มาลาท่าพระจันทร์(ตอนที่
2)
· ร....รักลุกลาม
ต่อกระดาษแผ่นใหม่จนได้นะครับ
ท่านผู้อ่าน เอ้ย !ไม่ใช่สิ ต่อหน้าต่างใหม่ต่างหาก
เพราะนี่มัน write แบบไอทีนี่หน่า
ยังไงก็อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมาเลยนะครับ แต่นี่ผมก็ไม่ได้เมาและก็ไม่ได้บ้าแล้วคุณจะยกโทษให้ผมหรือเปล่าเนี่ย
นั่นนะสินะ โบราณท่านว่าไว้ว่า
กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง
เมื่อโบราณท่านว่าไว้อย่างนั้นก็ อัตตาหิอัตโนนาโถ ล่ะครับ ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน ตัวใครตัวมันล่ะครับงานนี้
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วท่านจงรำลึกไว้เสมอเถิดว่า จงทำอะไรด้วยตัวเอง อาทิเช่น คิดเอง พูดเอง ทำเอง
อย่าได้หมายให้ใครคิดให้ เพราะท่านจะเป็นคนที่ไม่มีความคิดเอาเสียเลย
อย่าได้หมายให้ใครต่อใครเขาพูดให้หรือออกเสียงแทนท่านไซร้อีกนัยหนึ่ง (ติดคุกครับติดคุก
อ้าว! ก็คุณขายเสียง ตำรวจนับแหง ๆ ครับหรือไม่ก็โดนใบแดงแจ๋แจกให้)
คุณรู้ไหมครับว่าทำไมเสียงอันแสนจะน่าเกลียด หรือน่าปรารถนาของคุณถึงขายได้
เสียงถือเป็นทรัพย์ส่วนบุคคล เป็นทรัพย์ที่สามารถจะลอกเลียนแบบได้
ถ้าคนที่ลอกเลียนแบบนั้นมีความสามารถพอ และเสียงของคุณอีกนั่นแหล่ะที่สร้างชาติได้
ชาติที่ให้เสียงมีสิทธิ์
แต่สิทธิ์ของเสียงจะออกมาหรือไม่ก็อยู่ที่เจ้าของเสียงจะมีกล่องเสียงอันไฉไลหรือเปล่านั่นเอง
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ปรารถนาให้เสียงของคุณมีสิทธิ์และปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของเสียงอันไฉไล
อย่างนี้เลยครับเอาแอบโดมิไนเซอร์ไป ติดไว้เพื่อป้องกันภัยอะมีบ้าก่อนในระดับหนึ่ง
นี่ไม่ใช่โฆษนาขายของนะครับ หรอ ! ถ้างั้นเราก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
(ขืนพูดมากไปกว่านี้ ปลาหมอต้องตายเพราะปากแน่ ๆ ดังนั้นผมคิดว่า พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียงตำลึงทอง อิอิ เข้ากันไหมเนี่ย ) อ่อ ! ไอ้ผมคนหนึ่งล่ะที่อยากรู้ว่าท่านโบราณผู้นี้คือใครกัน
ก็มิใช่อันใดไหนอื่นหรอกครับเพียงแต่ผมอยากจะกราบงาม ๆ ที่หน้าตักท่านสักสามที
ก่อนที่จะขอฝากผีฝากไข้เป็นลูกศิษย์ท่านผู้ใหญ่ท่านนี้สักครา
และใคร่จะกราบเรียนท่านว่า ถ้าไม่มีท่านป่านนี้แง่คิดดี ๆ
คมเด็ดเจ็ดสะระตี่ก็คงอันตรหนีหายไปไม่เหลือให้รุ่นลูกลุ่นหลานหรือรุ่นเหลนอย่างผมเก็บไปใช้เป็นข้อคิดในชีวิตได้เลยในปัจจุบัน
ขอบพระคุณครับ!
