเจอกันอีกครั้งพร้อมน้ำหมึกหยดใหม่ที่ดูจะสดใสกว่าเดิม ก็เหมือนเดิมแหละครับเราจะมาเติมความมัน ขำขัน มันหยดเหมือนน้ำนมมดกันอีกแล้วครับ มาคราวนี้ไอ้พิพัฒน์มันมาพร้อมกับน้ำตาหนึ่งหยดบนใบหน้า เรื่องมันก็เกิดอีกแล้วครับคราวนี้ เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ ! ผมถามมัน มันเงียบครับ  แหม เล่นตัวด้วยนะเนี่ย มันยิ่งทำให้คนที่มีแววนักวิทยาศาสตร์อย่างผมอยากรู้เสียจริง   หรือว่ามันโดนแม่มาลาหน้าใสขว้างหัวใจที่เหี่ยว ๆ  เขียว ๆ ไร้ความเรียวทิ้งซะล่ะเนี่ย และอุทาหรณ์ของผมก็เป็นจริง ใช่แล้วครับตอนนี้แม่มาลาเค้าไปติดพ่อค้าน้ำเต้าหู้อยู่แถวสำโรงหน้าโรงรับจำนำซิครับ ไหงเป็นงี้ไปได้ล่ะ ก็ไอ้พิพัฒเนี่ยคารมมันก็เหลือร้ายแล้วนะครับผมว่าแล้วทำไมยังแพ้ลวดลายพ่อค้าขายน้ำเต้าหู้หน้าไหนได้ล่ะเนี่ย ผมล่ะเบื่อแสนเบื่อกับความรักที่คลุมเครือของมันจริงครับ  มันเล่าให้ผมฟังว่าแม่มาลาเขาเปลี่ยนไป   เห็นนั่งเหม่อ ๆ ซึม ๆ มันแซวเท่าไหร่ แม่มาลาก็ไม่ว่ากลอนกลับ มันแปลกไม๊ล่ะครับ ผมก็ว่าแปลกอยู่นะเอาเป็นว่าผมรับปากมันว่าจะสืบดูแม่มาลาให้ มันก็หน้าบานใหญ่ขึ้นมาเชียว ก็บังเอิ้ญ บังเอิญ บ้านน้องมาลาเค้าอยู่ข้างหอผมเองแหมพอเหมาะพอเจาะจริง ๆ เลยครับ ตั้งแต่วันนั้นผมไปสังเกตน้องมาลาดู เหม่อครับเหม่อเหมือนเจอเซอไพร้ซ์อะไรประมาณเนี้ย ตกเย็นขายมาลัยหมด  เธอจะมานั่งเหม่อนอกชาน มองฟ้า มองดาว เหมือนสาวกำลังมีความรัก และผมก็พึ่งจะประจักษ์กับสายตาก็วันนี้เองครับ

                                    “เห็นน้องมาลานั่งหน้า                   ชานบ้าน

หน้างี้เธอช่างบาน                                        เป็นจาน  กระเบื้อง

ผมตะโกนเรียกไม่ขาน                                ตอบกลับ

จนทอมซินอักเสบครับ                               เจ็บคอ ไปเลย”

            มตะโกนจนแม่ค้าหน้าหอ เค้าคิดว่าผมด่าเค้าอยู่นะครับ ก็เกือบตาย    เพราะสายตาป้าจิ๊บที่หน้าเหมือนนกกระจิบทำตาปริบ ๆ เหมือนจะถีบผมตกลงมาจากระเบียงอย่างไงอย่างงั้น นี่ถ้าป้าแกยืนอยู่ข้าง ๆ ผมนะ ผมคงไม่มีชีวิตรอดอยู่ได้จนทุกวันนี้หรอก ผมเห็นน้องมาลาเค้ามองท้องฟ้าเหมือนกับเธอกำลังค้นหาว่าสุดขอบฟ้าอยู่หนใดอย่างนั้นแหละ ว้าเหมือนพี่แอมเลยครับกำลังหาขอบฟ้า ถ้าเจอบอกผมด้วยนะครับ ผมจะได้จดลิขสิทธ์เป็นผู้ค้นพบ แล้วสุดขอบฟ้านั้นก็ต้องใช้ชื่อผมไปโดยปริยาย ประมาณว่าขอบฟ้า “มิถุนายน” อะไรทำนองเนี้ย

