Home
มาลาท่าพระจันทร์(ตอนที่ 3)
ต่อกระดาษแผ่นใหม่กับความสดใสฉบับกระเป๋าที่คลุกเคล้าด้วยความเมามันของไอ้พิพัฒเจ้าเก่าตัวแสบ
ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับก็ไอ้พิพัฒนะสิ
ตั้งแต่โดนเข็มร้อยมาลัยกระเทาะใบหน้าแล้วหายหน้าหายตาไปไม่มาเล่าอะไรให้ผมฟังเหมือนเก่า
ผมเลยต้อยนั่งจับเข่าเมาเกาเหลาอยู่หลายวันหน้าร้านน้าตุ๋นลูกป้าเปื่อยหลานลุงเหลาม๊าไอ้ชิ้นเนี่แหละครับ
ไอ้เรื่องนับญาติเนี่ยผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่ค่อยจะถนัดและประสีประสากับเค้าเอาเสียเลย
นี่ถ้าผมมีลูกแล้วลูกของลูกของลูกผมจะเรียกหลานของหลานของหลานของพ่อผมว่ายังไงครับเนี่ย
ถ้าใครพอจะทราบก็ช่วยคาบเอาความกระจ่างมากระจายให้สมองของผมมันกว้างขึ้นสักทีเหอะครับ
ได้โปรด please
ผมล่ะคันไม้คันมือเป็นบ้าเชียวครับได้แต่นั่งจับเจ่าเป็นปลาเก๋าราดพริกที่แม้จะพยายามกระดิกก็กระดิกไม่ได้
แหม น่ากินจัง ตบท้ายด้วยกุ้ยช่ายสักสิบชิ้นก็ดีนะครับเนี่ย อ้ำ ! หย่อยครับหย่อย
มาเข้าเรื่องกันอีกซักทีดีกว่าตอนนี้ไอ้พิพัฒเพื่อนผมผู้ตรมตรอมมันมาพร้อมกับความขมขื่น
ที่แสนจะชื่นมื่นนิดหน่อยครับท่านผู้อ่าน
ก็ตอนนี้มันไม่ได้ไปโรงเรียนแล้วครับ
ผมก็เช่นกันครับอ้าว ! ก็อยู่โรงเรียนเดียวกันนี่หน่า
ปิดก็ต้องปิดเหมือน ๆ กันสิ ใช่บ่ครับ
งานนี้ไอ้พิพัฒมันต้องไปฝึกงานกับก๋งในช่วงปิดเทอม แหม น่าสงสารจริงครับ คงคิดถึงน้องมาลา
แม่ค้าหน้าคมผมสั้นนั่งหั่นมะลิร้อยมาลัยที่ท่าพระจันทร์โน่นสิท่า
เราลองมาฟังซิครับว่าตอนมันไปอยู่กับก๋งมันทำอะไรบ้าง
ฟังมันบรรยายโวหารหน่อยล่ะกัน
อยู่กับก๋ง แสนเหนื่อย
แสนเหนื่อย
กูล่ะโคตรเมื่อย อย่างนี้
ต้องทำทุกอย่าง กะทั่ง บะหมี่
ลวกตุ๋น แกง
ผัดขี้ เมา
เก๋าเหลา..ก็ทำ
เกือบครับเกือบก็ไอ้บาทสุดท้ายเนี่ย
มันเว้นวรรคน้านนานครับ ผมก็คิดว่ามีอาหารจานใหม่ อะไรกัน
ชื่อมันช่างดูไม่ค่อยน่ารับประเจี๊ยเลยซักนิด โธ่ที่แท้ก็ผัดขี้เมานี่เอง
พูดแล้วน้ำลายสอเลยนะครับ แหมมันนี่พูดแทบจับประเด็นยากจริง ๆ
ผมพึ่งจะแตกฉานขึ้นมานิดเพราะคิดไม่ออกอยู่นาน