มาเข้าเรื่องกันซะทีดีกว่าเพราะตอนนี้ผมน่ะอัดอั้นตันฉี่
(ไม่ได้เป็นนิ่วนะครับ) ตันใจครับตันใจมานานแล้ว ก็ไอ้คุณพิพัฒน์มันเร่งเร้าเอาแต่เรื่องมาสุมที่หัวผมเนี่ยตั้งเยอะตั้งแยะ
เหมือนกับถังขยะแฉะ ๆ ที่ยังไม่ได้แยกแยะประเภทขยะอย่างไรอย่างงั้นเชียว
งั้นเราก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ครับ
ก็เจ้าบ่ะคุณพิพัฒเค้านัดน้องมาลาไปดื่มน้ำชา (ชำดำเย็น)
ที่ร้านอาแปะฉีที่หน้าโรงเรียน
เรื่องมันก็เกิดขึ้นจนได้เพราะปากมันไม่มีหูรูดนี่ละครับ ข้อสำคัญ
ท่านผู้อ่านก็คงพอทราบมาแล้วกับคารมถล่มทลายของมันนั่นแหละ
ไม่วายครับมันยังบาดอุปกรณ์ชงกาแฟแลชาเย็งของอาแปะฉีหรือผู้เฒ่าเฉ่งแห่งสำนักเยี่ยสุ่ยแห่งนี้
ขออธิบายสถานที่เล็กน้อย เยี่ยสุ่ยก็คือท่าพระจันทร์เนี่ยแหละครับไม่ใช่ที่ไหนใดอื่น
เยี่ยในภาษาจีนแปลว่าพระจันทร์หรือเดือน ส่วนสุ่ยแปลว่าน้ำ
สรุปรวมกันตามตำราของผมแล้วก็โอเคครับใช่เลย มาฟังไอ้พิพัฒมันโม้ก่อนดีกว่า
อาแปะเอาชาเย็ง สองที่
สองที่
เร็ว ๆ หน่อยฮ้า
แปะฉี เหินเห่า (ภาษาจีนกลางแปลว่าดีมาก)
นั่นไปเอาถุงเท้า ของใครมาชง
นั่นแน่ฟังดูซิครับ
มาให้แปะแกเห็นหน้าแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็โดนบาทาไร้เงาเข้าให้สักตึ๊บ
จะว่าไปแปะแกก็สิงคะนองนาเจ้าเก่า แต่นาไหนนั้นผมก็ไม่ทราบนะครับ
เรามาฟังอาแป่ะแกสั่งสอนเจ้าเพื่อนปากบอนของผมกันดีกว่าว่าบาดรูหูขนาดไหน
นี่ม่ายช่ายถุงเท้า ไอ้หนู
ได้หนู
เดี้ยอั้วเฟี้ยงใส่หู มึงหรอก
เนี่ยมัน.....ดู
รู้ป่าว
ถ้าอยากรู้จะบอก เข้ามา
ข้างใน
โหสำนวนกวนไม่แพ้กันเลยครับ
ใจพิพัฒมันก็เต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ
เพราะกลัวกะหม่อมจะร้อนเนื่องจากโดนลวกเข้าให้ด้วยไอ้......นั่นของแป่ะเค้าสิครับ
ซักพักมันก็นั่งอย่างสงบเสงี่ยมเจียมเฮดตามภาษาด่าแล้วด๊องของมันแล้วบอกผมว่าไม่อยากทำคนแก่เดี๋ยวบาป
ก็มันมีคำสอนใจเฉพาะกิจของมันล่ะครับ จุ๊ ๆ อย่างบอกมันนะครับ ผมจะว่าให้ฟัง
เจอคนแก่แลเด็ก ให้หนี ออกห่าง
แต่เจอสาวสวยไม่ส่าง ห่างให้โง่
แป๊ะ เจ้ หมวย
หรั่ง แหม่ม อย่างนี้
ถ้า....โต....โต ต้องพินิจ พิจารณา
นั่นละครับข้อคิดที่ติดหูผม
มันเป่าให้ผมฟังทุกวันจนผมจำได้ประหนึ่งแม่สูตรคูณ ที่คุณครูจำรูญสอนสั่งให้ท่องครั้งแต่เยาว์วัยทีเดียว
ก็ฟังดูเข้าทีดีนะครับ บางครั้งผมก็เก็บเอาไว้ใช้บ้างเมื่อมีโอกาสครับ
ส่วนไอ้ที่จุด ๆ ไว้ก็นึกเอาเองล่ะกันนะครับ
ผมกลัวโดนเซ็นเซอร์เลยบอกไม่ได้ครับ
วันนี้แม่มาลามาลัยของไอ้พิพัฒเงียบเชียบเหมือนตะเกียบไม่กระดิกเลยครับจะบอกให้
ตั้งแต่ไปกินไก่ เค เอฟ ซี วันนั้น
มาวันนี้ไหงเปลี่ยนไปเป็นฝาชีครอบไว้ก็ไม่รู้ วันนี้แม่มาลาเค้าหยุดเฉพาะกิจหนึ่งวัน
เพราะไอ้พิพัฒมันจะพาไปเที่ยวเขาเขียว เฮ้อ เด็ก ๆ ผมละหน่ายจีบหญิงทั้งทีไหงพาไปสวนสารพัดสัตว์
ลิง ชะนี ก็มิทราบ
แหมดูทั้งคู่ช่างมีความสุขเสียจริง ๆ
หลังจากจิบน้ำชาที่ร้านอาแปะแล้วไอ้พิพัฒมันก็ต้องแคะรูหูใหม่เพราะไม่ไหวโดนผู้ใหญ่ทักเนี่ย
ร้ายกว่าจิ้งจกทักอีกนะครับ เมื่อมาถึงเขาเขียวอารมณ์เหี่ยว ๆ เฉา ๆ
และเมารถของไอ้พิพัฒมันก็อันตรธานหายไปหมด ไอ้พิพัฒน์ถามน้องมาลาว่าอยากไปดูอะไรก่อนเป็นพิธี
น้องมาลาก็ตอบอย่างอ้อน ๆ ว่าลิงค่ะ ไอ้พิพัฒมันก็พาเดินไปละครับ แอ๊ะ!