            ผมล่ะอยากเห็นพ่อค้าขายน้ำเต้าหู้เสียจริง ๆ เลยครับว่าจะหล่อบาดใจได้ขนาดไหน ขนาดน้องมาลามาลัยยังทอดอาลัยตายอยากได้ถึงขนาดนี้ ว่าแล้วผมก็สะกดรอยตามเธอไปอย่างกระชั้นชิด เธอขึ้นก้าวขึ้นรถเมล์สายหนึ่งอย่างทะมัดทะแมงเหมือนแม่ค้าข้าวแกงตักกับแล้วรัดหนังยางปุ๊บปั๊บงัยงั้นเชียวแหละ และแล้วเราสองคนก็นั่งรถเมล์มาเรื่อย ๆ ซักพักแม่มาลาเค้าก็กดกริ่งลง ผมก็ต้องแหวกว่ายชายกระโปรงลงมาจนได้   คนเยอะเหลือเกินครับให้ตายสิ ทำไมคนเขาไม่คิดจะออกรถออกรามาขับกันบ้างจะได้มีที่วางบนรถเมล์เยอะ ๆ ฮ้อ ! แต่อย่างนี้ก็ดีครับอบอุ่นดี แบบว่าอยากให้มีวันคาร์ฟรีเดย์ทุกวันเลยครับ แต่แล้วโรคบ้าเห่อฉบับคนไทย ไทยมุง ไทยใหญ่ ไทยน้อย ไทยอะไรต่อมิอะไรที่สุดจะสรรหามาบรรยาย  ก็ร่อย ๆ หรอ ๆ ลงไปอย่างเห็นได้ชัด ผมว่าคนไทยเราเนี่ยทำอะไรแบบเช้าชามเย็นชามนะครับ อ้าว!    ยังไงนะหรอ ก็แบบเช้าทำตามนโยบายคือนั่งรถเมล์มาทำงาน แต่ตกสายกลัวมาดเท่ห์ ๆ จะเจือจางเลยบอกให้คนขับรถที่บ้านมารับ แหม ! นโยบายหารสองจริง ๆ ครับ เชื่อเลย แบบว่าตามนโยบายครึ่ง ที่เหลือตามใจฉันครึ่งทำนองนั้น อ้าวออกนอกเรื่องอีกแล้ว กลับมาเรื่องเดิมกันดีกว่า รถเมล์เจ้ากรรมคันนั้นก็แล่นมาเรื่อย ๆ “ ถึงพระโขนงแล้ว” ผมอุทานในใจก่อนที่จะคิดถึงน้องโอ่งยอดยาใจขึ้นมาทันทีทันควัน ทำไมต้องน้องโอ่งหรือครับ โธ่ก็มันเป็นอะไรที่พวกนักกวีเค้าฮิตกันนะครับ ก็เหมือนท่านสุนทรภู่เวลาที่ท่านเดินทางไกลเมื่อถึงสถานที่แห่งใดหรือตรงไหนอำเภอไหนก็จะคิดถึงคนนั้น ท่านจะแต่งหรือเขียนเป็นกลอนนิราศ อาทิเช่น นิราศพระบาท นิราศเมืองแกลง ทำนองนี้ เอ๊ะ ! แล้วทำไมเธอลงตรงนี้ล่ะครับเนี่ยมันเลยหรือมันถึงแล้วล่ะเนี่ย โทษทีครับถ้าผมตามเธอไม่ทันคงหลงครับหลง หลงแน่ ๆ กลับบ้านยังไงล่ะเนี่ยผมยังไม่รู้เลย

                          “ถึงพระโขนงก้าวย่าง                    ลงรถ ลงรถ

ดีใจก็ไอ้คนข้างหลังมันตด                         โคตรเหม็น

ยืนมาจนก้นเป็นผด                                      อย่างยาว

นึกแล้วอยากถีบมันกระเด็น                       ตดเหม็น ชิบเลย”