มันไปฝึกขายบะหมี่สูตรอาอี๊ยังหลบกับก๋งตั่งหากหรือเนี่ย
ผมก็นึกว่าไปฝึกเป็นผู้บริหารระดับสูงซะอีก โธ่ที่แท้ก็ระดับพื้น ๆ ไม่งอกไม่น้ำ
นี่เอง พูดแล้วหิวครับ ผมก็เป็นเพื่อนสนิทกับมันมานานก็พึ่งจะรู้ความจริงว่ามันชอบกินบะหมี่แห้ง
เหตุผลหรือครับก็มันเป็นคนไร้น้ำ...(ยา)นี่ครับเลยไม่ใส่น้ำแต่น้ำใจมันมีเต็มเปี่ยมจนล้นเลยนะครับ
มันเล่าให้ผมฟังว่า อาก๋งมันมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน อ่านหนังสือไทยไม่แตกฉาน
แต่ก็ได้พอสมควรครับ เลยมีมุขเด็ด ๆ เฉพาะกิจมาเล่าให้ฟัง ลองฟังกันดูนะครับ
เรื่องก็มีอยู่ว่า อาก๋งแกชอบกินเชี่ยงชุน ก็สุราเมระยะ เอ๊ย กินเป็นระยะ ๆ
อะไรทำนองเนี้ย
ข้างขวดนั้นก็จะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ผู้ดื่มอ่านเพื่อเป็นการเตือนสติ อาก๋งแกอ่านถูกครับ
อ่านถูกทุกตัวอักษร แต่เว้นวรรคนี่สิผิดซะเต็มประตูเลย คิดหนักครับ ท่านผู้อ่านคงคิดว่าการ
เว้นวรรคผิดเนี่ยมันก็ไม่น่าจะมีความหมายแตกต่างอะไรมากมาย
แต่ลองสังเกตประโยคนี้ดูซิครับ แล้วท่านจะรู้สึกว่าท่านคิดผิดมากเลยทีเดียว
อาก๋งแกอ่านว่า
กินแล้วแข็ง แรงไม่มี โรคภัยมาเบียดเบียน
ท่านผู้อ่านคงจะรู้ว่าก๋งไอ้พิพัฒตอนนั้นมันรู้สึกอย่างไร
ก็แกเล่นกินไปเกือบหมดขวดแล้ว นึกเคริ้ม ๆ ก็อ่านเล่น ๆ ดูแต่ทานโทษ อ่านแล้วแทบซ็อกครับ
ไอ้พิพัฒมันบอกผมว่ามันก๊ากแบบเต็มพิกัด ยิ่งกว่านั่งดูตลกตลาดนัดหลังบ้านมันซะอีก
มันเลยต้องแปลงร่างเป็นซุปเปอร์แมน มาพยุงแขนอาก๋งไว้..โธ่คนแก่แทบซ๊อคแน่ะครับ
ลำบากถึงไอ้พิพัฒของเราครับต้องทำตัวเป็นเด็กเรียนกะทันหัน
กลายเป็นเด็กแตกฉานด้านภาษา มาเจรจาอ่านใหม่ให้อาก๋งฟัง
ของจริงต้องอ่านอย่างนี้ครับ ฟังมันดู
กินแล้วแข็งแรง
ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน
เนี่ยล่ะครับเป็นอุทาหรสอนใจให้เรารู้ว่าการเว้นวรรคผิด เหมือนปริดชีวิตลงทีละน้อย
น่าสงสารก๋งไอ้พิพัฒจริง ๆ ยังไม่หมดครับ มันยังมีมุขเด็ด ๆ
มาเล่าให้ผมฟังอีกครับ
มันบอกว่ามันเจอสาวสวยหมวยนิด ๆ แบบสุภาษิตนิยมมาซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านมัน แหม