แล้วมันรู้หรือครับว่ากรงลิงอยู่ไหน
เพราะร้อยวันพันปีหลังจากจบจากประถมศึกษามันก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาอีก
ก็เลยทำการดีลีทข้อมูลส่วนนี้ทิ้งไป จะได้ไม่เปลืองเนื้อที่หน่วยความจำของมัน
มันไม่รู้ครับแต่ยังทำเป็นฉลาด ให้ตายเถอะโรบิ้น แล้วอย่างไรล่ะครับเนี่ย
ระหว่างทางเพื่อไม่ให้หน้าแตกมันก็ชี้โน่นชี้นี่ให้แม่ศรีแก้วตาน้องมาลาฟังไปพลาง
ฟังมันแหลดูนะครับ
น้องมาลาดูนก เป็ดน้ำ เป็ดดิน
ว้าวนั่นนกขมิ้น เหลืองเป็นบ้า
เดินต่อไปหน่อยข้างหน้า เจอลิง แน่นอน
ลองฟังน้องมาลาแกว่ากับเจ้าพิพัฒดูนะครับ
เป็นไงพี่พิพัฒ เป็ดน้ำ
เป็ดดิน
มีด้วยหรือเป็ดดิน ไม่เคยรู้
แล้วเมื่อไหร่จะเห็นลิง ล่ะพี่
หยุดร้องซะทีชะนี ฟังแล้ว
น่ารำคาญ
โทษทีนะครับที่ไม่มีซาวน์แอฟเฟ็ค
มิฉะนั้นแล้วท่านอาจจะได้ยินเสียงอันน่ารำคาญของไอ้เพื่อนผมคนนี้
นั่นไงไอ้พิพัฒมันเถียงครับ เถียงครับท่านผู้อ่าน
ก็มันเห็นของมันนี่ครับเป็ดดินเนี่ย
ฟังมันอธิบายดูหน่อยละกันแต่อย่าไปเชื่อกับคำที่มันพูดมากนะครับ เพราะมันมั่วได้หน้าด้าน
ๆ เหลือเกิน
ไอ้นี่ก็เป็ดน้ำ อยู่ในน้ำ
ไงน้อง
ก็ที่มันเดินไปก็ร้อง ตัวนั้น
สงสัยมันปวดท้อง หิวข้าว
ไปเหอะกลับหลังหัน อยู่นั่น
กรงลิง
โห
แหวกแนววิชาการกลับกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์หน้าใหม่ ค้นพบเป็ดพันธ์ไทย ๆ
ที่หาดูได้อยากทีเดียวครับเนี่ย ไฟแรงเลยนะครับผู้คิดค้นพันธุ์เป็ดดิน
ผมล่ะเชื่อมันเลย น้องมาลาแกก็กลั้นขำไว้ไม่อยู่ครับ แกก็ก๊าก ออกมาก๊ากเบ่อเร่อ โอ้นี่หรือคือสุภาพสตรี
หมดครับหมด หมดสวยเลยครับฟังไว้นะครับท่านผู้อ่านที่เป็นสุภาพสตรีทั้งหลาย
กรุณาอย่าก๊ากเต็มพิกัดต่อหน้าที่สาธารณะชน
เพราะผมคนหนึ่งแหละครับที่รับไม่ได้
สังคมไทยก็เช่นกันครับคงรับไม่ได้เหมือนผม
เพราะคุณช่างเป็นผู้หญิงที่จริงใจเสียเหลือเกิน เดินได้ซักพักไอ้พิพัฒพ่อตาแหลมแกมทะลึ่งก็ต้องตะลึงกับสาวสวยสูงใหญ่
ผมว่าใหญ่ไปหน่อยนะครับ มันมองตาไม่กระพริบเลยครับ แหมพอดีกับน้องมาลาขอไปเข้าห้องน้ำห้องท่าเสียก่อน
ไม่งั้นเห็นเข้าจะเกิดอะไรขึ้นก็คงพอจะเดากันออกนะครับ พิษแรงหึงหนึ่งสตรี มักไม่ปราณีมีกรุณา มีแต่จะน็อกคา ตายคาที่สิพ่อคุณ
จริงไหมครับ นั่นแน่ มันไม่ได้มองอย่างเดียวนะครับ