       อีกแล้ว อีกแล้วครับท่าน เนี่ย ! ถ้ามีสเมลล์เอฟเฟ็คล่ะก็อ่านกำลังหนุก กำลังขำกลิ้งไม่กลิ้งแหล่ก็เหอะครับ มีอันวงกระจุยเป็นแน่ กลิ่นมันช่างตลบอบอวลเย้ายวนปลายจมูกเสียจริง ให้รวยเถอะโรบิ้น ! อิอิ (อุทานแบบเนี้ย ผมชอบ) เฮ้อ !ลำบากครับทำไมชีวิตคนบนรถเมล์มันถึงไม่สวยเก๋อย่างที่คิด เอาไว้รถไฟฟ้าเริ่มฮิตเมื่อไหร่ผมคงหันไปใช้บริการบ้าง จะได้ไม่เอ้า (out)  ผมลงมายังไม่ทันหายเหม็นตดดีแม่มาลาเค้าก็วิ่งรี่ขึ้นรถต่อทันทีอีหลีแท้ โห!อึดครับอึด คุณเธอช่างเข้มแข็งเหลือเกินแต่ตอนนี้ผมกำลังเข้มข้นตดไอ้บ้านั่นยังไม่หาย  ผมค่อย ๆ ย่องตามไปอย่างกระชั้นชิดเหมือนคนรู้จักคู่คิดมาด้วยกัน (อ้าวก็มาด้วยกันนี่หว่า) อย่าถือสาผมเลยครับ ผมมันก็ต๊องอย่างงี้ล่ะครับ มีมุขครับมีมุข ผมรีบวิ่งตามไปอย่างตารีตาเหลือกยิ่งกว่าแคะฟันเพราะเผือกติดอยู่อีกแน่ะ ซักพักผมชักทนไม่ไหวใจไม่สู้ก็มันจะลมใส่เสียให้ได้ครับ ก็นั่งมาตั้งโดนแล้วนี่หน่า (ภาษาอีสานแปลว่านานแล้ว) ผมเลยสะกิดคนข้าง ๆ ถามว่าพี่มียาดมไหม ผมจะเป็นลม โห ! เค้าตอบกลับมาอย่างสุดซึ้งซึ่งมันทำให้ผมอึ้งกิมกี่ฉี่แทบราด เค้าว่าไงรู้ไหมครับ เค้าบอกว่าเป็นลมก็เย็นแด๊ะน้องดีพี่กำลังร้อน ผมก็หัวเราะเห่ะ ๆ ตามภาษาเด็กใบ้เบะ ๆ แน่ะครับ เจอคารมเด็กแถวนี้ไม่กล้าต่อคารี้สีคารมด้วยเลยให้ตายสิ ผมก็ต้องนั่งทนกับไอ้บ้านั่นต่อ ยาวครับยาว ไฟแดงก็เยอะ แหมพูดแล้วนึกถึงผักบุ้งไฟแดงจังครับ ก็คนมันหิวครับหิว ท้องมันกิ่วมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่

            ผมนั่งรถเมล์ผ่านมาเรื่อย ๆ จนมาถึงกรมอุตุนิยมวิทยา มหาสาธยายอากาศ แห่งประเทศเอกราชชาติไทย ไชโย ไชโย ด้วยแหละ กว้างดีครับ เอ้อนี่ผมออกนอกเขตประเทศไทย เฮ้ยกรุงเทพมหานคร อามรนัดตานะไปจำศีล แล้วหรือเนี่ย โหเส้นยาแดงผ่าแปด เฮ้ยไม่ใช่เส้นแบ่งเขตแดนข้ามจังหวัดต่างหาก ตอนนี้ผมเข้าเขตจังหวัดสมุทรปราการแล้วครับ มาไกลยิ่งกว่าไมเคิ้ล หว่องซะอีกนะเนี่ย ตอนนี้ผมหิวมาก หิวจนคิดว่ากลับไปจะต้มไวไวกินซึกห้าห่อในหม้อเดียวกัน   ผมคิดได้ไม่นานแม่มาลาเค้าก็ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมจึงรีบลงอย่างทันทีทันใด แล้วก็คิดถึงไวไวหม้อโต ๆ จัมโบ้ซุปเปอร์แซบไปพร้อม ๆ กัน