ก็จะอะไรซะอีกเล่าก็ให้เยอะซิครับ ให้เยอะ
เจ๊งครับเจ๊งงานนี้ขาดทุนยิ่งกว่าเสื้อขาดเป็นรูพรุนทั้งตัวอีก
เรามาฟังคารมพ่อค้าเค้าเจรจาภาษาก๋วยเตี๋ยว กันดูดีกว่า
เอาเส้นอะไร ใส่ถุง..ไหมน้อง
อย่างน้องเนี่ยต้องลอง เส้นใหญ่
มีลูกชิ้นเด้งได้ ลองไหม..พี่ให้ชิม
นั่นจะมีเปิดชิมฟรีก่อนซื้อด้วยดูเด๊ะ
มันเห็นหญิงงามนามเพราะหน่อยไม่ได้เหมือนปลากระดี่ได้น้ำประมาณนั้นเลย
เรามาฟังคารมลูกค้า เอ๊ย น้องที่มาซื้อก๋วยเตี๋ยวตอบไอ้พิพัฒมันดูละกันครับ
เอาก๋วยเตี๋ยว เส้นเล็ก
เส้นเล็ก
งอกน้ำตกเปื่อย ไม่ใส่ พริกไทย
สองถุงเร็ว ๆ ไว ๆ
เดี๊ยโดนดี
โห!เกือบโดนแบ๊งค์ยี่สิบตบหน้าทะลุแล้วนะเนี่ย
เนี่ยแหล่ะผลเสียของการเป็นคนขี้หลี ก็เจ้าชู้นั่นแหละครับ
ระวังร้านอาก๋งจะอยู่ได้อีกไม่นานก็เพราะมีหลานกวน... อย่างเนี้ย มีอีกรายนึงครับ
ไอ้พิพัฒมันให้ฉายาว่าเจ้าแม่เครื่องปรุง ก็คุณเธอเล่นสั่งก๋วยเตี๋ยวชามเดียวแต่เหลียวหลังไปแป๊บ
ๆ เครื่องปรุงเกือบหมดกระปุกแน่ะ ผมล่ะตาลุกวาวเลย แหมอะไรจะขนาดนั้น
ไม่ทราบว่าเธอกินเครื่องปรุงหรือกินก๋วยเตี๋ยวนะครับ
หรือว่าแอบเอาถุงมาใส่เก็บกลับบ้านกันเนี่ย ไอ้พิพัฒมันบอกว่าร้านอาก๋งมันขายดี
ขนาดไม่ต้องมีเรือไททานิคมาตั้งหน้าร้านเหมือนในโฆษณานะครับ
แต่มันกลับเปรียบตัวมันว่า พ่อค้าเรือเร่ เร่หาอะไรผมถามมัน
อ้าวก็เร่หารักนะสิถามได้ มันตอบ โหผมอยากให้แม่มาลามาได้ยินจริง ๆ
ผมยังนึกไม่ออกเลยว่ามันจะโดนเข็มร้อยมาลัยตบเหมือนเดิมอีกหรือมากกว่านั้นก็ไม่รู้
ผมล่ะอยากดูท่ามันสลัดเส้นก๋วยเตี๋ยวจังคงเท่ห์ไม่หยอก มันยังบอกผมอีกว่ามันได้ตังค์มากินหนมตั้งหลายบาท
แต่บอกไม่ได้ครับเอาเป็นว่าเลี้ยง เค เอฟ ซี น้องมาลาได้หลายวันเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้ผมจนครับจน ไม่มีงานจะฝึกอย่างมันเลยต้องอยู่หอ
โดดเดี่ยวและเดียวดายตามลำพังตอนปิดเทอม
ไว้ผมกลับบ้านนอกแล้วจะมาเล่าเรื่องของผมให้ฟังบ้าง
ฟังเรื่องไอ้พิพัฒคนเดียวมานานแล้วคงเบื่อแย่เลย รึเปล่าครับเนี่ย
เอาไว้ฉบับหน้าเจอกันใหม่ครับ สวัสดี
..........................
2 เมษายน 2544