มันมองด้วยปากแล้วยังถากด้วยตาอีกต่างหาก ตามสูตรหนุ่มปากมากแถวสี่แยกปากหมาใกล้ ๆ
บ้านผมเลย ก็แหม ! แม่สาวเจ้าดูแล้วดูอีกก็เหมือนกับแม่หมูพันธุ์ใหม่ออกมาเดินต้วมเตี้ยมไป
ๆ มา ๆ อยู่แถวนี้
ก็มีของดีให้ดูก็ต้องดูของดีสิจริงไหมครับ ถึงแม้จะไม่อัดแน่นด้วยคุณภาพก็ตามทีเถอะ
โหแต่งตัวงี้หนุ่ม ๆ เห็นซึมเลยครับ ทนดูไม่ได้
มาฟังไอ้พิพัฒมันมองด้วยปากด้วยสำนวนใหม่ แหล่พิพัฒฉบับกระเป๋ากันเถอะ
ตัวก็เป็นหมู หูก็เล็กนิดเดียว ขาก็ดูเขียว ๆ เหี่ยวแล้วใช่ไหม
ก้นพี่ท่านก็กลมโต ...ก็ดูใหญ่ ๆ
เห็นแล้วทนไม่ไหว คอกล้อมไว้ไม่อยู่หรือไงครับพี่ กูงี้จะบ้าตาย (หากจะให้การอ่านแหลเอ้ยแหล่ฉบับนี้มีรสชาติยิ่งขึ้นกรุณานึกถึงโฆษณา
หารสองที่มีพี่โน้ต อุดมเป็นพรีเซ็นเตอร์ครับ ประมาณว่า บ้านก็เบ่อเร่อ
เปิดไฟซะอ้าซ่าฯ อ่านอย่างเนี้ย
นึกออกยังเนี่ย)
มันกลับมาเล่าให้ผมฟัง
ขำครับ ขำเป็นบ้า ถ้าป้าหมูคนนั้นฟังมันแหลเอ๊ยแหล่ละก็ หลุมไหนก็หลุมไหนละครับคงรับไอ้พิพัฒมันเข้าไปนอนไม่ได้
เล่นว่าซะเสียหายหลายแสนเลยครับ ผมกลัวจริงครับ
ผมกลัวว่ามันจะเป็นปลาหมอตายเพราะปาก หรือไม่ก็สากถากหน้าตายอะไรทำนองเนี้ย
ก็ปากมันไม่อยู่สุก แซวไปแซวมาอยู่ได้ อย่างนี้เค้าเรียกว่ารนหาที่ตายจริง ๆ
ว่าไหมครับ วันนี้ไอ้พิพัฒมาโรงเรียนด้วยหน้าเขียว ๆ ช้ำ ๆ
ไม่รู้ครับว่ามันไปทำอะไรมา ผมเข้าไปถามมันครับแบบกวนตีน นิด ๆ
จะได้ไม่หงุดหงิดกัน
ผม พิพัฒ
เขียว ๆ
นี้มึงได้แต่ใดมา อ๋อ! น้องมาลาเค้าให้
ทำชอบสิ่งใดมาวานบอก แค่กูเอาหน้าไปใกล้
แม่ก็ฟาดเข้าให้เลย
อ่ะ! ^_^ ขำครับขำ สมจริง ๆ
สมควรจะโดนซะบ้าง ไม่โดนไม่ได้หรอกครับก็คุณพิพัฒท่านจะหัดชิงสุกก่อนห่าม
เลยต้องหามออกมา ไม่งั้นเป็นศพครับเป็นศพ เพราะโดนตบหน้าเขียวเป็นเส้นเลยครับ
ไม่ได้โดนตบด้วยอะไรหรอกครับ โดนตบด้วยเข็มร้อยมาลัยทีเดียวสามอัน
เสียวฟันมั้ยครับอยู่ดี ๆ ก็ดันเอาหน้าไปแหย่เข็มเล่น มันสนุกนักหรือครับ
วันนั้นทั้งวันไอ้พิพัฒมันเอาแต่นั่งซึมประหนึ่งนึกถึงอาอึ้มอาอี้ ไม่มีแซวเสียงแจ้ว ๆ สบายหูดีครับ
วันนี้กระดาษหมดอีกแล้ว ไว้แซวไอ้พิพัฒฉบับหน้าต่อล่ะกันนะครับ
...........................................................
2 เมษายน 2544