 เธอข้ามสะพานลอย (bridge) ครับหลังจากที่เธอลงจากรถเมล์แล้ว เธอจ้ำพรวด ๆ เหมือนจรวดนาซ่าหรืออีกนัยหนึ่งว่าตามควาย (buffallo) ซึ่งเธอเป็นเจ้าของอยู่ได้หายไปทีเดียว ผมตามไปแบบไม่ให้ใครรู้ แต่ดู ๆ เหมือนรู้เลยแฮะ ถึงที่หมายแล้วผมดีใจนึกไว้ว่าจะซื้อน้ำเต้าหู้ กินแก้ลิ้นด้านชาเพราะอาการหิวซักหน่อยก่อนกลับ แบบว่าอุดหนุนไงครับคนรู้จักกัน อุดหนุนแฟนใหม่ของน้องมาลาเค้าหน่อย ไหน ๆ ก็มาถึงที่แล้วจะได้ไม่เสียโอกาส เมื่อถึงร้านน้ำเต้าหู้แม่มาลาก็หน้าบานยิ่งกว่ากระบวยตักน้ำเต้าหู้เสียอีกแน่ะ เพิ่งจะรู้ว่าสเปกของน้องมาลาเค้าเป็นแบบนี้  ก็แบบว่า อย่างเงี้ยน่ะครับ

           

“ขาวตี๋สูงร้อยหก                             สิบห้า สิบห้า

ผอมแห้งแรงน้อยตา                                    โคตรตี่

ยืนขายน้ำเต้าหู้หน้า                                  โรงตึ๋ง

หล่อละม้ายคล้ายพี่                                      พลตัณ ฑเสถีย”

           

มก็ว่าหล่อดีนะครับ ขยันประหยัด กตัญญูเหมือนสูตรอากู๋บอกไว้ว่าคุณสมบัติของชายไทยที่ควรมี  ผมว่าดีกว่าไอ้พิพัฒเสียอีก เนี่ยถ้ามันขยันอีกนิดคงจะพิชิตใจแม่มาลาเค้าได้ แต่ไม่วายมันไม่มีคุณสมบัติข้อไหนที่ตรงกับชายไทยซักอย่าง สมน้ำหน้า ผมก็ว่าเค้าเหมาะสมกันดีนะครับ อ้าว! แล้วนี่จะอยู่อีกนานไหมเนี่ย โอ้ยผมปวดฉี่ครับท่านผู้อ่านเอาเป็นว่าผมขอเที่ยวต่อเลยละกัน อิมเวิลครับอิมเวิล (อิมพีเรียลเวิลสำโรง)   ผมดูมันอินเตอร์ดี อย่างน้อยก็ขอเข้าไปฉี่ก่อนละกันครับ  อ้าวแล้วนี่ผมจะกลับยังไงละครับ ผมล่ะละเหี่ยใจกับตัวเองเสียจริง ก็ความจำมันไม่ค่อยจะดีครับ อย่างเงี้ยต้องกินนอติลุสซักหน่อยแล้ว

ฮ้อ ! เหนื่อย ได้ยินเสียงถอนหายใจของผมไม๊ล่ะครับเนี่ยว่าเหนื่อยขนาดไหน เอาเป็นว่าตอนนี้ขอแวะหน่อยล่ะกันนะรอไปก่อนล่ะกันนะพิพัฒเพื่อนรัก ไว้กลับไปจะเล่าถึงความน่ารักน่าชังของนายตี๋หน้าตาตี่ คิ้วดก แถมมีหนวดรก ๆ ที่คางให้ไอ้พิพัฒฟังจนตาค้างคืนนี้ล่ะกัน และที่ขาดไม่ได้กลับไปผมก็ขอซดไว ๆ ซักห้าห่อเต็มหม้อ ขอน้ำใสซักหน่อย แล้ววันนี้ป้าจิ๊บเค้าจะจีบผมด้วยสายตาเหมือนอนาคอนด้าอีกไหมเนี่ย แหมเกิดเป็นคนหล่อแต่ปากยิ่งกว่าท่อระบายน้ำเนี่ยมันก็แก้ยากนะครับ  เอาไว้ผมมีแฟนเมื่อไหร่จะบอกเล่าเก้าสิบให้ท่านผู้อ่านทราบเป็นคนแรกเลย ก็ใครเปิดอ่านก่อนก็คนนั้นแหละรู้เป็นคนแรกไง ป.ล. โปรดอย่าแย่งกันเลยครับผมกลัวหนังสือผมจะขายดี หมดเร็วเกินเหตุครับ เอาเป็นว่าขอไปแอ่วอิมฯก่อนดีกว่าโอกาสหน้าเจอกันครับ สวัสดี (Sawasdee)

 

                                                                                                ......................

 

เรียงร้อยถ้อยคำสำนวน กับฉนวนความรักอย่างขะมักเขม้น                                         Home

มิถุนายน คนเขียน

4  เมษายน 2544

 

 

 

 

1